ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 171 งบมาแล้ว

บทที่ 171 งบมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy

เหล่าปลาหมึกไม่ได้หยุดอยู่แถวแนวปะการังนาน พวกมันว่ายในเขตฟาร์มปลาสักพักก่อนจะมุ่งหน้าไปทางแนวสาหร่ายสีน้ำตาลอย่างแน่วแน่
ไม่ใช่เพราะของทะเลในเขตฟาร์มไม่ลึกพอ แต่เกี่ยวกับความเคยชินของพวกมัน ปลาหมึกกล้วยชอบซ่อนตัวในภาชนะหรือในซอกหลืบของหินปะการังใต้ทะเล แนวปะการังเป็นสถานที่พักผ่อนที่พวกมันชื่นชอบ แต่ปลาหิมะตัวโตที่นี่มีมากเกินไป และพวกมันก็บังเอิญเป็นศัตรูทางธรรมชาติกับปลาหมึกกล้วยด้วย
เพราะแบบนั้นพวกมันจึงเลือกแนวสาหร่ายเพื่อโอกาสอยู่รอดที่มากกว่าเดิม
นอกจากสถานการณ์คับขันอย่างตอนหนีเอาชีวิตรอด ปลาหมึกกล้วยว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก โดยปกติแล้วพวกมันจะอาศัยครีบรูปสามเหลี่ยมที่หลังลำตัวเพื่อสร้างกระแสคลื่นแล้วดันตัวไปข้างหน้า
ปลาหมึกกล้วยตัวโตสี่ห้าร้อยตัวรวมตัวกันเป็นกองทัพ ค่อนข้างที่จะดูน่าเกรงขาม พวกมันเข้าไปใกล้แนวสาหร่ายอันกว้างขวาง กองทัพงูทะเลออกโรงภายใต้การนำของงูพิษตัวโตมาขวางทางพวกมันอย่างหาเรื่อง
ทัพงูทะเลเป็นเจ้าแห่งท้องทะเลอย่างแน่นอน แต่เหล่าปลาหมึกกล้วยก็ไม่กลัว พวกมันหันกลับมาแล้วโชว์ถุงหมึก ภายในถุงหมึกมีต่อมหมึกที่พัฒนาเต็มที่อยู่ พอถุงหมึกบีบตัว น้ำหมึกสีดำเข้มก็พุ่งกระจายออกมา
ถ้าปลาหมึกกล้วยตัวหนึ่งพ่นน้ำหมึกออกมาก็ไม่เท่าไร แต่ถ้าปลาหมึกสี่ห้าร้อยตัวพ่นหมึกออกมาพร้อมกันละก็อานุภาพร้ายแรงทีเดียว
ใช้ไปเพียงแค่ยี่สิบกว่าวินาที ทะเลบริเวณที่งูทะเลกับปลาหมึกกล้วยอยู่ก็ดำไปหมด แต่อย่าคิดว่าน้ำหมึกนั้นจะขวางได้แค่สายตาของอีกฝ่าย จริงๆ แล้วยังมีสารพิษที่ทำให้ชาอยู่ในนั้นด้วย เหล่าปลาทู ปลากะพง ปลาจะละเม็ดที่ถูกหมึกห้อมล้อมก็ค่อยๆ เสียการเคลื่อนไหวแล้วหงายท้องไปด้านบน
แน่นอนว่าเหล่างูทะเลคุ้นเคยกับพิษเป็นอย่างดี อีกอย่างผิวนอกของพวกมันยังมีผิวเมือกป้องกันไว้อีกด้วย พิษจึงไม่ค่อยมีผลเท่าไร
แต่ว่าตอนนี้พวกมันก็ไม่เป็นอันตรายกับเหล่าปลาหมึกกล้วยแล้ว พวกปลาหมึกจึงถือโอกาสพากันหดเยื่อแมนเทิล น้ำถูกพ่นผ่านรูพ่นน้ำที่กรวยออกไปด้านนอก พอแบบนั้นพวกมันจึงกลายร่างเป็นจรวดใต้น้ำอีกครั้งแล้วว่ายมุดเข้าไปในแนวสาหร่ายอย่างรวดเร็ว
เหล่างูทะเลเข้าใจในทันทีว่าพวกมันโดนหลอกเข้าแล้ว นั่นทำให้พวกมันหงุดหงิดหัวเสียไม่เบา สะบัดหางแบนราวไม้พายแล้วรีบไล่ตามทันที
ฉินสือโอวได้แต่ปลอบงูทะเลให้สงบลงเพื่อให้พวกมันปล่อยปลาหมึกกล้วยไป ไม่อย่างนั้นศึกใหญ่ครั้งนี้คงจะเลี่ยงยาก
เหล่าหอยมุกดำมีชีวิตรอดในแนวปะการัง ตอนที่พวกมันอยู่ที่อ่าวเม็กซิโกก็อาศัยที่แนวปะการัง ฉะนั้นหลังจากที่พวกมันร่วงลงมาก็ยื่นตีนเดินออกมาแล้วค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าหาที่เหมาะๆเตรียมลงหลักปักฐาน
แพลงก์ตอนในแนวปะการังเยอะกว่าก้นทะเลลึกที่รกร้างมาก เหล่าหอยมุกดำก็สามารถขยายพันธุ์ได้ไวกว่าที่นี่
พอหมดปัญหาแล้ว ฉินสือโอวก็เก็บอวนกลับมาให้อีวิลสันเก็บ ส่วนตัวเขาลงเรือไปก่อน ตอนนั้นเหมาเหว่ยหลงตื่นแล้ว และกำลังเล่นกับหู่จือเป้าจือที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์
เหมาเหว่ยหลงหาไส้กรอกย่างชิ้นหนึ่งมาโบกไปมาหน้าหู่จือกับเป้าจือ ทั้งสองปิดปากสนิทแล้วมองเขาอย่างเย็นชาราวกับดูการแสดงตัวตลก
แม้แต่ฉงต้ายังไม่สน มันกำลังส่ายก้นอ้วนๆ เล่นอยู่กับต้าป๋าย
พอเห็นฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลงก็โยนไส้กรอกออกไปแล้วพูดขึ้น “ไส้กรอกที่บ้านแกนี่มันอะไรเนี่ย หมายังไม่กินเลย”
ฉินสือโอวรับไส้กรอกมาแล้วแบ่งเป็นสองท่อนจากนั้นก็โยนไปให้หมา หู่จือกับเป้าจือที่นั่งบนพื้นกระโจนขึ้นแล้วอ้าปากงับกันคนละชิ้น พอลงถึงพื้นก็ส่ายหางพลางกะซวกกลืนลงไป
เหมาเหว่ยหลงถลึงตาโพลงโดยพลัน นานสองนานเขาถึงพูดขึ้นอย่างโอดครวญ “แกดูสิ หมาบ้านแกนี่มันฉลาดเกินไปแล้วมั้ง? ทำไมของที่ฉันให้มันถึงไม่กิน? อีกอย่าง ดูสายตาที่พวกมันมองฉันสิ เห็นฉันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย”
“หน้าอย่างแกอะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเราอยู่ด้วยกันมาสี่ปีจนรู้นิสัยแกอย่างดี ฉันคงจะเข้าใจว่าแกเป็นนักเลงแล้วต่อยแกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า” ฉินสือโอวรีบฉวยโอกาสโต้กลับ
เหมาเหว่ยหลงวิ่งไล่ฉินสือโอวพลางตะโกน  “มาสิ ดูสิว่าใครกันแน่ที่จะโดนต่อย…..”
ฉินสือโอวตื่นเช้าออกกำลังกายทุกวัน แถมยังมีพลังโพไซดอนคอยบำรุงร่างกายอีกด้วย เหมาเหว่ยหลงจะเทียบได้ทั้งความเร็วและเรี่ยวแรงได้ยังไง?
เหมาเหว่ยหลงวิ่งไปไม่กี่ก้าวก็หอบแฮ่ก แม้แต่เสื้อของฉินสือโอวก็ไม่ได้แตะ หู่จือกับเป้าจือนั่งมองทั้งสองคนเล่นกันบนพื้น พอหยุดลงก็ร่วมกันใช้สายตาดูถูกมองไปที่เหมาเหว่ยหลง
ฉินสือโอวเห็นฉงต้าหาที่กะจะนอนหมอบลงอีก พอนึกได้ว่าจะลดน้ำหนักให้มันก็เลยดึงมันขึ้นเพื่อให้วิ่ง
ฉงต้าไม่วิ่งหรอก เหนื่อยจะตาย พอมันโดนดึงขึ้นขาอ้วนทั้งสี่ก็อ่อนยวบลงหมอบตามเดิม
หลังจากนั้น ฉงต้าก็ทำเลื้อยแบะไปบนพื้นอย่างกับกองเนื้อไร้กระดูก ใครจะทำอะไรก็ช่าง ฉันก็จะไม่ขยับ อย่างไรเรื่องทำตัวเกเรฉันน่ะถนัดอยู่แล้ว เราก็มาดูกัน
ฉินสือโอวหมดหนทางจึงหยิกหูกลมเจ้าเนื้อนั้นเบาๆแล้วด่า ‘ไอ้เจ้าเซ่อ’ ก่อนจะเดินเข้าคฤหาสน์ไป
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ ไม่ต้องไปเรียน พวกเชอร์ลี่ย์จึงมากินข้าวสาย รอจนฉินสือโอวกลับมาค่อยกินด้วยกัน
เชอร์ลี่ย์ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ขนมปังโฮลวีต เนื้อผัด ไส้กรอกย่าง ไข่ผัด และสลัดผลไม้ นอกนั้นยังมีนมเปรี้ยวกับนมที่อุ่นร้อนไว้แล้ว จัดไว้พอสำหรับหกที่พอดี
อาหารเช้าของอีวิลสันคือไข่ต้มและข้าวกับซี่โครงหมู เขาพึมพำอยากกินพิซซ่ามาตลอด แต่อาหารเช้าจะมีพิซซ่าได้ไง ฉินสือโอวได้แต่ปลอบเขาและสัญญาว่ามื้อกลางวันจะมีพิซซ่า
แค่มื้อเช้ามื้อเดียวอีวิลสันกินไข่ไปยี่สิบห้าลูก กับข้าวซี่โครงหมูทั้งหม้อหุงข้าว ฉินสือโอวซื้อหม้อนี้มาใช้บางทีเวลาต้อนรับครอบครัวพวกชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น แต่อีวิลสันแค่คนเดียวก็กินได้ขนาดนี้…..
“โห น่าเสียดายที่เจ้าหมอนี่ไม่ไปเข้าร่วมแข่งขันแชมป์กินจุเดนิส” เหมาเหว่ยหลงกินไข่ผัดพลางพูดอย่างลำบาก
อีวิลสันไม่ค่อยสนใจคุณภาพและรสชาติของอาหาร ขอแค่ยัดให้อิ่มท้องได้เป็นพอ พอกินเสร็จล้างหม้อล้างจานเรียบร้อยเขาก็กลับออกไป
ทางฉินสือโอวที่กำลังกินข้าวเช้าก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตจึงถามขึ้น “เป็นอะไรไปเพื่อน?”
“ฉิน ต้องรบกวนนายแล้ว คือแบบนี้นะ งบที่จะเอามาจัดการเกี่ยวกับปลาไนเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่ามาแล้ว ฉันอยากจะขอให้นายไปซื้อเมล็ดพืชน้ำด้วยกันเสียหน่อย” แฮมเล็ตพูดอย่างอารมณ์ดี
“ไวดีนี่” ฉินสือโอวอุทานออกมา แล้วพูดขึ้นอีก “ไม่มีปัญหา ครึ่งชั่วโมงให้หลังเจอกันที่ท่าเรือ”
เหมาเหว่ยหลงถามว่ามีกิจกรรมอะไร ฉินสือโอวจึงตอบว่าจะพาเขาไปเดินที่เซนต์จอห์นเสียหน่อย แล้วกลับมายิงปลา
ได้ยินแบบนั้นเหมาเหว่ยหลงก็ยิ้มจนปากโค้ง เขาเคยเห็นรูปที่ฉินสือโอวยิงปลาไนในบล็อกเลยรอกิจกรรมนี้มาตลอดเลย
กินข้าวเช้าเสร็จ ฉินสือโอวก็กอดเชอร์ลี่ย์แล้วขอบคุณที่เธอทำอาหารเช้ามากมายอย่างที่เขาทำประจำ จากนั้นก็ถามพวกเขาว่าอยากไปเซนต์จอห์นด้วยกันไหม
พาวลิสส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ไม่ครับ ลุงฉิน วันนี้เรากะว่าจะไปขายของในเมือง”
“ขายของ?” ฉินสือโอวถาม
“ใช่ครับ ไปขายเกี๊ยว” พาวลิสพูดอย่างอารมณ์ดี มิเชลล์จึงถาม “ได้ไหมครับ ลุงฉิน?”
ฉินสือโอวประหลาดใจมาก ดูท่าว่ากิจกรรมจำลองในเมืองคราวที่แล้วจะทำให้เด็กๆ ทั้งสี่ร่าเริงขึ้น นี่เป็นเรื่องดี เขาแปะมือกับพวกเด็กๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เยี่ยมไปเลยทุกคน เข้าไปในเมืองแล้วโกยเงินคนพวกนั้นเลย ฉันว่าร้านเกี๊ยวของทุกคนจะต้องดังเหมือนกับร้านของคุณลุงฮิคสันแน่ๆ”
เชอร์ลี่ย์ยิ้มหวาน “เราจะไปขายเกี๊ยวน้ำที่ข้างร้านคุณลุงฮิคสัน”
ฉินสือโอวลูบผมสีทองนุ่มลื่นของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ดีมาก พวกเธอไปเถอะ ฉันก็ไม่ไปด้วยละ ฉันจะต้องไปเซนต์จอห์นสักหน่อย”
เด็กๆทั้งสี่เตรียมไส้และแผ่นแป้งเกี๊ยวเอง ส่วนงานผสมแป้งก็มอบให้อีวิลสัน เอาน้ำกับแป้งผสมกันตามสัดส่วน อีวิลสันนวด ‘ตุบตับๆ’ แค่ไม่กี่หมัดสักสองรอบแป้งก็ได้ที่แล้ว
เด็กแคนาดาถูกสอนมาว่าเวลาขอให้คนอื่นช่วยอะไรต้องตอบแทนเสมอ เด็กๆ ทั้งสี่จึงให้เกี๊ยวน้ำชามใหญ่เป็นของตอบแทนอีวิลสัน
พออีวิลสันได้ยินว่าจะมีของกินอร่อยๆ ก็ทุ่มเททำงานเลยทีเดียว
ตอนที่พาเหมาเหว่ยหลงไปท่าน้ำในเมือง แฮมเล็ตก็รออยู่ที่นั่นแล้ว เขาที่เป็นผู้อพยพชาวอังกฤษยังคงแต่งตัวแบบผู้ดีดั้งเดิม ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวราวหิมะ ข้างนอกเป็นเสื้อกั๊กตัวเล็ก บนขาสวมกางเกงขายาว และสวมรองเท้าหนังมันเงา
ส่วนฉินสือโอว เขากับเหมาเหว่ยหลงสวมเสื้อยืดกับกางเกงเลทั้งคู่ บนเท้าสวมรองเท้าแตะแบบหนีบ
แนะนำทั้งสองฝ่ายเสร็จ ฉินสือโอวจึงพูดกับแฮมเล็ต “รัฐสภาไวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เรื่องกระจายเงินออก พวกนักการเมืองในเมืองเมเปิลลีฟไม่ค่อยจะกระตือรือร้นแบบนี้นี่ครับ?”
แฮมเล็ตพูดยิ้มๆ “ไม่กระตือรือร้นไม่ได้หรอก ปลาไนเอเชียเป็นภัยต่อเกรตเลกส์ ขืนปล่อยไว้ต่อไป เราก็คงได้กินน้ำผสมของเสียที่ปลาไนเอเชียถ่ายออกมาแน่”
เขตเกรตเลกส์เป็นเส้นชีวิตของอเมริกาเหนือ แม้ว่าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของที่นี่จะเยอะแต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญคือมันเป็นแหล่งน้ำ
ฉินสือโอวยิ้มออกมา พอหลังจากขึ้นเรือเขาก็พูดกับเหมาเหว่ยหลง “ดูสิ คนแคนาดาก็ไร้สาระแบบนี้ กินน้ำทะเลสาบที่มีปลาไนปลาเฉาแล้วมันจะทำไมกัน? บรรพบุรุษเรากินน้ำจากแม่น้ำหวงเหอกับแม่น้ำฉางเจียงมาเป็นพันปีเคยเป็นอะไรที่ไหน?”
เหมาเหว่ยหลงก็พยักหน้า ทั้งสองเลยมีหัวข้อคุยกัน
พอถึงเซนต์จอห์น ฉินสือโอวก็โทรไปหาเรคบิ๊กฟุตก่อน ตอนนี้ทั้งสองทำงานด้วยกัน เรคแค่เป็นโบรกเกอร์ก็ได้เงินไปไม่น้อยแล้ว เขาช่วยฉินสือโอวติดต่อหาพวกลูกปลา ฟาร์มปลา กับเมล็ดสาหร่ายพืชน้ำซึ่งไม่เคยมีปัญหาเลย
“ครั้งนี้จะทำอะไรบ้าง เพื่อน?” เรคขับรถมารับ แฮมเล็ตขับพาเจ้าหน้าที่รัฐมาด้วยสองคน
ฉินสือโอวเห็นชุดทำงานบนตัวแฮมเล็ตที่เปื้อนคราบน้ำมันเต็มไปหมดจึงเอ่ยถาม “ทำไรอะมา? นายยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
เรคพูดยิ้มๆ “ไม่มีอะไร ผมเปลี่ยนเสื้อไม่ทัน ในร้านมีรถเอทีวีมาล็อตหนึ่ง ผมปรับแต่งเองไปสองคัน ทำเอาบนตัวเปื้อนน้ำมันไปไม่น้อย”
“รถเอทีวี?” ฉินสือโอวถามอย่างสนใจ “พาฉันไปดูหน่อยเป็นไง ฉันสนใจมันมากเลย”
เรครู้ว่าฉินสือโอวเป็นเศรษฐี พอเขาบอกว่าสนใจจึงยิ้มออกมาโดยพลัน “ดูสิ ลูกค้ามาแล้ว คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมผมต้องรีบมารับ?”
ฉินสือโอวแนะนำแฮมเล็ต “นี่สิถึงจะลูกค้ารายใหญ่ เราจะซื้อเมล็ดพืชน้ำ ขั้นแรกต้องซื้ออย่างน้อยหนึ่งแสนถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์”
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน เหมาะกับการโปรยเมล็ดพืชน้ำ
เรคพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้ง่ายมาก ผมจะโทรหาเพื่อนเก่าแก่เสียหน่อย ให้พวกเขาส่งผู้จัดการธุรกิจมา เป็นเจ้าเดียวกับเมล็ดสาหร่ายของนายคราวที่แล้ว ‘บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเล’”
แฮมเล็ตพยักหน้าก่อนจะหันมาพูดกับฉินสือโอว “ฉันถามกรมประมงของเซนต์จอห์นมาแล้ว บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด ได้มาตรฐานที่สุดในย่านเรา”
“ราคาเขาก็ถูกที่สุด เชื่อผมเถอะ” เรคยิ้มด้วยความมั่นใจ
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset