ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1161 สามารถขนาดนี้

เออร์บักไม่ได้บอกว่าวิธีแก้ปัญหาคืออะไร แต่ให้ฉินสือโอวรวมจำนวนแขกที่เขาจะเชิญก่อน
ฉินสือโอวกางนิ้วแล้วเริ่มนับ “เรค บิ๊กฟุต บิลลี่ เบลค แบรนดอน เจมส์ ยังมีพวกโหวจื่อเซวียนบนเกาะอีก? มีพวกเขาประมาณนี้แหละมั้ง?”
เออร์บักยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ รายชื่อของนายแค่นี้ยังไม่พอ ก่อนอื่นเลย มีนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตที่ต้องเชิญมา ลำดับถัดมาพ่อแม่ของไวส์นายก็ต้องเชิญมา ถัดมาคนจีนที่บ้านเกิดนายพวกเอี๋ยนตงเหล่ย นายก็ต้องเชิญมา ท้ายสุดยังมีพวกสเตราส์และลูกชายของเขา รวมถึงเพื่อนเศรษฐีที่นายรู้จักในงานประชุมประจำปีของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส สรุปก็คือเพื่อนที่นายสร้างคอนเนคชั่นได้ต้องเชิญมาให้หมด”
ฉินสือโอวอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “พวกเขาคงไม่มาหรอกมั้ง? ทุกคนงานยุ่งขนาดนี้ อีกอย่างงานนี้ก็เป็นแค่งานหมั้นไม่ใช่งานแต่งงาน ไม่ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกมั้ง? “
เออร์บักโบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “ฉิน ความคิดของนายยังไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่พิธีหมั้นทั่วๆ ไป แต่เป็นโอกาสที่นายสามารถโชว์ความสามารถของตัวเองด้วย นายจะต้องทำให้ความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น นอกจากงานแต่งงานแล้ว ยังมีงานไหนที่สำคัญกว่างานหมั้นอีกล่ะ? ถ้าพวกเขาไม่มาร่วมงานหมั้นของนาย หลังจากนี้ถ้านายจัดงานอะไร พวกเขาจะมาได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะลองดู”
เออร์บักพูดต่อ “ไม่ใช่ลอง แต่นายต้องลงมือทำ แล้วมันก็ง่ายมากด้วย นายโทรติดต่อพวกเขาไปก่อน แล้วบอกว่าคนที่รับปากจะมางานมีแอนดรูว์ คาร์เนกีและภรรยาจากชิคาโก้ นายกเทศมนตรีเมืองเซนต์จอห์น ประธานธนาคารแห่งมอนทรีออล แล้วยังมีราชาอาหารทะเลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา!”
ฉินสือโอวพยักหน้าอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไป ถึงแม้ว่าเออร์บักจะแค่แนะนำเขา แต่เขาก็มองออกว่าจากนิสัยของเขาที่เป็นคนเก็บตัว ทนายชรากำลังไม่พอใจ ในมือเขามีไพ่ดีๆ อยู่มากมาย แต่ไม่เคยได้ใช้เลย
บางทีในความคิดของเขา เขาก็ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องในความสัมพันธ์กับคนมากเกินไป เพียงแค่อยากใช้ชีวิตสบายๆ กับวินนี่ อยู่ในโลกที่มีความสุขออกห่างจากความวุ่นวายก็พอ
แต่จุดนี้ถ้าเป็นมุมมองของคนอื่น ก็จะมองว่าเขาขาดความทะเยอทะยาน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็จะพยายามหน่อย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเล่นใหญ่
คิดอยู่สักพัก ฉินสือโอวก็โทรหาอาฟิฟซึ่งเป็นหลานชายของกษัตริย์ประเทศอาบูดาบีก่อน หลังจากรำลึกความหลังแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาว่า “อาฟิฟ ช่วงนี้คุณมีเวลาว่างไหมครับ? ผมจะหมั้นแล้ว ไม่รู้ว่าจะโชคดีเชิญคุณมางานผมได้ไหม”
อาฟิฟเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นรีบตอบอย่างร่าเริงว่า “แน่นอนสิผมมีเวลา ผมกำลังคิดจะไปอเมริกาเหนือเที่ยวสักหน่อยอยู่พอดี ยินดีมากที่ได้รับคำเชิญจากคุณ ใช่สิ คุณควรจะโทรหาซาลามาห์นะ เจ้าหญิงตัวน้อยของผมยังคงหมกมุ่นอยู่กับการเดินทางไปเกรตแบร์ริเออร์รีฟอยู่ตลอดเลยล่ะ”
หลังจากที่กลับมาจากเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ฉินสือโอวกับเจ้าหญิงซาลามาห์ก็ยังติดต่อกันเป็นครั้งคราว เจ้าหญิงองค์น้อยมีทวิตเตอร์ แต่ใช้นามแฝงที่ซ่อนไว้อยู่ ทั้งสองกดติดตามกันและกันแล้ว จึงมักจะโต้ตอบกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความลับเล็กๆ ของทั้งสองคน
ฉินสือโอวโทรหาเจ้าหญิงซาลามาห์ต่อ แต่เป็นเพราะความแตกต่างของเวลา เจ้าหญิงน้อยจึงยังงัวเงียสะลึมสะลือกำลังจะตื่น พอได้ยินว่าเขาจะหมั้น องค์หญิงน้อยจึงถามด้วยความตกใจว่า “คุณมีคู่หมั้นแล้วเหรอ?”
นายใหญ่ฉินสือโอวทนไม่ได้กับน้ำเสียงของเธอ ชายหนุ่มที่โดดเด่นขนาดนี้ มีคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องปกติหรอกเหรอ?
ซาลามาห์สนใจในตัววินนี่มาก จึงถามข้อมูลกับเขาอย่างต่อเนื่อง ฉินสือโอวถามแบบคลุมเครือ แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง “ในเมื่อคุณสนใจในตัวคู่หมั้นผมขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นมาร่วมงานหมั้นของผมดีไหม?”
เจ้าหญิงโลลิต้าตอบอย่างร่าเริงว่า “ดีสิ พี่อาฟิฟก็ไปใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาพี่ฮามานแดนไปด้วย พวกเราไปด้วยกันหมดเลย”
ฉินสือโอวรู้สึกปลื้มกับประโยคนี้ เจ้าชายที่หล่ออันดับหนึ่งแห่งตะวันออกกลางก็จะมาด้วยเหรอ? เขาถามด้วยความสงสัย “ไม่ต้องหรอกมั้งครับ? ผมกับเจ้าชายฮามาแดนก็ไม่ได้สนิทกันมาก ผมคิดว่าเขาน่าจะมีธุระต้องทำมากมาย”
“ยุ่งอะไรล่ะ พี่ชายฉันไม่ยุ่งเลย พอดีว่าช่วงนี้เขาเบื่อๆ พวกเราก็ถือว่าไปเป็นแขกที่ฟาร์มปลาของคุณ ได้ยินจากพี่อาฟิฟมาว่าฟาร์มปลาของคุณสุดยอด แบบสุดยอดมากๆ จริงไหม?” ซาลามาห์ถามขึ้นมา
คำถามนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ฉินสือโอวตอบอย่างมั่นใจว่า “ถ้าเทียบกันแล้วเกรตแบร์ริเออร์รีฟก็แค่ขยะเท่านั้น!”
พอวางสายฝั่งนี้ ฉินสือโอวนายใหญ่ก็เริ่มติดต่อคนที่ไม่ได้ติดต่อมาช่วงหนึ่งอย่างสเตราส์และพ่อของเขา บอกว่าเขาจะหมั้นแล้ว จึงเรียนเชิญพวกเขาให้มาร่วมงาน
เคอร์ตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณจะหมั้นกับวินนี่แล้วเหรอ? ยินดีด้วย หนุ่มผู้โชคดี ผู้ชายคนไหนก็ตามที่ได้แต่งงานกับวินนี่ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ไม่ใช่เหรอ? เอ่อ วันที่ 2 เดือนมิถุนายนใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นผมต้องไปอย่างแน่นอน แต่ว่าช่วงนี้พ่อของผมสุขภาพไม่ค่อยดี”
ฉินสือโอวรีบถามด้วยความห่วงใย “คุณสกอตต์เป็นอะไรไปเหรอครับ? มีอะไรที่ผมช่วยได้ไหม?”
เคอร์บอกว่าไม่มีอะไร เป็นโรคเดิมๆ แค่ต้องการการพักผ่อน
ฉินสือโอวเข้าใจขึ้นมาทันที ว่าเขาปฏิเสธอ้อมๆ อยู่ แต่งานของเขาก็ไม่ได้ถึงขึ้นที่จะต้องให้ผู้ใหญ่ของครอบครัวสเตราส์ออกหน้า แค่เคอร์สามารถมาได้ก็ถือว่าให้เกียรติเขามากแล้ว เขาเป็นถึง CEO ของห้างสรรพสินค้าเมสันคนปัจจุบัน
เคอร์ยังถามอีกว่า “มีใครมาบ้าง? ผมจะดูว่ามีคนรู้จักไหม เพราะถ้ามีคนรู้จัก ผมจะต้องเตรียมตัวสักหน่อย”
ฉินสือโอวลองนับดู พ่อและแม่ของไวส์จะต้องมาแน่ๆ เพราะว่าครั้งแรกที่เจอก่อนตอนนั้นเขาเคยให้สัญญาไว้
ตอนนี้ที่พอมีน้ำหนักหน่อยก็จะเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งตะวันออกกลาง ดังนั้นเขาจึงบอกชื่อจอร์จและภรรยา เจ้าหญิงซาลามาห์ เจ้าชายอาฟิฟไว้ก่อน เจ้าชายฮามานแดนช่างเถอะ เพราะเขาอย่างไรก็รู้สึกว่าเจ้าชายน้อยที่เย่อหยิ่งคงไม่น่าลดตัวมาเข้าร่วมงานหมั้นของเขา
พอฟังชื่อที่เขาเอ่ยออกมา เคอร์ก็ถามขึ้นมาว่า “คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? มีจอร์จ บรูซและวิเวียน คาร์เนกี บรูซ? แล้วยังมีอาฟิฟกับซาลามาห์อีก ซึ่งก็คือเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งตะวันออกกลางเนี่ยนะ?”
ฉินสือโอวเข้าใจที่เคอร์ยากที่จะเชื่อ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ดูแล้วไม่น่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไวส์ให้ฟัง แล้วเล่าถึงความร่วมมือที่เขาร่วมกับอาฟิฟให้ฟังเช่นกัน เคอร์จึงกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “ผมจำได้ว่าฟาร์มปลาของคุณเป็นที่ห่างไกลจากผู้คน พ่อของผมต้องการพักผ่อน ผมคิดว่าเขาน่าจะไปเป็นแขกของฟาร์มปลาของคุณสักหน่อย จะเหมาะไหมครับ?”
ฉินสิอโอวไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเลย พ่อค้าเห็นแก่ผลประโยชน์มากกว่าพี่น้อง!
แม้กระทั่งพ่อเสตราส์ก็ทำให้มางานเขาได้แล้ว คนรู้จักที่เหลือก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนแฮมเล็ตแจ้งเขาสักหน่อยก็ได้แล้ว
ส่วนเพื่อนใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยสนิท อย่างเช่น อังเคร คาลันโป ซีอีโอของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริสที่รู้จักในงานประชุมประจำปีของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และโมล ฟริตซ์ ผู้มีอิทธิพลของบริษัทยูเนียน แปซิฟิก เรลโรด และยังมีซิต ชวาร์ซของบริษัท Onex ที่ลงทุนด้านไพรเวท อิควิตี้ เขาก็ไล่โทรไปเชิญทีละคน
ฉินสือโอวบอกรายชื่อจำนวนแขกที่จะมาในงานเขาให้กับพวกเขาฟัง พอได้ยินชื่อของจอร์จ บรูซและวิเวียน คาร์เนกี บรูซ พวกเขาต่างรับปากตกลงว่าจะมา
พอเป็นแบบนี้มาดูรายชื่อแขกที่จะเชิญ ฉินสือโอวนายใหญ่ก็รู้สึกว่าตัวเองเจ๋งสุดๆ เพราะคนเหล่านี้ต่างก็เป็นบอสใหญ่ในแต่ละอุตสาหกรรมของอเมริกาเหนือหรือแม้กระทั่งทั่วทั้งโลก เขาเชิญมาได้ทุกคนอย่างไม่น่าเชื่อ
พอดูรายชื่ออีกครั้ง ฉินสือโอวนายใหญ่ก็คิดขึ้นมาได้ทันใดว่ายังมีซูเปอร์บอสอีกคนที่เขายังไม่ได้เรียนเชิญ เขาก็น่าจะลองโทรได้
…………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset