ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1194 การแข่งขันคลานของเด็กทารก

ตามที่ฉินสือโอวคาดเดาไว้ สุดท้ายผู้กำกับใหญ่ก็ไม่สามารถพานิมิตส์ไปได้
ด้วยเหตุนี้นิมิตส์จึงวิ่งไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า วินนี่ก็ทิ้งมันไม่ลง จึงพูดกับผู้กำกับใหญ่ด้วยหน้าตาโศกเศร้าว่า “คาเมรอน วิธีนี้ไม่ได้ผล ต่อให้คุณพามันไปนิวยอร์กหรือลอสแองเจลิสก็ตาม มันก็ยังสามารถบินกลับมาได้ ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
นกโจรสลัดใหญ่ก็เป็นราชาแห่งท้องนภา นกโจรสลัดธรรมดาทั่วไปปกติจะบินได้หนึ่งพันหกร้อยกิโลเมตรและบินได้ไกลมากสุดถึงสี่พันกิโลเมตร แต่นิมิตส์ถือเป็นราชาแห่งราชาที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยพลังโพไซดอน จึงสามารถบินได้ไกลถึงหกพันกิโลเมตรได้อย่างไม่มีปัญหา!
คาเมรอนถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขาไม่สามารถพานิมิตส์ไปได้
อันที่จริงการพานิมิตส์ไปใช้เวลาไม่นาน ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน โดยปกติแล้วช่วงเวลาเพียงเท่านี้ยังถ่ายทำไม่เสร็จด้วยซ้ำ แต่คาเมรอนก็ต้องพานิมิตส์กลับแล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลภาพและเสียง จะมีสตูดิโอไอแอลเอ็มของบริษัทมาทำเทคนิคพิเศษ
แค่สิบห้านาทีนิมิตส์ยังไม่สามารถไปกับเขาได้ นับประสาอะไรกับครึ่งเดือนล่ะ?
ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงพูดโน้มน้าวคาเมรอนว่า “หรือว่าคุณจะกลับไปวางแผนเรื่องอื่นก่อนล่ะ? ผมกับวินนี่จะจัดการหาที่พักในฟาร์มปลาให้ จากนั้นพอมีเวลาว่างเราจะพานิมิตส์ไปหาคุณ เป็นอย่างไรบ้าง?”
คาเมรอนรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ เขาไม่สามารถพานิมิตส์ไปได้และถ้ายังฝืนพานิมิตส์ไปอีก บุชและแคลร์จะต้องทำสงครามกับเขาแน่นอน
ผู้กล้าทั้งสามบนท้องฟ้าต่างไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก เดิมบุชเป็นนกแห่งสงครามที่พร้อมต่อสู้มากเป็นพิเศษ จึงไม่มีใครกล้ายั่วโมโหมัน เพราะอาจจะพาความวุ่นวายมาให้ได้ และการกระทำของคาเมรอนที่ทำกับนิมิตส์ในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยั่วโมโหมัน
ในที่สุดคาเมรอนก็ออกจากฟาร์มปลาอย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ยังได้รับผลประโยชน์อยู่บ้าง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้รวบรวมข้อมูลวิดีโอความคมชัดสูงของนิมิตส์ไว้จำนวนมาก ซึ่งสามารถส่งไปให้แผนกเทคนิคพิเศษทำการพัฒนาขั้นต้นได้
หลังจากพิธีหมั้นแล้ว ฟาร์มปลาก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบ ชาวประมงต่างก็ยุ่งอยู่กับการตกปลาและจับกุ้ง ในขณะที่ฉินสือโอวกลับมองดูเมฆบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ เป็นเพื่อนวินนี่
ยังมีเรื่องอีกมากมายในฟาร์มปลา แซนเดอร์สได้ทำการเปลี่ยนที่เพาะเลี้ยงปูดันเจเนสส์ไปเป็นขั้นตอนสุดท้ายและในที่สุดปูดันเจเนสส์ก็จะถูกปล่อยลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
หลังจากเพาะเลี้ยงได้สองเดือน ปูดันเจเนสส์พวกนี้ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแซนเดอร์สเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและนี่ก็เป็นผลมาจากพลังโพไซดอน
โลกภายนอกอาจจะไม่รู้ แซนเดอร์สและนักเรียนของเขาคิดว่านี่เป็นผลงานของเขา พวกเขาจึงบันทึกรูปแบบการกิน กิจวัตรประจำวันของปูอย่างละเอียดทุกวันและการบันทึกอัตราการตายอย่างชัดเจน แม้แต่ปูแค่ตัวเดียวก็ห้ามละเลย
ตาข่ายลักษณะโค้งงอถูกดึงขึ้นมาจากน่านน้ำแถบชายฝั่งของฟาร์มปลา ซึ่งเป็นการวางอวนขนาดใหญ่ในทะเลให้ห่างจากน่านน้ำทะเล นี่เป็นขั้นตอนที่สองของการเพาะเลี้ยงปูดันเจเนสส์และจะนำปูส่งไปยังน่านน้ำทะเลเพื่อแยกการเพาะเลี้ยง
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของปูดันเจเนสส์ ถ้าปูดันเจเนสส์ไม่ปรับตัว พวกมันก็อาจจะตายได้ในช่วงนี้ ดังนั้นจึงต้องวางตาข่ายเพื่อให้พวกมันสามารถอยู่รอดต่อไปได้ในฟาร์มปลา
วันนั้นที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ แซนเดอร์สได้เรียกฉินสือโอวไป เพราะศาสตราจารย์อาวุโสได้เชิญผู้สื่อข่าวมาจำนวนมาก
ศาสตราจารย์อาวุโสยืนอยู่บนฝั่งกำลังมองดูปูที่ยังมีชีวิตอยู่ในบ่อและพูดด้วยความท้อใจว่า “ในที่สุดสองเดือนของการทำงานหนักก็มาถึงวันนี้  บอส คุณไว้วางใจได้จริงๆ จนถึงตอนนี้ การเพาะเลี้ยงปูเหล่านี้ก็ทำสำเร็จแล้ว”
ฉินสือโอวยื่นมือออกมาและพูดว่า “ขอแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์ด้วย คุณได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ในวงการเพาะพันธุ์แล้ว”
ชายชราแสดงสีหน้าพึงพอใจ แต่ก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็นว่า “ไม่หรอก การทดสอบเพิ่งเริ่มขึ้น พวกมันจำเป็นต้องมีชีวิตรอดในทะเลถึงจะใช้ได้”
บ่อบำบัดน้ำทะเลทั้งหมดจะมีประตูกักน้ำเพื่อแยกน้ำทะเล ซึ่งในเวลานี้ประตูจะเปิดออกและปูดันเจเนสส์จะถูกดันลงไปในบ่อตามกลิ่นอายของน้ำทะเลบริสุทธิ์ แม้ว่าจะแย่งกันลงทะเลแล้ว พวกมันก็ยังคงแออัดกันอยู่ในบ่อเพาะเลี้ยง
จึงต้องบังคับพวกมันเข้าไป เพราะสุดท้ายก็จะไม่จำเป็นต้องเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันแล้ว ปูดันเจเนสส์ดำดิ่งลงไปบริเวณรอบๆ ฟาร์มปลาอย่างมีความสุขและก็ตื่นเต้นในใจมาก
หลังจากลงน้ำแล้ว ก็เกิดการต่อสู้ตามมาติดๆ
หลังจากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ปูดันเจเนสส์ก็ยังต้องการอยู่ใกล้ๆ กับบ่อเพาะเลี้ยงตามสัญชาตญาณ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นตัวเลือกแรกในการอยู่อาศัยของพวกมัน
ปูตัวเมียขนาดใหญ่จะแย่งชิงสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดก่อน ส่วนปูตัวเล็กบางตัวก็อยากไปเผชิญเรื่องที่อันตรายมาก ปูตัวเมียจึงอ้าก้ามโตและสอนวิธีปฏิบัติตัว โดยพาปูตัวเล็กมากำจัดเป็นชิ้นๆ!
ทันทีหลังจากนั้น ทิญาก็พาชาวประมงสองคนขึ้นเรือมาเพื่อกระจายอาหาร การเพาะเลี้ยงในระยะนี้ยังคงต้องให้อาหารอยู่ นอกจากการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ปูดันเจเนสส์ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
หลังจากปูดันเจเนสส์ลงไปในน้ำทะเล แซนเดอร์สก็กลับมางานยุ่งอีกครั้ง ทางฝั่งฉินสือโอวก็กำลังพักผ่อนสงบจิตสงบใจ เพราะเขาเต็มไปด้วยเชื่อมั่นในพลังโพไซดอนและปูดันเจเนสส์ชุดนี้จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวกลับ ก็มีนักข่าวหลายคนเข้ามาหาเขาและบอกว่าต้องการสัมภาษณ์เขาสักพัก
ฉินสือโอวไม่มีปัญหาอะไร เขาทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเอาสิ่งของทั้งหมดให้กับแซนเดอร์สรับผิดชอบ เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ควรจะพูดว่าคุณงามความดีทั้งหมดนี้ต้องยกให้กับความพร้อมของศาสตราจารย์อาวุโสต่างหาก ดังนั้นจะสัมภาษณ์หรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ผลก็คือผู้สื่อข่าวพวกนี้ถามคำถามแค่เพียงสองข้อซึ่งเกี่ยวกับปัญหาการเพาะเลี้ยงปูดันเจเนสส์และจากนั้นเนื้อหาของการสัมภาษณ์ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีระเบิดธนูใส่ปลาของเยาวชน
ซึ่งเรื่องนี้ฉินสือโอวแทบจะลืมไปแล้ว หลังจากการพิจารณาคดีครั้งแรกของเยาวชนทั้งสี่ถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาก็คิดว่ามันจบลงแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่
ในช่วงแรกคำตัดสินของศาลเซนต์จอห์นสรุปว่า เยาวชนทั้งสี่ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยใช้อาวุธรุนแรงและฆ่าปลาวาฬ เนื่องจากโทษในการล่าและอนุรักษ์สัตว์หรือเต่ามะเฟืองยังคงมีอยู่
ครอบครัวของเยาวชนทั้งสี่มีความกระตือรือร้นมาก พวกเขาจ้างทีมทนายความที่มีอำนาจเพื่อยื่นอุทธรณ์ คดีนี้จึงถูกส่งไปยังศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์และผู้สื่อข่าวก็ถามคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ฉินสือโอวไม่มีอะไรจะพูด เพราะเรื่องนี้อาจจะทำให้ถูกจับได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีเออร์บักอยู่ข้างๆ เขาจะไม่กล้าพูดไร้สาระกับนักข่าว ถ้าพูดอะไรสะเพร่าออกไป ก็จะถูกคนพวกนี้หาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและทำให้เรื่องวุ่นวายได้
ใครจะไปรู้ว่านักข่าวพวกนี้คิดจะมาสัมภาษณ์อะไรเขา? ถึงอย่างไรก็ต้องระวังตัวอยู่เสมอ ก็เหมือนกับการป้องกันนิมิตส์จากคาเมรอน เพราะมักจะมีลางสังหรณ์ว่าจะมีคนไม่ดีหวังจะมาทำร้ายเสมอ!
หลังจากกลับไปที่วิลล่า วินนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับไปหาเขาและพูดว่า “ที่รัก พ่อแม่มีแผนจะกลับมา แต่ก่อนจะกลับ ฉันอยากรวมตัวครอบครัวของเราทุกคนและจัดกิจกรรมร่วมกันสักครั้ง”
ฉินสือโอวกอดเธอและถามว่า “กิจกรรมอะไรล่ะ? ผมจะสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่เลย”
“พาเสี่ยวเถียนกวาไปเข้าร่วมการแข่งขันการคลานของเด็กเล็กแคนาดาที่เซนต์จอห์นค่ะ!” วินนี่กล่าว
“อะไรนะ? มีการแข่งขันแบบนี้ด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวตอบ
มิแรนดาอธิบายให้เขาฟังทันทีว่าวันจันทร์ที่ใกล้จะถึงนี้คือวันที่ 24 มิถุนายน ถูกกำหนดให้เป็นวันแห่งการค้นพบของทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลท้องถิ่นที่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไร แต่เทศกาลนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากนั่นคือ “กิจกรรมการเดินขบวนสำหรับเด็ก”
เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้คนที่ค้นพบนิวฟันด์แลนด์เป็นครั้งแรกในปี 1497 ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา เทศกาลนี้จึงได้รวมอยู่ในการจัดวันหยุดของนิวฟันด์แลนด์ด้วย ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถหยุดได้หนึ่งวัน
สำหรับกิจกรรมการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ คือเด็กที่เพิ่งหัดเดินจะมารวมตัวกันเดินขบวน ซึ่งฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่ากิจกรรมนี้เกี่ยวอะไรกับ ‘วันแห่งการค้นพบ’…
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset