ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1203 เขตต้องห้ามของพระเจ้า

พ่อฉินกำลังสับเนื้ออยู่ในครัว ฉินสือโอวเดินเข้ามาหยิบมีดหั่นผักและเขียง จากนั้นก็เริ่มสับ ‘ป๊อกๆๆ’
วินนี่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาเข้ามาดูและถามว่า “ในบ้านมีเครื่องบดเนื้ออยู่ไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมต้องสับด้วยล่ะ?”
พ่อฉินยิ้มและพูดว่า “เนื้อที่สอดไส้เกี๊ยวอย่าใช้เครื่องบดเนื้อเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียรสชาติ เนื้อจะเหนียวและน้ำในเนื้อก็จะไม่มี พอกินเข้าไปแล้วจะมีกลิ่นหอมที่ไหนกัน?”
คราวนี้จะใช้เนื้อแกะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้อไม่ติดมัน ดังนั้นจึงเอามาห่อรวมกับผักป่าทำเป็นเกี๊ยวจะดีกว่า ส่วนเนื้อหมูมีไขมันมากเกินไป จะทำให้ผักป่าถูกกลบรสชาติไปจนหมด
หลังจากสับเนื้อแล้ว ฉินสือโอวก็เอาผักจี่ไฉ่และไส้เนื้อที่สับไว้ก่อนหน้านี้มาคลุกเคล้าในปริมาณเท่าๆ กัน จากนั้นใส่ผงเครื่องเทศห้าอย่าง ต้นหอมสับ ขิงสับ ซีอิ๊วขาว ซอสหวานและผงชูรส หลังจากผสมกันแล้วก็จะเติมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย
ในขณะที่วินนี่กำลังหยอกล้อลูกสาวอยู่ก็ถามรายละเอียดการห่อเกี๊ยวไปด้วย ฉินสือโอวขี้เกียจตอบ จึงพูดว่า “คุณไม่ชอบกินเกี๊ยวไม่ใช่เหรอ? จะถามอะไรมากมายขนาดนี้?”
วินนี่พูดอย่างหมดหวังงว่า “ก็คุณชอบกิน ต่อไปฉันจะได้ห่อให้คุณกิน ไม่ได้เหรอคะ?”
พ่อฉินโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก ให้เสี่ยวโอวห่อเองเถอะ เขาห่อเกี๊ยวได้อย่างคล่องแคล่วเลยล่ะ”
ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ถ้าผมอยากกินเกี๊ยวก็ไม่จำเป็นต้องห่อเองก็ได้ แค่ให้เชอร์ลี่ย์กับพาวลิสทำก็พอแล้ว”
“แกนี่ขี้เกียจจริงๆ ตั้งใจทำแล้วกัน” แม่ฉินม้วนแขนเสื้อพร้อมกับมองค้อนใส่
คนในบ้านกำลังยุ่งกันอยู่ในครัว แซนเดอร์สมาหาฉินสือโอว จึงเคาะประตูแล้วถามว่า “บอสมีเวลาไหมครับ? ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะรายงานให้คุณทราบ”
ฉินสือโอวโผล่หัวออกมาจากห้องครัวแล้วพูดว่า “เฮ้ ศาสตราจารย์ คุณมาพอดีเลย เที่ยงวันนี้เรากินเกี๊ยวกัน คุณกับทิญามากินด้วยสิ ผักป่าที่แม่ของผมเอามาห่อเกี๊ยวอร่อยมากเลยนะ”
หลังจากใช้เวลากว่าครึ่งปีในการอยู่ที่ฟาร์มปลา แซนเดอร์สและผู้คนในฟาร์มปลาต่างก็คุ้นเคยกันแล้ว เขาเป็นนักวิชาการที่ถ่อมตัวมาก ถึงบูลจะยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมแต่เมื่อได้พูดคุยกับแซนดอร์สก็สามารถค้นหาหัวข้อประเด็นต่างๆ มาพูดคุยกันได้ ดังนั้นผู้คนในฟาร์มปลาจึงชอบเขามาก
พ่อฉินและแม่ฉินต่างก็เคารพแซนเดอร์มากเป็นพิเศษ ในใจของพวกเขาเชื่อว่าศาสตราจารย์ที่มาจากมหาวิทยาลัยชิงหวาและปักกิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้าอยู่ในบ้านเกิดของพวกเขา ก็จะเป็นเหมือนกับบทประพันธ์ที่เขียนได้ดี เพราะเขาค่อนข้างมีความสามารถ
แซนเดอร์สเห็นว่าคนในบ้านกำลังยุ่งจึงไม่ได้ถามเขาต่อ แต่เขากลับถามให้ดูกลมกลืนกันว่า “อ๋อ เกี๊ยวเหรอ? ผมชอบอาหารประเภทนี้มาก ผมเคยไปกินเกี๊ยวซุปเปรี้ยวของพวกคุณที่ไชน่าทาวน์ในโตรอนโต วันนี้ก็ใช่เหรอ?”
ฉืนสือโอวล้างมือและเดินออกไป เขายิ้มและพูดว่า “ไม่ๆ ศาสตราจารย์ วันนี้ไม่ใช่เกี๊ยวซุปเปรี้ยว แต่เป็นเกี๊ยวสอดไส้ ต้องเป็นของที่คุณไม่เคยกินมาก่อนอย่างแน่นอน”
ในครัวยังมีผักจี่ไฉ่ที่ไม่ได้ใช้เหลืออยู่เล็กน้อย ศาสตราจารย์อาวุโสจึงชี้ไปที่พวกมันและถามว่า “นั่นคือผักป่าชนิดนั้นใช่ไหม? โอ้ พระเจ้า ผมไม่เคยกินเกี๊ยวสอดไส้ผักป่ามาก่อนเลยจริงๆ ผักป่าพวกนี้กินได้ด้วยเหรอครับ?”
ฉินสือโอวจึงช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมผักป่าของจีนให้เขา “ชื่อภาษาจีนของผักป่าชนิดนี้คือจี่ไฉ่ ซึ่งเป็นผักป่าที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยกรดจี่ไฉ่ นี่เป็นส่วนประกอบในการห้ามเลือดที่มีประสิทธิภาพชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถลดเลือดออกและเวลาในการแข็งตัวของเลือดได้”
“นอกจากนี้ จี่ไฉ่ยังมีสารประกอบแอซิติลโคลีน ซิโตสเตอรอลและควอเทอร์นารีเอมีน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและปริมาณไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและตับเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย”
หลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว แซนเดอร์สก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “ผักป่าชนิดนี้มีส่วนประกอบห้ามเลือดด้วยเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมต้องกลับไปหาเพื่อนร่วมงานเพื่อขอความช่วยเหลือซะแล้ว ถ้าส่วนประกอบห้ามเลือดเหล่านี้สามารถเพิ่มประโยชน์ลงในกาวชีวภาพได้ก็คงจะดีมาก”
ทั้งสองนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น วินนี่จึงช่วยชงชาแดงให้แซนเดอร์ส ศาสตราจารย์อาวุโสอายุเพิ่มขึ้น จึงชอบดื่มสิ่งนี้ เพราะหลังจากดื่มแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น
ขณะที่ดื่มชาแดง แซนเดอร์สก็กลับเข้าประเด็นที่จะพูด “บอส คุณจำกระดองของแมลงยักษ์คล้ายกับตะขาบที่คุณเคยให้ผมตอนแรกๆ ได้ไหม? ผมอยากถามว่ามันยังอยู่ไหม?”
ฉินสือโอวส่ายหัวและพูดว่า “ผมก็ไม่แน่ใจ ผมได้มันมาโดยบังเอิญ คงต้องลองหาดูก่อนถึงจะให้คำตอบได้ เกิดอะไรขึ้น? คุณเคยศึกษามันเหรอ?”
แซนเดอร์สขยับเข้าใกล้เขาและกระซิบว่า “ใช่บอส ผมศึกษามันและพบว่ามันเป็นอย่างที่คุณพูด นี่เป็นสิ่งที่วิเศษมากจริงๆ! องค์ประกอบของมันซับซ้อนมาก ในนั้นมีองค์ประกอบของแร่ธาตุแปลกๆ อยู่ ผมได้ทำการทดลองและพบว่ามันมีความสามารถในการลดการเผาผลาญของเซลล์!”
“แล้วไงต่อ? คุณค่าของมันคืออะไร?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
ท่าทางของแซนเดอร์สจริงจังขึ้นมาทันที เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ พูดว่า “การคาดเดาของผมอาจจะไม่ถูก แต่ถ้าถูกล่ะก็ มันต้องน่ากลัวมากแน่ๆ! ผมคิดว่าคุณคงรู้ตำนานในแต่ละประเทศที่มีการบันทึกของยาอายุวัฒนะใช่ไหม?”
ไม่ต้องพูดให้มากความ ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของแซนเดอร์ส เขาเบิกตากว้างและถามว่า “ไม่จริงนะ ในกระดองนี้มีสารที่คล้ายกับยาอายุวัฒนะเหรอ?”
แซนเดอร์สถูมือไปมาแล้วพูดว่า “ผมเดาว่าเป็นแบบนี้ แต่จะค้นคว้าและทดลองให้มากกว่านี้ได้อย่างไร อย่างน้อยดูตอนนี้ มันมีความสามารถในการลดอัตราการเผาผลาญทางชีวภาพและยืดอายุสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย”
“แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป การลดอัตราการเผาผลาญของเซลล์จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ของชีวิต ผลที่ตามมาจึงไม่แน่นอน มันอาจจะลดพละกำลังของชีวิตลง”
“แล้วคุณค่าของมันอยู่ที่ไหน?” ฉินสือโอวถาม
“คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการยืดอายุให้ยืนยาว คุณก็รู้บอส ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ ล้วนมีพละกำลังมากที่สุดเมื่อตอนที่ยังเด็กและยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไรพละกำลังก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ สารชนิดนี้ที่พบในกระดองของแมลงยักษ์ จะทำให้มนุษย์เข้าสู่วัยชราเร็วขึ้นและทำให้พละกำลังของมนุษย์แย่ลง” แซนเดอร์สกล่าว
“แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ชีวิตของมนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นได้เช่นกัน สำหรับคนปกติแล้ว สิ่งนี้มีค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายและผู้สูงอายุแล้ว มันมีประโยชน์มาก!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แซนเดอร์สจึงส่ายหัวและพูดว่า “ผมจะศึกษาต่อไป ถ้าการคาดเดาของผมได้รับการยืนยันแล้ว ถ้าอย่างนั้นการค้นพบนี้ก็คงจะน่ากลัวเกินไป บอส ผมคิดว่าเราเข้าสู่เขตต้องห้ามของพระเจ้าแล้ว ผมไม่รู้ว่าผลของมันจะออกมาเป็นอย่างไร”
ฉินสือโอวถามอย่างเด็ดขาดว่า “ถ้าอย่างนั้นนอกจากผม มีใครจะรู้ผลการวิจัยของคุณบ้าง?”
แซนเดอร์สยิ้มและพูดว่า “ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องอะไร มีเพียงเราสองที่รู้ความลับนี้ ผมเพิ่งจะบังเอิญเริ่มประเด็นนี้และเจาะตรงไปที่ประเด็นหลัก ดังนั้นหลังจากที่ผมรู้ความลับที่อยู่ในกระดองแล้ว ผมเลยให้ความสำคัญกับการรักษาความลับนี้เป็นอย่างมาก”
ต่อมาศาสตราจารย์อาวุโสก็ได้อธิบายให้ฟังว่าทำไมเขาถึงเริ่มประเด็นนี้โดยบังเอิญ
หลังจากที่ฉินสือโอวส่งกระดองให้เขา เขาก็ไม่ได้สนใจมันมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้เขาเคยศึกษาแมงกะพรุนเวเลลลาเรืองแสงมาตลอด แมงกะพรุนชนิดนี้ขาดการต้านทานต่อแสงเป็นอย่างมากและเมื่อเจอกับแสงจ้าก็จะตายทันที เขาจึงคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้านนี้มาโดยตลอด
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset