ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1153 ไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ

จุดประสงค์ในการขึ้นมาบนภูเขาในครั้งนี้ไม่ใช่การเที่ยวชมธรรมชาติในฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นจึงปีนขึ้นไปข้างบนได้ค่อนข้างช้า ฉินสือโอวพาพ่อกับแม่เริ่มเดินตรงทางขึ้นเขา แบบนี้สภาพเส้นทางจะดีกว่า ส่วนผักป่าก็มีอยู่ไม่น้อย เนื่องจากบนเกาะแฟร์เวลไม่มีคนทานผักป่า ดังนั้นผักป่าที่อยู่ริมทางเดินบนเขาจึงไม่มีคนเก็บไปทาน
พ่อของฉินสือโอวทำหน้าบึ้ง อีกนิดก็จะสลักคำว่าไม่มีความสุขไว้บนหน้าผากอยู่แล้ว
แม่ของฉินสือโอวสังเกตเห็น จึงรอจนถึงตอนที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ แล้วพูดกับพ่อฉินว่า “พ่อดูสิว่าตอนนี้พ่อกำลังทำหน้าแบบไหน? ไม่ใช่ว่าพ่ออยากขึ้นมาเก็บผักบนภูเขาเองหรอกเหรอ? แล้วนี่เป็นอะไรไปล่ะ?”
พ่อฉินหัวเราะกลบเกลื่อน อธิบายว่า “ท้องไส้ไม่ค่อยดี ไม่สบายท้องน่ะ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะยังปรับตัวไม่ได้”
พอได้ยินว่าสามีไม่สบายท้อง แม่ฉินก็รีบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม่ฉินหันกลับไปมอง พอเห็นว่าที่นี่อยู่ห่างจากฟาร์มปลาไม่ไกล จึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นพ่ออย่าขึ้นเขาเลย กลับไปก่อนดีกว่าไหม?”
พ่อฉินโบกมือปัดแล้วพูดว่า “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? นี่เป็นกิจกรรมของครอบครัวนะ พ่อก็เป็นหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว”
ฉินสือโอวเห็นว่าคนชราทั้งสองคนรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง จึงเดินกลับไปถามด้วยความประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากแม่ฉินอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว พอฉินสือโอวหันไปมองพ่อที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ท่าทีโต้ตอบที่มีกลับไม่ได้เป็นเพราะไม่สบายท้อง แต่เป็นเพราะพ่ออยากขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา แต่ปรากฏว่าต้องเดินไปตามเส้นทางที่ถูกผู้คนหักร้างถางพงไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วแบบนั้นจะไปเจอเหยื่อได้อย่างไรกัน
ฉินสือโอวจึงเปลี่ยนเส้นทาง ตัดผ่านเข้าสู่ริมลำธาร แล้วเดินเลาะไปตามลำธารเพื่อขึ้นไปบนภูเขาแทน
แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันถึงจะเดินได้ยาก ทว่าผักป่าที่ขึ้นอยู่ตามริมลำธารก็มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่า อ่อนนุ่มกว่า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีสัตว์ป่าตัวเล็กๆ วิ่งมากินน้ำที่ริมลำธารอยู่เรื่อยๆ แบบนี้จึงสามารถเติมเต็มความปรารถนาของพ่อฉินได้แล้ว
เพิ่งจะเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ที่ริมลำธาร ก็ได้เห็นกวางหางขาวฝูงเล็กฝูงหนึ่งที่กำลังดื่มน้ำอยู่ นี่คือกวางฝูงใหม่ มีกวางตัวโตแค่สี่ตัวเท่านั้นตัวอื่นๆ ที่เหลือมีแต่ลูกกวาง น่าจะเป็นกวางใหญ่สองคู่ที่มากับลูกๆ ของพวกมัน ดูจากขนาดของลูกกวางแล้ว พวกมันน่าจะเกิดตอนช่วงฤดูหนาว
พ่อฉินยกปืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่กลับลังเลไม่รู้ว่าจะต้องยิงอย่างไร แบล็คไนฟ์จึงช่วยเขาจัดท่าทางเล็กน้อย แสดงสีหน้าไปที่เป้าหมายที่อยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ให้เขาเล็งแล้วยิงออกไปก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว
เสียง ‘ปัง’ ดังกึกก้องขึ้นมา ปากกระบอกปืนสะบัดขึ้นไปบนฟ้า พ่อฉินมองไปที่ฝูงกวางด้วยความตื่นเต้น เพื่อจะดูว่ามีกวางล้มลงบ้างไหม
ปรากฏว่าอย่าว่าแต่ล้มลงเลย กวางพวกนี้ไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ หลังจากถูกทำให้ตื่นตระหนกตกใจพวกมันก็หมุนตัวแล้ววิ่งหนีเข้าไปในป่าทึบทันที
หู่จือเป้าจือพุ่งตัวออกไปข้างหน้าเหมือนลูกธนูแหลมคม ฉินสือโอวจึงตะโกนออกไปเรียกให้พวกมันกลับมา ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่รู้แน่ว่าเจ้าสองตัวนี้จะวิ่งตามฝูงกวางหางขาวไปจนถึงที่ตรงไหน
พ่อฉินส่ายหัวอย่างเซ็งๆ แล้วกล่าวว่า “การล่าสัตว์นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
แม่ฉินก็จ้องหน้าเขาแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า พ่อไม่ได้ปวดท้องอยู่หรอกเหรอ? แม่ว่าตอนนี้พ่อดูมีแรงเหลือเฟือเลยนะ”
พ่อฉินยิ้มแห้งๆ หัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมกับพูดว่า “ปวดท้องเป็นพักๆ น่ะ ตอนนี้ไม่ปวดแล้วล่ะ แม่ไปเก็บผักของแม่เถอะ พ่อจะเดินไปสำรวจด้านหน้าสักหน่อย”
เดินเลียบริมลำธารไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ทุ่งคะน้าป่าหนึ่งผืนก็ปรากฏขึ้นที่ริมลำธาร มีใบผักบางส่วนยังมีรอยฟันของลูกกวางอยู่ ยิ่งช่วยพิสูจน์ได้ว่าผักป่าผืนนี้สามารถนำไปทานเป็นอาหารได้
ที่จีนก็มีคะน้าป่าเช่นกัน เพียงแต่ว่าที่บ้านเกิดของฉินสือโอวจะพบได้น้อยแม่ฉินจึงไม่รู้จัก ฉินสือโอวเคยค้นเจอในอินเทอร์เน็ต ผักป่าชนิดนี้มีคุณประโยชน์ที่มากมายหลายอย่าง สามารถนำมาใช้ทำเหมยไช่โค่วโร่ว (หมูสามชั้นตุ๋นวางบนผักกาดดอง) แทนผักกาดดองได้ สามารถนำมาดองกับพริกเพื่อทำเป็นผักดองเค็มได้ และยังสามารถนำไปลวกน้ำให้สุกแล้วเอามาคลุกกับกระเทียมบดได้อีกด้วย
พอฉินสือโอวพูดให้ฟังคร่าวๆ แม่ฉินก็เปลี่ยนจุดมุ่งหมาย ไม่สนใจพ่อฉิน แล้วหันมาเก็บผักพวกนี้อย่างจดจ่อตั้งใจ จนเต็มถุงตาข่ายใบเล็กอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็เจอต้นหอมป่ากับใบกระเทียมป่า สามารถเด็ดผักพวกนี้ไปได้เยอะหน่อย แม่ฉินพูดให้วินนี่ฟังว่า “ผักพวกนี้เอาไปตุ๋นกับเนื้อแล้วอร่อยมาก รสชาติดีกว่าหอม กระเทียม ขิง ที่ปลูกตามบ้านแท้ๆ เสียอีก แล้วยังช่วยขจัดน้ำมันและกลิ่นคาวของซี่โครงได้ด้วย”
เดี๋ยวขุดเดี๋ยวพักตลอดทาง แม่ฉินมีความสุขมากๆ ทางฝั่งของเธอได้ของติดไม้ติดมือมาค่อนข้างมาก ถุงตาข่ายที่อีวิลสันแบกอยู่บนหลัง ก็มีแต่ผลงานชิ้นเอกของแม่กับพี่สาวของฉินสือโอว
ทางฝั่งพ่อฉินก็ยังรู้สึกหดหู่ต่อไปอีก พ่อกับพี่เขยของฉินสือโอวยิงปืนไปตลอดทาง แต่กลับยิงเหยื่อไม่โดนเลยสักตัว สู้หู่จือกับเป้าจือก็ไม่ได้ หู่จือโถมเข้าโจมตีกระต่ายป่าสโนว์ชูตัวอวบอ้วนได้หนึ่งตัว ส่วนเป้าจือก็กัดไก่ฟ้าอเมริกาเหนือมาได้หนึ่งตัว
ถึงช่วงเที่ยง ฉินสือโอวหาพื้นที่ราบบริเวณริมลำธารแล้วทำการเก็บกวาดเพื่อที่จะทำอาหาร พื้นที่ตรงนี้มีเตาที่ก่อขึ้นจากก้อนหินกับโคลนจากลำธาร เป็นสถานที่ที่ไกด์นำเที่ยวพาบรรดานักท่องเที่ยวมาทำอาหารทานในป่า
ในลำธารมีปลาคาพีลินตลอดทั้งปี โดยเฉพาะตอนนี้ก็ยิ่งมีเยอะเป็นพิเศษ เนื่องจากปลาคาพีลินฝูงใหญ่ที่เป็นกำลังหลักมาถึงฟาร์มปลาแล้ว มีปลาบางส่วนที่ว่ายทวนกระแสน้ำมาตามลำธาร กระจายตัวไปทั่วลำธารสายนี้
ฉินสือโอวพกตาข่ายจับปลาอันเล็กติดตัวไปด้วยหนึ่งผืน หลังจากทอดลงไปในลำธารแล้วก็ลากขึ้นมาตามสะดวก ข้างในมีปลาคาพีลินตัวอวบอ้วนอยู่หลายสิบตัว
พ่อฉินช่วยเขาเอาปลาออกมาจากตาข่าย แล้วพูดอย่างทอดถอนใจว่า “แกว่าคนแคนาดาเขารักษาสิ่งแวดล้อมกันอย่างไร? แม่น้ำลำธารทั่วๆ ไปยังมีปลาอยู่เยอะขนาดนี้ ตอนที่พวกเราเป็นหนุ่ม ก็เคยได้ยินมาว่าที่เป่ยต้าฮวงใช้ท่อนไม้ตีกวางโรใช้กระบวยตักปลา กระทั่งไก่ป่าก็บินมาลงหม้อเองอะไรทำนองนั้นมาเหมือนกัน ที่เป่ยต้าฮวงไม่เคยได้เห็น แต่กลับเป็นภูเขาลูกเล็กๆ ที่นี่ต่างหากที่ทำให้พ่อได้เปิดหูเปิดตา”
ได้ฟังข้อสงสัยของพ่อฉิน วินนี่ก็อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อคะ มันไม่เหมือนกันนะคะ แคนาดามีพื้นที่กว้างขวางแต่มีประชากรบางตา พื้นที่ของที่นี่ใหญ่กว่าประเทศจีน แต่จำนวนประชากรกลับมีไม่ถึงครึ่งหนึ่งในมณฑลของที่นู่นเลยค่ะ ทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“อีกอย่างก็เพราะปลาพวกนี้คือปลาคาพีลิน ตอนนี้เป็นฤดูกาลแพร่พันธุ์ของพวกมัน มีปลาจำนวนมากที่ว่ายน้ำมาจากฟาร์มปลาของพวกเราแล้วเลียบตามลำธารขึ้นไปทางเหนือ ดังนั้นมันถึงได้มีปลาอยู่เยอะขนาดนี้ ปกติแล้วลำธารสายนี้มีปลาอยู่ไม่มาก ยังห่างไกลจากฟาร์มปลาของพวกเราอยู่เยอะ”
ฉินสือโอวจัดการปลาคาพีลินเสร็จแล้ว จึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนค้นหาปลาใต้น้ำสักหน่อย เขาเจอปลานิลตัวอ้วนๆ สองตัวเขาจึงหยิบเบ็ดตกปลาอันเล็กแบบยืดหดได้ออกมาแบ่งให้พี่เขย พลิกก้อนหินหาไส้เดือนมาสักสองสามตัว หลังจากนั้นก็ใส่ลงไปในน้ำแล้วเพิ่มพลังโพไซดอนเข้าไปเล็กน้อย แบ่งไปให้พี่เขยแขวนไว้กับตะขอของเบ็ดตกปลาแล้วแยกกันโยนลงไปในน้ำ
ปลานิลถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปลาทิลาเพีย มีขนาดตัวที่อ้วนท้วนมากๆ ชาวอเมริกาไม่นิยมทานปลาน้ำจืด แต่ปลานิลเป็นข้อยกเว้น เนื้อปลาทอดในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหลายแห่ง ส่วนมากจะทำมาจากปลาค็อดกับปลานิล
ด้วยความยอดเยี่ยมของปลาชนิดนี้ในทุกๆ ด้าน ทำให้หลังการค้นพบ ปลาสายพันธุ์นี้ก็ถูกนำเข้าสู่ทุกประเทศทั่วโลก ในแหล่งน้ำจืดของอเมริกาและแคนาดาก็มีปลาชนิดนี้อยู่
ทว่ามันไม่ได้แพร่พันธุ์อย่างบ้าคลั่งเหมือนปลาคาร์ฟเอเชีย เรื่องนี้ทำให้ทางด้านกรมประมงแคนาดาปวดประสาทเป็นอย่างมาก ปลาที่อยากให้แพร่พันธุ์กลับทำให้แพร่พันธุ์ไม่ได้ แต่ปลาที่ไม่อยากให้แพร่พันธุ์กลับสามารถแพร่พันธุ์ได้เสียอย่างนั้น
เบ็ดของพี่เขยตกปลาได้ก่อน เข้าดึงเอ็นตกปลาเก็บไปด้านหลัง หลังจากดึงขึ้นมาแล้วก็ได้ปลานิลขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฝาหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
ปลาชนิดนี้มีนิสัยค่อนข้างอ่อนโยน มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมก็ยอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าพละกำลังที่มีไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก หลังจากโดนตกขึ้นมามันก็ไม่ได้ดิ้นรนให้สิ้นเปลืองกำลัง
ตกได้ปลาที่ตัวใหญ่ขนาดนี้หนึ่งตัว พี่เขยก็รู้สึกมีความสุขอย่างถึงที่สุด ความรู้สึกซึมเซาไม่มีชีวิตชีวาเพราะล่าเหยื่อไม่ได้ในช่วงเช้าถูกปัดเป่าออกไปจนหมดสิ้น เขาใช้มือจับมันไว้อย่างอิ่มอกอิ่มใจแล้วบอกให้พี่สาวของฉินสือโอวถ่ายรูปให้
หลังจากนั้นทางฝั่งของฉินสือโอวก็ตกปลาขึ้นมาได้ทันที ปลานิลอีกตัวกินเบ็ดแล้ว เป็นปลาที่มีขนาดเท่าๆ กัน ปลาทั้งสองตัวน่าจะมีน้ำหนักราวๆ ห้ากิโลกรัม เพียงพอสำหรับการนำมาตุ๋นเป็นซุปแล้ว
กองทัพที่แข็งแกร่งเกรียงไกร ครั้งนี้ฉินสือโอวต้องการที่จะสร้างความลำบากให้กับฝูงหมูป่า แต่ปรากฏว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมูป่าพวกนั้นมีความสามารถในการรับรู้ที่แข็งแกร่งหรือเป็นเพราะช่วงเช้าพ่อฉินยิงปืนมาตลอดทางจนทำให้พวกมันตกใจเลยวิ่งหนีไปแล้ว ขนาดหู่เป้าฉงหลัวออกโจมตีด้วยกัน แต่ก็ยังหาหมูป่าไม่เจอ
กลับกลายเป็นว่าหลังจากที่ฉงต้ามุดป่าเข้าๆ ออกๆ อยู่สักพัก ทันใดนั้นมันก็สูดจมูกแล้ววิ่งไปที่ใต้ต้นโอ๊กสีดำต้นหนึ่ง แล้วส่ายสะบัดหางเล็กๆ หมุนไปหมุนมาด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset