ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1150 ชายฝั่งเคลือบแก้ว

การจำหน่ายอาหารทะเลในแคนาดา จะต้องแบ่งเกรด สินค้าชนิดเดียวกันแต่ของที่มาจากธรรมชาติจะมีราคาแพงกว่าของที่มาจากการเพาะเลี้ยง อย่างเช่นปลาจำพวกปลาคาพีลินและปลาค็อดแอตแลนติก ราคาแพงกว่ากันไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉินสือโอววางแผนไว้ว่าจะขอการรับรอง หลังจากนั้นก็จับขึ้นมาขาย ส่งสินค้าคุณภาพสูงไปขายที่ร้านอาหารทะเลต้าฉิน ของที่มีคุณภาพธรรมดาและของคุณภาพต่ำ ก็นำไปจัดจำหน่ายในตลาดอาหารทะเล อาศัยตลาดผูกขาดเพียงอย่างเดียว คงจำหน่ายสินค้าได้ไม่เท่าไร
หยิบปลาคาพีลินมาใช้ยกตัวอย่างเหมือนเดิม ตลาดทั้งสองแห่งในไมอามีและนิวยอร์ก สามารถจำหน่ายปลาคาพีลินได้วันละสองถึงห้าตัน เท่านี้ก็ถือว่าเป็นจุดอิ่มตัวแล้ว ในหนึ่งปีขายได้มากที่สุดก็แค่หนึ่งพันถึงสองพันตัน แต่ฟาร์มปลาต้าฉินน่ะเหรอ? ในหนึ่งปีสามารถจับปลาคาพีลินได้มากกว่าหมื่นตัน!
ความสามารถในการผลิตของฟาร์มปลาต้าฉินน่ากลัวเกินไปแล้ว อย่ามองแค่ว่าเมื่อเทียบกับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แล้ว เนื้อที่ที่มีไม่นับว่าใหญ่มาก แต่เนื่องจากมีอาหารอยู่อย่างเต็มอิ่มรวมกับการส่งเสริมประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ทำให้ความสามารถในการผลิตของฟาร์มปลาสามารถครองอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของทั่วทั้งฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ในปัจจุบัน
นี่คือข้อมูลที่ฉินสือโอวคำนวณออกมาหลังจากศึกษาทรัพยากรสัตว์น้ำในฟาร์มปลาและทำการเปรียบเทียบกับสถิติผลผลิตของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เมื่อปีที่แล้วที่จัดทำโดยกรมประมง อาจจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง แต่คงไม่มากนัก
ใช้เวลาไปหลายวัน ฉินสือโอวทำการวางแผนทั้งหมดโดยรวมให้แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีที่อยู่ในบริเวณรอบๆ ฟาร์มปูดันเจเนสส์แล้ว เขาเพิ่มพลังโพไซดอนให้กับพวกมัน เพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้กับพวกมัน หลังจากนั้นก็หาเวลาในค่ำคืนหนึ่ง ให้พวกมันพากันลอยพ้นผิวน้ำมาที่ริมทะเล
ทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ฉินสือโอวขับรถเอทีวีพาวินนี่ไปที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท วินนี่ถามเขาขึ้นมาว่า “คุณจะพาฉันไปดูปูดันเจเนสส์ที่รักของคุณเหรอคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแหะๆ พูดว่า “ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ เกี่ยวกับปูดันเจเนสส์ แต่ต้องเกินความคาดหมายของคุณแน่ๆ”
ตอนที่เข้าใกล้ตำแหน่งของแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี วินนี่ก็เริ่มสังเกตเห็นมันแล้ว หลังจากรับเอาพลังโพไซดอนไปแล้ว โปรตีเอสเรืองแสงบนร่างกายของพวกมันก็ยิ่งมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ลำแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาก็ยิ่งระยิบระยับชัดเจน ขณะที่พวกมันลอยพ้นผิวน้ำ ราวกับว่ามีหิ่งห้อยสีฟ้าที่มีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วนกำลังบินอยู่
“สวรรค์ นี่คืออะไรเหรอคะ? ตัวอะไรกำลังส่องแสงสว่างอยู่บนผิวน้ำ?” วินนี่ถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่กล้าเดา สิ่งที่กำลังส่องแสงอยู่ก็คือแมงกะพรุนเวเลลลาที่สร้างความหายนะไว้เมื่อก่อนหน้านี้
แมงกะพรุนเวเลลลาในคราวนี้กลายพันธุ์ได้อย่างแปลกประหลาดมาก แซนเดอร์สทำการวิจัยอยู่หลายวันแต่ก็ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ ตอนแรกเขานึกว่าการกลายพันธุ์อย่างฉับพลันของยีนของแมงกะพรุนเวเลลลาที่มีความเกี่ยวข้องกับการขับถ่ายของปูดันเจเนสส์
สิ่งปฏิกูลของปูดันเจเนสส์มีเกลืออนินทรีย์อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้เนื่องจากปอดของสัตว์จำพวกปูสามารถฟอกน้ำทะเลให้บริสุทธิ์ได้ บางทีแร่ธาตุและธาตุโลหะหนักบางส่วนอาจจะเข้าไปในสิ่งปฏิกูลของพวกมันแล้วถูกปูดันเจเนสส์ดูดซึมเข้าไป จึงทำให้เกิดการกลายพันธุ์อย่างฉับพลัน
ทว่าพอเขาใช้แมงกะพรุนเวเลลลาปกติมาทำการเพาะพันธุ์ในพื้นที่เดียวกันกับปูดันเจเนสส์ มันกลับไม่ได้ปรากฏเป็นแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี ที่จริงแล้วเมื่อแมงกะพรุนเวเลลลาได้เจอกับปูดันเจเนสส์พวกมันก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ปูดันเจเนสส์จะจัดการฆ่าพวกมันเพื่อกินเป็นอาหารอย่างไร้ซึ่งความปรานี
นี่คือเหตุผลว่าทำไมแมงกะพรุนที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่เข้มแข็งกลับไม่ได้ครองจำนวนเป็นมหาอำนาจในมหาสมุทร ในทะเลยังมีสัตว์ชนิดอื่นที่สามารถควบคุมพวกมันได้อยู่เยอะเกินไป
ฉินสือโอวคิดว่าการกลายพันธุ์ของแมงกะพรุนฝูงนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันกับพลังโพไซดอนแน่ๆ แต่รายละเอียดที่ว่าเกี่ยวข้องกันด้านไหนก็พูดได้ยาก เพราะพวกมันกินแพลงก์ตอนที่ได้รับพลังโพไซดอน กินปลากับกุ้งที่ได้รับพลังโพไซดอน กินมูลของปลาใหญ่ของกุ้งของปูที่ก็ได้รับพลังโพไซดอนเข้าไป…
แน่นอนว่า เขาไม่ใช่ที่เป็นคนที่จะไตร่ตรองปัญหาที่ทำให้รู้สึกปวดหัวพวกนี้ เขาส่งมันให้กับแซนเดอร์สให้เขาไปวิจัยเอาเองก็แล้วกัน
และที่แน่นอนยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ยิ่งไม่ใช่เวลาที่จะมาไตร่ตรองปัญหาการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พวกนี้ เขาพาวินนี่มาสัมผัสกับความโรแมนติกต่างหาก
ขับรถเอทีวีวิ่งตรงมาที่ชายหาด หลังจากมาถึงริมทะเลฉินสือโอวก็เหยียบเบรกทันที เขาหมุนพวงมาลัยอย่างฉับพลันในขณะเดียวกันก็ลากหัวรถไปทางด้านหลัง แบบนี้ทำให้ท้ายรถเอทีวีสะบัดไปข้างหน้าภายใต้การควบคุมของแรงเฉื่อย จนเกิดการเคลื่อนไหวของท้ายรถที่ลอยสะบัดอย่างสวยงาม
ล้อรถสาดทรายเม็ดละเอียดให้กระเด็นขึ้นมา เม็ดทรายสีขาวร่วงหล่นลงมาจากทั่วท้องฟ้า ราวกับหิมะตก
วินนี่ที่กอดเอวฉินสือโอวอยู่บนรถส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็กออกมาด้วยความสนุกสนาน เห็นได้ชัดว่าท่านชายฉินทำให้เธอคาดไม่ถึงจริงๆ
ฉินสือโอวกระโดดลงมาจากรถ แล้วยื่นมือไปรับวินนี่ลงมาด้วยท่าทางอย่างสุภาพบุรุษ เขาแย้มรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คุณสุภาพสตรีแสนสวย ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งแสงราตรี ชายฝั่งเคลือบแก้วของผม นี่คือของขวัญที่สามีมอบให้กับคุณ ไม่ทราบว่าคุณชอบมันไหมครับ?”
วินนี่ยิ้มพร้อมกับกระโดดลงมาจากรถ เธอเตะรองเท้าออก แล้วกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งไปที่บริเวณด้านหน้าสุดของชายหาดด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า คลื่นทะเลสาดซัดขึ้นมาทีละลูกๆ พัดเอาทรายเม็ดละเอียดให้ติดมาจนหน้าเท้าของเธอจมลงไป
ทางด้านหน้า ด้านซ้ายและขวาของเธอ ดาวสีฟ้าดวงน้อยๆ ที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วนกำลังเปล่งประกายแสงระยิบระยับ แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีปกคลุมกันอย่างหนาแน่น พวกมันพลิ้วไหวไปตามคลื่นทะเลอย่างต่อเนื่อง รวมกับตัวของมันที่กวัดแกว่งหนวดและบิดหมุนตัวอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ประกายระยิบระยับของแสงดาวก็ยิ่งถี่ขึ้น
วินนี่มองดูภาพฉากนี้ด้วยความรู้สึกเซอร์ไพรซ์ มองดูรอบๆ กายแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองดูท้องฟ้า ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเกาะแฟร์เวลกระจ่างใสไม่มีรอยด่างพร้อย ค่ำคืนที่มืดมิดก็คือผ้าไหมสีดำที่กว้างยาวหนึ่งสาย ดวงดาวก็คือคริสทัลที่ถูกโรยลงไปด้านบน กำลังเปล่งประกายระยิบระยับเช่นเดียวกัน…
“ที่รักคะ ฉันแยกไม่ออกแล้วว่าตรงไหนคือท้องฟ้าตรงไหนคือท้องทะเล” วินนี่หันหน้ากลับไปมองฉินสือโอวแล้วพูดด้วยเสียงอันดังก้อง
ในช่วงเวลานี้ ผมสีดำสลวยของเธอถูกลมทะเลที่ร้องดังหวีดหวิวพัดปลิว กระโปรงของเธอถูกน้ำทะเลสาดใส่จนเปียกแนบติดกับขาทั้งสองข้าง ฉินสือโอวเดินเข้ามาตระกองกอดเธอเอาไว้ แล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคุณแยกทางกลับบ้านได้ไหมครับ? เจ้าหญิงเงือกแสนสวยของผม”
“เจ้าหญิงเงือกแสนสวยกลายเป็นราชินีเงือกแสนสวยแล้วค่ะ เธอมีลูกแล้ว แล้วเธอก็มีปราสาทด้วย เพียงแต่ว่าปราสาทของเธออยู่บนบก” วินนี่แย้มรอยยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือกลับไปจับแขนของฉินสือโอว
ฉินสือโอวจึงพูดกับเธอว่า “บนบกนั่นไม่ใช่ปราสาทหรอกครับ ปราสาทอยู่ในท้องทะเลต่างหาก”
ก็เขาคอยขนย้ายผลึกแก้วสมุทรในแอ่งใต้ทะเลอยู่โดยตลอดเลยนี่นา
วินนี่ไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เธอเพียงแต่โอบกอดเขาไว้พร้อมกับยกยิ้มด้วยความดีใจ
แมงกะพรุนบางส่วนถูกคลื่นซัดขึ้นมาถึงริมชายฝั่งแล้ว วินนี่ยังไม่ทันได้รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่เรืองแสงออกมาคืออะไร เธอก็จะยื่นมือออกไปจับมันขึ้นมาดูแล้ว
ฉินสือโอวดึงแขนเธอเอาไว้ แล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “อย่าเข้าไปดู คุณคิดว่ามันคืออะไร มันก็คือสิ่งนั้นนั่นแหละครับ”
แมงกะพรุนเวเลลลามีพิษ ถึงพิษจะไม่ร้ายแรง แต่ใครจะรู้ว่าแมงกะพรุนที่กลายพันธุ์มีพิษร้ายแรงแค่ไหน? แซนเดอร์สยังไม่ได้ทำการทดลองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถึงอย่างไรตอนที่เขาสัมผัสกับแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีเขาก็ระวังมากๆ อยู่แล้ว
วินนี่ดึงมือกลับมาอย่างว่าง่ายๆ ฉินสือโอวควบคุมเกลียวคลื่นให้ม้วนเอาแมงกะพรุนกลับลงไปในทะเล พยายามไม่ให้พวกมันขึ้นมาเกยตื้นบนชายหาดอย่างสุดความสามารถ
ขณะที่กำลังโอบกอดฉินสือโอวเอาไว้ วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “รู้ไหมคะว่าตอนที่เพิ่งได้คบกัน ฉันนึกว่าคุณเป็นคนแข็งๆ ทื่อๆ เหมือนท่อนไม้ ตอนนั้นฉันคิดว่าผู้ชายที่ฉันแต่งงานด้วย คงไม่มีทางทำเรื่องโรแมนติกหรือเซอร์ไพรส์อะไรฉันแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าฉันจะเดาผิด”
“แล้วตอนนี้คุณรู้สึกเซอร์ไพรซ์มากๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ? สามีของคุณเป็นสามีที่เพอร์เฟคที่สุดเลยใช่ไหมล่ะ? เพอร์เฟคยิ่งกว่าเบคแคมอีกใช่ไหม” ฉินสือโอวถามคำถามรับคำพูดของเธอ
วินนี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ ฉันอยากให้คุณเป็นคนทึ่มๆ ไม่รู้จักความโรแมนติก ไม่รู้จักแสดงความรักอะไรแบบนั้นมากกว่า ผู้ชายที่รู้เรื่องพวกนี้ดีเกินไป ฉันกลัวว่าเขาจะไปทำตัวเจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่นไม่เลือกหน้า”
ฉินสือโอวจึงรีบให้คำมั่นสัญญากับเธอว่า “ไม่ครับ หวานใจของผม ผม…”
วินนี่โบกมือปัด “อย่ากลัวไปเลยค่ะ ฉันแค่เป็นกังวลเรื่องนี้ตอนที่ได้รู้จักคุณแรกๆ ตอนนี้ฉันรู้จักคุณดีแล้ว ถึงคุณจะพอรู้จักการแสดงความรักอยู่บ้าง แต่ก็ยังทึ่มมาก ฉันไม่กังวลว่าคุณจะออกไปทำตัวเหลวไหลข้างนอกหรอกค่ะ?”
ฉินสือโอว “…”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset