ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1183 ตกปลากระโทงสีน้ำเงิน

โครงการที่ฮามานแดนพูดถึง คือการสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำปะการังในซาอุดีอาระเบีย สมกับที่เป็นเจ้าถิ่นจริงๆ เพราะเขาให้ราคาพิเศษโดยตรง ขอแค่การปลูกถ่ายปะการังในปีที่แล้วสามารถมีชีวิตดำรงอยู่ได้ ที่หนึ่งตารางเขาจะให้เงินหนึ่งล้านดอลลาร์!
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าถ้าฉินสือโอวเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยตารางเมตรออกไป ก็จะได้รับหนึ่งร้อยล้านจากเขา!
ยิ่งไปกว่านั้นค่าใช้จ่ายในการปลูกถ่ายปะการังในช่วงเวลานั้นและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาปะการังในช่วงเวลาต่อจากนั้นล้วนมาจากฝั่งซาอุดีอาระเบียทั้งนั้น เขาแค่ต้องรับผิดชอบในการเลือกปะการังที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายและดูแลรักษาให้พวกมันมีชีวิตต่อไป
ฉินสือโอวส่ายหัวและพูดว่า “ผมทำงานนี้ไม่ได้หรอก คุณควรเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ปะการังมาทำ เท่าที่ผมรู้ในออสเตรเลียก็มีผู้ที่มีความสามารถในด้านนี้อยู่จำนวนมาก”
ฮามานแดนส่ายหัวและพูดอย่างจนปัญญาว่า “ผมไม่เพียงแต่เคยหาคนจากออสเตรเลียเท่านั้น แต่ละที่ทั่วโลกผมก็เคยสำรวจหาผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงมาจนหมด นอกจากดอกเตอร์พอล ฮาเมลจากออสเตรเลียก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว แต่ความสามารถของดอกเตอร์ฮาเมล คือการขยายขนาดของแนวปะการังและเขาไม่ถนัดในการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเพื่อเพาะปลูกปะการัง”
ฉินสือโอวแสดงความเห็นว่าเขาไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้ เขาไม่ได้ขาดเงิน เงินหลายร้อยล้านเหรียญนั้นน่าดึงดูดก็จริง แต่เขาก็มีเงินจำนวนนั้นอยู่ในกระเป๋าของตัวเองอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงต้องวิ่งไปเสนอตัวในตะวันออกกลางด้วย?
ปะการังง่ายต่อการปลูกถ่ายมาก สิ่งนี้มีความต้องการต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดมาก แม้จะเป็นเพราะปรากฏการณ์เรือนกระจก แต่ความเป็นกรดของน้ำทะเลจะค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิดและปะการังจำนวนมากก็จะตาย ดังนั้นนี่จึงเป็นปัญหาที่ออสเตรเลียปวดหัวมาจนถึงทุกวันนี้
การแก้ปัญหาเรื่องปูดันเจเนสส์เปลี่ยนมหาสมุทรเพื่อเพาะพันธุ์เป็นสิ่งที่แก้ได้ยาก ซึ่งเรื่องนี้สามารถให้แซนเดอร์สจัดการได้ แต่การแก้ปัญหาการปลูกถ่ายปะการังล่ะ? ไม่มีใครเหมาะที่จะจัดการสิ่งนี้ได้ ตัวฉินสือโอวเองก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าทำคนเดียวมันก็จะเป็นการขยี้เขาให้ตาย!
ฮามานแดนเห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมฉินสือโอวได้ อันที่จริงแล้วเขาก็แค่รับมือกับเหตุการณ์คับขันเฉพาะหน้าอย่างฉุกละหุกโดยไม่ทันคิดให้รอบคอบเท่านั้น ถ้าฉินสือโอวกล้าที่จะรับมันจริงๆ เขาก็คงยากที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง เพราะเขาไม่เชื่อว่าเจ้าของฟาร์มปลาอย่างฉินสือโอวจะสามารถแก้ปัญหามากมายที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงจะไม่สามารถแก้ไขได้
ฉินสือโอวเรียกบอลหิมะน้องเล็กตัวที่สามออกมา เชอร์ลี่ย์และเจ้าหญิงโลลิต้าที่กำลังเตะขาอยู่ในน้ำตรงท้ายเรือ จู่ๆ ละอองน้ำขนาดใหญ่ก็กระเด็นขึ้นมาโดนหน้าและพ่นใส่ทั้งสองจนเปียกไปทั้งตัว
เด็กสาวทั้งสองจึงหัวเราะคิกคัก บอลหิมะเผยให้เห็นร่างกายแวววาวสีขาวราวกับหิมะและตามมาด้วยไอซ์สเกต สีตัวของมันก็เป็นสีขาวเช่นเดียวกัน เพราะมันเป็นโรคผิวเผือก ในช่วงแรกแม่ของมันก็ทิ้งมันไปด้วยเหตุผลนี้
สำหรับฝูงฉลามเสือทรายแล้ว ฉลามตัวไหนที่มีผิวขาวจะถือว่าเป็นสัตว์ประหลาด แต่สำหรับมนุษย์ ฉลามเสือทรายที่มีสีขาวถือเป็นสิ่งล้ำค่า
ตัวของฉลามเสือทรายเองก็ค่อนข้างดุร้าย แต่เนื่องจากสีผิวที่ขาวราวกับหิมะของมัน อย่างที่สุภาษิตกล่าวไว้ถ้าผิวขาว ถึงแม้ร่างกายไม่ค่อยสวยงาม ก็สามารถทำให้คนมองดูดีได้ เชอร์ลี่ย์และเจ้าหญิงซาลามาห์จึงคิดว่ามันน่ารักมาก เมื่อวานเจ้าหญิงโลลิต้าจึงกอดเล่นกับมันอย่างสนุกสนานและถูกแฮมเล็ตเข้าใจผิด ด้วยความตกใจของเจ้าชายพอหาปืนตกปลามาได้ก็เกือบจัดการกับไอซ์สเกต
เจ้าน้องสามบิดตัวไปมา ใช้หางอันทรงพลังตีน้ำทะเล จากนั้นก็กระโดดขึ้นเหนือน้ำอวดร่างอันสวยงามของมันท่ามกลางแสงแดด
เรือยอชต์ค่อนข้างมีขนาดใหญ่และท้ายเรือยังมีอุปกรณ์ขับเคลื่อนทางทะเลอยู่นอกเรือ ทำให้เจ้าน้องสามจึงไม่กล้าเข้าใกล้ เชอร์ลี่ย์และเจ้าหญิงซาลามาห์จึงให้ฉินสือโอวช่วยพวกเธอให้ลงไปที่เรือคายัคและขึ้นเรือไปทีละคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าน้องสามจึงจะสามารถเข้าใกล้เรือคายัคและอวดร่างกายได้ เมื่อร่างโตของพวกมันปรากฏขึ้น คลื่นทะเลก็จะกระเซ็นขึ้นเหนือผิวน้ำตาม จึงทำให้เรือคายัคโคลงเคลงไปมา
ฮามานแดนมองไปที่เจ้าหญิงซาลามาห์ด้วยความเป็นห่วง เขาจึงอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ส่ายหัวไม่ได้พูดอะไรและมองดูอย่างกังวลเท่านั้น
ฉินสือโอวเดินเข้ามายิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกมันไม่สร้างปัญหาแน่นอน วาฬเบลูกากับโลมาจะไม่โจมตีกัน เพราะฉลามเสือทรายสีขาวตัวนั้น มันโตมากับวาฬเบลูกา ดังนั้นมันจึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวมันเองเป็นสมาชิกของตระกูลฉลามเสือที่กระหายเลือด”
หลังจากฟังเขาอธิบายแล้ว ฮามานแดนก็โล่งใจขึ้นมา ฉินสือโอวรู้สึกว่าในเวลาปกติเจ้าชายน้อยไม่ควรเข้มงวดกับเจ้าหญิงซาลามาห์ อันที่จริงเขาก็ยังรักน้องสาวคนเล็กคนนี้มาก แค่มองสายตาของเจ้าหญิงน้อยเขาก็ดูออกแล้ว
ฮามานแดนเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วผมยังอยู่ที่นี่ทำไม? เราออกเรือเพื่อไปทะเลลึกไม่ใช่เหรอ? ไปตกปลาทูน่าไง!”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “มีปลาทูน่าที่ไหนที่สามารถตกแบบนี้ได้? มันจะต้องล่อ มันไม่ใช่แค่โยนเบ็ดตกปลาลงไปแล้วจะใช้ได้เลยนะ…”
 “ผมรู้ ผมเคยออกทะเลตกปลากับพ่อมาตั้งแต่อายุแปดขวบ ดูสิ ไม่ใช่ว่าผมเอาเหยื่อล่อมาเยอะหรอกเหรอ?” ฮามานแดนพูดอย่างไม่พอใจ
ขณะที่เขาพูดอยู่ก็วิ่งไปที่ห้องเก็บของเรือและลากกล่องพลาสติกโพลีเอสเตอร์ขนาดใหญ่ออกมา ซึ่งในนั้นมีชั้นน้ำแข็งบดและปลาตัวเล็กเช่นปลาแฮร์ริ่งและปลาซาบะ
ในเมื่อเจ้าชายน้อยเตรียมตัวมาดีขนาดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเก็บเกี่ยวอะไรบางอย่างได้จากการออกทะเลครั้งนี้แน่นอน
ฉินสือโอวจึงร่วมมือกับเขาขับเรือออกไปไกลอีกเล็กน้อย เขาทิ้งเบิร์ดและชาร์คให้อยู่กับเชอร์ลี่ย์และเจ้าหญิงซาลามาห์ มีพวกเขาทั้งสองคนอยู่จะไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน เพราะการทำงานของทั้งคู่สามารถเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
เจ้าชายน้อยนั้นร่ำรวยจริงๆ ในขณะที่เรือกำลังแล่นไปข้างหน้า เขาก็โยนปลาลงไปในทะเลพร้อมกับดูความถี่และเวลาที่โยนลงไป เขาเป็นนักตกปลามือฉมังจริงๆ ทักษะในการขว้างเหยื่อของเขาค่อนข้างดี
หลังจากโยนปลาลงไปแล้ว เจ้าชายน้อยก็วิ่งไปที่ห้องเก็บของเรือและลากกล่องใบใหม่ออกมา ซึ่งในนั้นยังเต็มไปด้วยเหยื่อปลาซาร์ดีน
ฉินสือโอวถึงกับตกตะลึงและถามว่า “คุณเอาปลาซาร์ดีนมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”
เจ้าชายน้อยยักไหล่และพูดว่า “ซื้อมาจากท่าเรือเซนต์จอห์นล่ะมั้ง? ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมจะบอกให้นะว่าบอดี้การ์ดคนหนึ่งของผมเป็นคนเตรียมเหยื่อสำหรับตกปลาทูน่าไว้ให้ แล้วพวกเขาก็ยังเตรียมมันขึ้นเรือให้อีกด้วย”
ทั้งสองคุยกันไปด้วย เจ้าชายน้อยก็พลางโยนปลาลงน้ำไปด้วย และตอนนี้ก็มีหัวโผล่ออกมาจากห้องควบคุมเรือพร้อมกับตะโกนว่า “ปลาตัวใหญ่! เจ้าชาย ปลาตัวใหญ่โผล่ออกมาแล้วครับ!”
ฮามานแดนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขาดึงฉินสือโอวและพาเขาวิ่งไปที่ห้องควบคุมเรือ เรือยอชต์ก็มีเครื่องหาปลาเช่นกัน เมื่อฉินสือโอวเห็น จุดสีเขียวยาวหลายจุดปรากฏขึ้นบนหน้าจอจริงๆ
ตอนนี้ฉินสือโอวก็มีประสบการณ์มากเพียงพอแล้ว เขาดูและประมาณคร่าวๆ ว่า “เป็นปลาตัวใหญ่จริงๆ มันต้องยาวสามเมตรแน่ๆ ! แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นปลาทูน่าหรือฉลาม เพราะที่นี่มักจะมีฉลามอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันเถอะ”
เขาเดาว่ามันไม่ใช่ปลาทูน่าและไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินอย่างแน่นอน เพราะปลาทูน่าครีบน้ำเงินในฟาร์มปลาจะเลือกกินแต่ของที่พวกมันชอบ พวกมันจะเลือกกินเฉพาะปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและปลาค็อดที่มีพลังงานโพไซดอนอย่างเต็มอิ่มมากที่สุด เหยื่อพวกนี้ที่ฮามานแดนใช้เป็นแค่ปลาธรรมดาทั่วไป เมื่อโยนเข้าไปในปากของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน พวกมันจะไม่กิน
ฮามานแดนไม่รู้เรื่องนี้ เขาแขวนปลาแฮร์ริ่งที่ยังมีชีวิตไว้บนเบ็ดอย่างตื่นเต้น นี่เป็นวิธีการที่จำเป็นสำหรับการตกปลาทูน่า เพราะปลาขนาดใหญ่จะสนใจปลาที่มีชีวิตมากกว่าปลาที่ตายแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที รอกตกปลาของเบ็ดตกปลาก็เริ่มหมุน ‘หวูดๆ’ เจ้าชายน้อยดีใจมากและตะโกนว่า “กินเหยื่อแล้ว กินเหยื่อแล้ว! โอ้ พระอัลเลาะห์จงอวยพร มันจะต้องเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินแน่ๆ!”
ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป พอเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้นมา ปลาทูน่าครีบน้ำเงินอะไรกัน มันคือปลากระโทงสีน้ำเงินต่างหาก!
ชื่อคล้ายๆ กัน ปลากระโทงสีน้ำเงินฟังดูคล้ายกับคำย่อของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้วปลาทั้งสองชนิดนั้นแตกต่างกันมาก…
เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็ต้องแปลกใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset