ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1195 วันแห่งการค้นพบ

การแข่งขันคลานของเด็กทารกเป็นกิจกรรมที่เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ หลังจากเกิดขึ้นแล้วก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่ชาวแคนาดาอย่างรวดเร็ว จากที่มิแรนดากล่าวไว้ พบว่าการแข่งขันคลานของเด็กทารกในวันแห่งการค้นพบนี้เป็นกิจกรรมที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา
การเข้าร่วมกิจกรรมประเภทนี้เป็นเรื่องที่ดี พวกเขาอยู่ใกล้กับเซนต์จอห์นอยู่แล้ว ฉินสือโอวจึงช่วยเสี่ยวเถียนกวาลงชื่อสมัคร เขาจะต้องโทรศัพท์กรอกใบสมัครทางออนไลน์ เมื่อถึงเวลาก็จะใช้รหัสเชิญทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
การจัดการเป็นไปอย่างราบรื่น ฉินสือโอวใช้โทรศัพท์มือถือจัดการจนเสร็จ จากนั้นก็เริ่มทำการฝึกให้เสี่ยวเถียนกวา
โดยปกติเวลาที่เถียนกวาไม่มีอะไรทำเธอมักจะคลานไปรอบๆ บ้าน ด้วยเหตุนี้วินนี่จึงสั่งพรมขนสัตว์ครบชุดจากอินเทอร์เน็ตมาไว้ ดังนั้นในวิลล่ารวมไปถึงบันไดจึงมีเบาะนุ่มๆ เต็มไปหมด
ฉินสือโอวเห็นเถียนกวาจึงผิวปากพร้อมกับกวักมือเรียกให้เธอคลานมาหาเขา
ทันใดนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็ใช้แขนและขาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยพละกำลังคลาน ‘กระดึ๊บๆ’ เข้ามา
ฉินสือโอวอุ้มลูกสาวขึ้นมาพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “เฮ้ นักกีฬาตัวน้อย เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง? เดี๋ยวปาป๊ากับหม่าม๊าจะพาหนูไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศเร็วๆ นี้นะ”
เด็กหญิงตัวน้อยทำเสียงพึมพำพร้อมกับจ้องตาโตไปที่ฉินสือโอว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา เธอก็เปิดปากกว้างและยิ้มอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับส่งเสียงเป็นคำๆ ออกมาว่า “เฮ้…”
ฉินสือโอวถึงกับสะดุ้ง เสี่ยวเถียนกวาก็ยังคงส่งเสียง ‘เฮ้’ ไม่หยุด จึงทำให้เขามีปฏิกิริยาตกใจที่ลูกสาวของเขาพูดได้แล้ว!
การค้นพบเรื่องนี้ทำให้เขาดีใจมากจนทำตัวไม่ถูก แม้เขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่การพูดที่มีความหมายจริงๆ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการเลียนแบบพ่อแม่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่ว่าจะพูดอะไร นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก
เขาอุ้มลูกสาวมานั่งบนโซฟาแล้วสอนเธอว่า “เด็กดี ลูกรัก เรียนรู้ตามปาป๊านะ ปาป๊า…”
“เฮ้ๆ” เสี่ยวเถียนกวายิ้มและยังคงพูดคำนี้ออกมาไม่หยุด
ฉินสือโอวจึงสอนว่า “ไม่ใช่นะไม่ใช่ ต้องเป็นปาป๊าๆๆ!”
“โอ้” เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับและหยุดพูด เธอเอื้อมมือไปจับจมูกของฉินสือโอว หลังจากบีบไปมาสองครั้ง เธอก็หัวเราะคิกคักออกมาและจากนั้นแม้แต่คำว่า ‘เฮ้’ เธอก็ไม่พูดออกมาอีกเลย
วินนี่เดินออกจากห้องน้ำและมองดูฉินสือโอวที่กำลังสอนลูกสาวพูด เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ยังเร็วเกินไปนะคะที่รัก เด็กต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกเดือนถึงจะเลียนแบบคำที่พ่อแม่สอนมาพูดตามได้”
“ไม่ๆๆ เมื่อกี้ลูกสาวเลียนคำพูดของผม” ฉินสือโอวกล่าว
วินนี่ลุกขึ้นนั่งด้วยความประหลาดใจและถามว่า “จริงเหรอคะ? พูดตามคุณว่าอะไรคะ?”
ฉินสือโอวจูบลูกสาวและพูดว่า “เฮ้”
เสี่ยวเถียนกวายื่นมือออกมาลูบจมูกของเขาไม่หยุด ฉินสือโอวจึงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนปัญญา “นี่มันเล่นไม่ได้นะ หนูต้องอ้าปากพูดสิ ถ้าพูดแล้วปาป๊าจะให้เล่นนะ”
เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิกคัก ฉินสือโอวยิ่งหลบเธอก็ยิ่งจับ ไม่มีทางอื่นแล้ว ฉินสือโอวจึงร้องเรียกฉงต้ามา หลังจากรอให้มันนั่งลงแล้วก็เอาเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปในอ้อมแขนของมันและหาของเล่นใหม่ให้ลูกสาว
เสี่ยวเถียนกวาไม่เหมือนกับเด็กทารกคนอื่นๆ เธอไม่ค่อยสนใจของเล่นธรรมดาๆ ทั่วไป เพื่อนเล่นและของเล่นของเธอก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ในฟาร์มปลาและยังมีเด็กอ้วนอีกคนด้วย
เมื่อเด็กตัวใหญ่โตขึ้น แอนนี่ไม่สามารถอุ้มคนเดียวได้แล้วและบูลก็ต้องออกไปทำงานทั้งวันหรือไม่ก็ต้องเข้าเวรตลอดทั้งคืน ดังนั้นตอนกลางวันเธอจะพาลูกมาที่ฟาร์มปลาหรือไม่วินนี่ก็จะพาลูกไปหาเธอ ทั้งสองจะพาลูกๆ มาหากัน
เด็กอ้วนที่คลานไม่ได้จึงกลายเป็นของเล่นสุดโปรดอีกอย่างหนึ่งของเสี่ยวเถียนกวา ขอแค่ได้เจอ เธอก็จะต้องหยิกแก้มของเด็กอ้วนทันที ตอนแรกเด็กอ้วนทั้งดิ้นและร้องไห้ แต่จากนั้นพอโดนบ่อยขึ้น คาดกันว่าคงจะยอมให้แล้ว เด็กอ้วนจึงไม่ดิ้นรนอีกต่อไป
แอนนี่มีความสุขมากที่ได้ให้เสี่ยวเถียนกวาแกล้งลูกชาย เพราะเด็กอ้วนเป็นเด็กที่ขี้เกียจมาก เมื่อไรที่กินอิ่มก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย พอมีเสี่ยวเถียนกวามาแกล้ง เด็กอ้วนตัวใหญ่ก็ขยับตัวมากขึ้นและเติบโตได้เร็วขึ้นด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่ใกล้กับวันจันทร์ที่ 24 มิถุนายนที่สุดก็คือวันที่ 22 มิถุนายน ในตอนเช้าวินนี่สวมสนับเข่าและถุงมือที่แม่ฉินทำไว้ให้แล้วเตรียมตัวไปคว้าแชมป์ที่เซนต์จอห์น
ฉินสือโอวรู้สึกว่าแม้ว่าลูกสาวจะยังเด็ก แต่ฝ่ายตรงข้ามของเธอล้วนเป็นเด็กอายุแปดเดือน สิบเดือนหรือสิบสองเดือนกันทั้งนั้น ซึ่งเธอได้เข้าร่วมในกลุ่มที่อายุต่ำกว่าสิบสองเดือน
ในตอนที่ลงชื่อสมัครฉินสือโอวไม่พอใจมาก ทำไมไม่มีกลุ่มการแข่งขันอายุต่ำกว่าหกเดือน? เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมจริงๆ ที่ลูกสาวจะลงแข่งขันกับกลุ่มเด็กที่มีอายุมากกว่าเธอถึงสองเท่า
แอนนี่และบูลก็ได้พาเด็กอ้วนเข้าร่วมการแข่งขันนี้เช่นกัน แต่พวกเขาเน้นไปที่การมีส่วนร่วมเท่านั้น หลังจากผ่านการแกล้งของเถียนกวามาอย่างโชกโชนแล้ว ในที่สุดเด็กอ้วนก็เรียนรู้ที่จะคลาน แต่ระยะทางนั้นไม่ไกลมากนัก เขาคลานได้เพียงสองถึงสามเมตรเท่านั้นจากนั้นก็ไม่คลานอีกเลย
การแข่งขันนี้จัดขึ้นที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ เมื่อถึงเวลาจะมีเด็กๆ ที่เพิ่งหัดเดินมาเข้าแถวเดินขบวนและพวกเขาจะต้องเดินไปรอบๆ จัตุรัสอีกด้วย
เทศกาลนี้เป็นเทศกาลท้องถิ่น มีเพียงนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์เท่านั้นที่มีการเฉลิมฉลองนี้ แต่ก็ยังได้รับการยกย่องในท้องถิ่น เนื่องจากนายกเทศมนตรีเมืองแฮมเล็ตเป็นเจ้าภาพเป็นการส่วนตัว
หลังจากที่ฉินสือโอวมาถึงเขาก็แลกรหัสยืนยันอิเล็กทรอนิกส์เป็นบัตรแข่งขัน หมายเลขก็คือ 0088 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีมาก เมื่อพ่อฉินและแม่ฉินเห็นตัวเลขที่ราบรื่นนี้จึงหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวเวยจะได้คะแนนดีแน่นอนและพระเจ้าจะคุ้มครองเธอด้วย”
จัตุรัสอนุสรณ์ถูกจัดให้เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับเด็ก เพราะในนั้นมีสิ่งของมากมาย เช่น บ้านสไลเดอร์ สไลเดอร์รูปสัตว์ เก้าอี้ล้อเลื่อน เก้าอี้หมุนไฟฟ้า กลองเหยียบ รถกันชนไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ รถตำรวจไฟฟ้ารวมกับกันชนและอื่นๆ
ไม่รู้ว่าผู้จัดงานเริ่มเตรียมการมานานแค่ไหน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในสวนสนุกนั้นครบถ้วนมาก ซึ่งมีความแปลกใหม่เล็กๆ และมีสีสันสดใส
ชิงช้าสวรรค์ขนาดเล็กสร้างขึ้นตรงใจกลางจัตุรัส ถัดจากนั้นมีรถไฟสวนสนุกห้าขบวนวิ่งบนรางวงกลม ภายในรางก็เป็นสนามหญ้าเล็กๆ เด็กๆ ที่นั่งอยู่ในรถไฟขบวนเล็กๆ คงจะรู้สึกเหมือนกำลังขับรถอยู่ในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
เมื่อเห็นของเล่นชิ้นใหญ่เหล่านี้ ดวงตาของเด็กอ้วนก็เป็นประกายทันที เขายื่นมือและกรีดร้องออกมาพร้อมกับวิ่งไปที่ของเล่น
เถียนกวากลับไม่รู้สึกอะไร เธอกวาดสายตามองดูคร่าวๆ และสายตาของเธอก็โฟกัสไปที่หู่จือและเป้าจือที่ตามฉินสือโอวมา เมื่อวินนี่วางเธอลงบนพื้น เธอก็คลานไปข้างๆ หู่จือและเป้าจือทันทีพร้อมกับคว้าเจ้าแลบราดอร์มาเล่นด้วยตัวเอง
ฉินสือโอวเป็นคนมีชื่อเสียงในท้องถิ่น หู่จือและเป้าจือจึงเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นเช่นกัน หลังจากที่พวกเขามาถึงก็มีคนเข้ามาทักทาย ฉินสือโอวจึงตอบกลับทีละคน จากนั้นไม่นาน แฮมเล็ตก็มาและเป็นประธานเริ่มกิจกรรมการเดินขบวนของเด็กๆ
เด็กๆ กลุ่มหนึ่งเดินต่อแถวสะดุดกันออกจากจัตุรัส เด็กที่เดินนำหน้าจะเป็นเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดและเดาว่ากำลังจะเดินออกไป และจะมีผู้ใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังคอยดึงเชือกไว้ มือข้างหนึ่งของพวกเขาถือเชือกไว้ส่วนอีกข้างก็ถือธงเล็กๆ พวกเขาทั้งเดินทั้งเล่นกันอย่างมีความสุข
แถวหลังจะมีอายุจะเพิ่มขึ้นตามลำดับและคนสุดท้ายก็คือเด็กอายุสี่ถึงห้าขวบที่ไม่เพียงแต่เดินได้เท่านั้น แต่ยังวิ่งได้อีกด้วย เด็กๆ เหล่านี้สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส พวกเขาโบกธงเล็กๆ หรือไม่ก็ของเล่นของตัวเอง ใบหน้าของพวกเขาก็จะวาดธงชาติแคนาดา ใบเมเปิลและพิมพ์อุ้งเท้าสุนัขเล็กๆ เอาไว้
ผู้ปกครองก็คอยจะเดินตามอยู่รอบๆ และมีเด็กบางคนที่เดินอยู่ก็เริ่มร้องไห้ออกมา ทำให้ตอนนี้ผู้ปกครองต้องรีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
กิจกรรมการเดินขบวนที่เหมือนกับละครตลกก็สิ้นสุดลง การแข่งขันคลานของเด็กทารกจะยังไม่เริ่มขึ้น เพราะช่วงต่อไปจะเป็นกิจกรรมการแข่งขันระหว่างเด็กที่เพิ่งหัดเดินกลับไปกลับมาได้
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset