ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1173 เรือยอชต์สุดเจ๋ง

“โคตรเท่!” อาร์ม็องพึมพำออกมา
ฉินสือโอวอยู่ด้านหน้า รับรู้ได้ดียิ่งกว่า เขารู้สึกว่าแคลร์ยังอยู่ในภาวะตกใจ มันใช้ความสามารถตัวเองล้วนๆ ในการสยายปีกออกแล้วค่อยบินขึ้นไป
ทุกคนยังคงตกตะลึง การบินครั้งแรกของอินทรีทองราบรื่นจนไม่อยากจะเชื่อ
มิแรนดาพูดขึ้น “ไม่น่าในทางปักษีวิทยาถึงบอกว่า ปีกของอินทรีทองแข็งแรงมากที่สุด อย่างแคลร์ที่ยังเป็นนกน้อยแบบนี้ ปีกก็ยังสั้นมาก แต่พอตกลงมาจากที่สูงก็ยังสามารถบินขึ้นมาได้ ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ!”
พลังของปีกนกอินทรีทองถือว่าไม่เป็นสองรองใครในหมู่นกทั้งหลาย นกอินทรีทองที่โตเต็มวัยสามารถทำให้หมาป่าเทาอเมริกาเหนือมึนงงได้ด้วยปีกเดียวที่ตบลงไป นี่เป็นพลังแบบไหนกันนะ? แต่ถ้าหากพูดถึงพลังโดยรวมแล้วก็ยังคงเป็นอินทรีขาวที่แข็งแกร่ง บุชสามารถจับละมั่งน้อยตัวหนึ่งแล้วโบยบินได้ แต่อินทรีทองทำแบบนี้ไม่ได้
สรุปแล้วก็คือ แคลร์สามารถบินได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ ออกจะเกินความคาดหมายของฉินสือโอวและวินนี่ไปมากทีเดียว
ปีที่แล้วที่สอนให้บุชบินเป็นก็ช่วงเวลาประมาณนี้ แต่ครั้งนั้นสอนมันตั้งหลายครั้ง ปกติมันยังฝึกเองโดยเริ่มจากกระโดดจากขั้นบันได แล้วค่อยกระโดดลงจากม้านั่ง ท้ายสุดถึงกระโดดลงจากโต๊ะและระเบียง ถึงค่อยเรียนรู้ที่จะบินได้…
แล้วแคลร์ล่ะ? รูปร่างอ้วนใหญ่ วัยที่หัดบินก็เด็กกว่า แต่พอแค่กางปีกออกก็สามารถบินขึ้นฟ้าได้เลย ซึ่งความแตกต่างนี้ก็มากโขอยู่!
ความจริงแล้วทั้งสองก็มีความแตกต่างอยู่นั่นแหละ แต่ไม่ได้แตกต่างที่อายุหรือกำลังปีก แต่คือโดยรวม
แคลร์มองดูแล้วมีลักษณะอ้วนพุงพลุ้ย แต่มันก็แข็งแรง ทันทีที่ฟักตัวออกมาก็มีพ่อห่านสีขาวพามันหัดเดิน พอวิ่งได้ก็วิ่งไปมาได้ทุกวัน กล้ามเนื้อทั้งตัวถูกฝึกฝนจนแข็งแรงเป็นพิเศษ
ส่วนบุชล่ะ? มันเป็นไอ้อ้วนทั่วๆ ไป ตอนเด็กๆ ก็โตมากับนิมิตส์ นกฟรีเกตไม่ถนัดเดินถนัดแต่บิน แล้วพอบุชบินไม่ได้ก็ไม่มีใครพามันวิ่ง วันๆ มันจึงแค่กินกับนอนจนอ้วน
อีกอย่างตอนที่มันเรียนรู้ที่จะบิน อายุก็มากไปหน่อย ซึ่งเพราะฉินสือโอวคิดว่ามันควรหัดบินจึงเริ่มฝึกฝนมัน พออายุมากก็หมายความว่าน้ำหนักตัวเยอะ อ้วนเกินไป ตอนเริ่มถึงบินไม่ขึ้น
ฉินสือโอวกำลังทอดถอนใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแคลร์กรีดร้องอย่างน่าสังเวชอยู่บนฟ้า เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองด้วยความตกใจ เห็นอินทรีทองกระพือปีกไปมาอยู่บนท้องฟ้าเดี๋ยวขึ้นสูงเดี๋ยวลงต่ำ มึนงงกับเสียงร้อง “มันจะร้องทำไม? จะอวดเหรอ?”
นี่ดูไร้สาระไปหน่อย เพราะเสียงร้องของมันดูน่าเวทนาจริงๆ ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่แค่ฉินสือโอวที่ฟังออก คนอื่นๆ ก็ฟังออกเช่นกัน
วินนี่มองสักพักอย่างเหม่อลอย แล้วทันใดนั้นก็ตระหนักขึ้นได้ว่า “แคลร์ไม่รู้ใช่ไหมว่าจะลงมาอย่างไร?”
อินทรีทองน้อยบินเอียงไปเอียงมา ตาทั้งสองของมันจ้องไปที่ฉินสือโอว ซึ่งสีหน้าที่แสดงออกนั้นไม่ใช่ดูน่าเกรงขามแต่ดูน่ากลัว ฉินสือโอวถึงเพิ่งรู้ว่า จริงๆ แล้วนกอินทรีทองเปลี่ยนสีหน้าได้ แต่ต้องถึงจุดที่สุดของมัน มันถึงจะแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไป
สรุปคือ นกอินทรีทองตกใจกลัวจนฉี่ราด…
ยังคงเป็นนิมิตส์ที่ยังมีน้ำใจ มันบินรอบไปมาอยู่บนท้องฟ้า ขณะนั้นเองมันบินขึ้นไปอยู่ข้างๆ อินทรีทองน้อยแล้วกระพือปีกอันใหญ่โตของมัน เพียงชั่วครู่เดียวอากาศก็แปรเปลี่ยน
อินทรีทองน้อยเดิมทีพยายามรักษาสมดุลในการบินก็ยากแล้ว ยิ่งตอนนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ จึงบินเอียงลงมาอย่างควบคุมไม่ได้  ท้ายสุดหัวก็ทิ่มลงไปในพุ่มไม้ โผล่มาแต่ก้นขาวๆ ของมันที่สั่นดิกๆ อยู่
พ่อห่านสีขาวตัวใหญ่ร้องเรียกเสียงหลงแล้วบินเข้าไปหา อินทรีทองน้อยพอได้ยินเสียงพ่อของมันน้ำตาก็ไหลออกมา ห่านสีขาวกางปีกออกทั้งสองข้าง แล้วมันก็รีบโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ
ตอนนี้หัวมันเริ่มใหญ่แล้ว ปีกของห่านสีขาวจึงปิดไม่มิด แต่ทว่าเพียงแค่มันสามารถเอาหัวมุดเข้าไปได้ ก็ราวกับว่ามันอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว
บุชบินลงมาอย่างพึงพอใจ ค่อยๆ เดินมาทางนี้อย่างช้าๆ ด้วยเท้าที่เหมือนเลขแปดของตัวจีน (八) มันส่งเสียงครวญครางในลำคอราวกับว่ากำลังโอ้อวดในผลงานของตัวเอง
ห่านสีขาวตัวใหญ่วิ่งเข้ามาหามันด้วยความโกรธ ชูคอถลึงตามองไปที่มันด้วยแววตาดุร้าย วางท่าราวกับจะต่อสู้
แคลร์หลบอยู่หลังพ่อของมัน โผล่หัวจ้องไปที่บุชอย่างเหี้ยมโหด ตะโกนร้องแล้วก็หลบไปเหมือนเดิม
บุชไม่มีงานอดิเรกอื่นๆ มันชอบแค่การต่อสู้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ชอบโจมตีอินทรีทองคู่ผัวเมียและเหยี่ยวหางแดงที่เทือกเขาเคอร์บัลตลอดเวลาหรอก แล้วยังดื้อรั้นหลังจากพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกด้วย
เมื่อห่านสีขาวตัวใหญ่แสดงท่าทางดุร้ายเช่นนี้ บุชก็กระโดดขึ้นมาทันที ตั้งท่าเตรียมต่อสู้
คู่ต่อสู้ของอินทรีขาวคือพวกอินทรีทองและอินทรีหางขาว รูปร่างของห่านขาวตัวใหญ่ถึงแม้ว่าจะพอๆ กับมัน แต่แรงการต่อสู้ของมัน…
เฉกเช่นเดียวกับรถถังหนัก T-34 ของสหภาพโซเวียตในอดีตที่กำลังเผชิญหน้ากับรถถังหลัก M1A2 ของจักรวรรดินิยมอเมริกาในปัจจุบัน ซึ่งมีน้ำหนักถึง 65 ตัน แต่ M1A2 ไม่ต้องใช้กระสุนปืนก็สามารถซัด T-34 ให้กระเด็นไปไกลได้อย่างสบาย!
วินนี่ขึ้นไปอุ้มบุชออกมา เพียงเท่านี้สถานการณ์การต่อสู้ก็คลี่คลายแล้ว
ฉินสือโอวอุ้มแคลร์ขึ้นมา อินทรีทองน้อยจ้องไปที่เขาด้วยความโกรธ ทำไมเมื่อกี้ถึงไม่เอามันลงมาจากหลังคา?
มันยังไม่ทันจะระบาย ฉินสือโอวก็ทอดทิ้งมันอย่างไร้เยื่อใยไปเรียบร้อยแล้ว…
อินทรีทองน้อยรีบกระพือปีกบินขึ้นมา ครั้งนี้มันมีประสบการณ์แล้ว กางสองปีกออกแล้วขยับ หลังจากที่มันทิ้งตัวลงจอดบนพื้นก็จ้องมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความขมขื่นทีหนึ่ง ทอดถอนใจแล้วก็นึกขึ้นว่า ก็ไม่ใช่ของดีอะไร มันสะบัดก้นของมันก้าวย่างด้วยเท้าที่แข็งแรง แล้วก็รีบบินจากไปไกล
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา ในเวลานั้นเองหู่จือและเป้าจือที่เฝ้ามองการต่อสู้อย่างออกรสออกชาติมาตลอดพลันแหงนหน้ามองไปทางท่าเรือพร้อมกัน เห็นเรือยอชต์หน้าตาประหลาดกำลังแล่นไปในน้ำด้วยความเร็วสูง!
ที่บอกว่าเรือยอชต์มีหน้าตาประหลาดนั้น ก็เพราะว่าเรือลำนี้มีปีก! เรือลำนี้แล่นไปด้วยความเร็วสูงมาก ฉินสือโอวมองจากไกลๆ ก็พบว่าเรือลำนี้ไม่ได้แล่นอยู่ในทะเลแต่กำลังเหินอยู่บนน้ำ!
เรือยอชต์มีความยาวประมาณ 14-15 เมตร โดยรวมมีรูปร่างเหมือนกระสวย หัวแหลม มีส่วนโค้งที่เรียบ ทั้งลำทาด้วยสีทองอ่อน มีส่วนหางของเรือที่มีลวดลายสีแดง ดังนั้นตอนที่มันแล่นด้วยความเร็วสูงจึงรู้สึกราวกับว่ามันกำลังพ่นไฟอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากได้เงินจากการประมูลอาวุธที่ติดข้างเรือมาแล้ว ฉินสือโอวก็คิดอยากจะเปลี่ยนพวกเรือหรือเครื่องบินในฟาร์มปลา ดังนั้นจึงติดตามตลาดของฟุ่มเฟือยมาโดยตลอด พอเห็นเรือลำนี้เขาก็อึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงประวัติของมันได้ในเวลาถัดมา
นี่คือเรือยอชต์สมรรถนะสูงแบบไฮบริดของบริษัทเรือติดปีก อินเตอร์เนชันแนลที่ผลิตออกมาใหม่ ถ้าเรียกชื่อทางเทคนิคคือเรือไฮโดรฟอยล์ มีปีกประสิทธิภาพสูง ถือว่าเป็นเรือยอชต์รุ่นใหม่
เรือไฮโดรฟอยล์เป็นเรือยอชต์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในตลาดมานาน โดยทั่วไปจะมีครีบท้องเรือสองอันที่ด้านล่างของเรือ กราบเรือจะมีร่องอยู่ ซึ่งร่องมักจะเชื่อมต่อกับครีบท้องเรือ สามารถรับอากาศผ่านร่องได้ อีกอย่างเมื่อครีบท้องเรือเต็มไปด้วยก๊าซจะช่วยทำให้ลื่นขึ้น ลดแรงต้านทาน ทำให้เรือยอชต์แล่นได้เสถียรมากขึ้น และมีความเร็วที่มากกว่าเดิม
แต่ว่าเรือไฮโดรฟอยล์ประเภทนี้จะห่างจากผิวน้ำไม่ได้ ปีกสองข้างจะยกขึ้นเพื่อลดแรงต้านทาน ต่อมาบริษัทเรือติดปีก อินเตอร์เนชันแนลได้ปรับปรุงเรือลำนี้ในปีที่แล้วโดยการติดตั้งปีกสองปีกเข้าไป แล้วยังใช้เทคโนโลยีจากยานบินเบาะอากาศ ทำการเปลี่ยนโฉมจนได้ออกมาเป็นเรือรุ่นนี้
จากที่ฉินสือโอวทราบมา เรือรุ่นนี้ยังเพิ่งออกแค่ตัวอย่าง ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาด คนที่มาคือใครกัน เจ๋งขนาดนี้ สามารถซื้อเรือรุ่นใหม่รุ่นนี้ที่ยังไม่มีในตลาดมาก่อนได้
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset