ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1226 เตรียมหาเสียงในเมือง

เด็กที่น่าสงสารงั้นเหรอ? ฉินสือโอหัวเราะเยาะออกมาเพราะคำนี้ วาฬที่ถูกพวกเขาฆ่าตัวนั้นต่างหากที่น่าสงสาร ไม่ใช่เหรอ?
พูดตามความจริงแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับชไนเดอร์และครอบครัวของเด็กคนอื่นๆ ที่มีท่าทีอ่อนน้อมแบบนี้ ฉินสือโอวก็เริ่มใจอ่อน เขาก็เป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่เด็กหนุ่มทั้งสี่กระทำเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สามารถให้อภัยได้
แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาหมดหนทางจริงๆ “คุณก็รู้ คุณชไนเดอร์ ในคดีนี้ผมไม่ได้เป็นคนฟ้องลูกของพวกคุณ แต่เป็นพวกเขาที่ทำผิดกฎหมาย ตอนนี้เป็นประเทศที่ฟ้องพวกเขา ผมก็หมดหนทางเหมือนกัน”
เจ้าของโรงงานเหล็กพูดอย่างร้อนรนว่า “ไม่ๆ คุณฉิน พวกเขามีวิธีแน่นอน ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าหากพวกคุณยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาสูงสุด เช่นนั้นผมจะยอมที่ถอนข้อกล่าวหาที่บอกว่าพวกเขาทั้งสี่คนยิงเต่ามะเฟือง ผมคิดว่าคุณก็รู้ว่านี่คือสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำได้”
ชไนเดอร์ มองไปยังทนายโบราโซ คาร์นินเดอะฟอร์ธ ที่เขาจ้างมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง เขาส่ายหัวและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ความหมายของเขาคือแค่นี้มันยังไม่เพียงพอ
แต่สิ่งที่ฉินสือโอวทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ หรือว่าต้องให้เขาไปเปลี่ยนคำพูดก่อนหน้านี้ แล้วบอกว่าพวกเขาทั้งสี่คนไม่ได้เป็นคนฆ่าวาฬงั้นเหรอ? ไม่ได้หรอกนะ มันคือเรื่องจริง เขาไม่สามารถเปลี่ยนคำพูดได้
ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของครอบครัวชไนเดอร์ ฉินสือโอวจึงเดินออกมาด้วยท่าทีนิ่งสงบ ผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาคว้าเสื้อของเขาไว้ เธอตะโกนออกมาด้วยเสียงอันแหบพร่าว่า “ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายแบบนี้? คุณไม่มีลูกเหรอ? ทำไมคุณไม่ยอมช่วยเด็กพวกนี้ พวกเขาทำอะไร? พวกเขาเพียงแค่ฆ่าวาฬตัวเดียวก็เท่านั้น วาฬตัวเดียวมันจะอะไรนักหนาเหรอ? มันมีมูลค่าเท่าไหร่? พวกเราจะชดใช้ให้สิบเท่า ยี่สิบเท่า หนึ่งร้อยเท่าเลย!”
ฉินสือโอวใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น เขาพูดขึ้นมาว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ คุณผู้หญิง แต่ผมคิดว่าคนที่ต้องการส่งลูกๆ ของคุณเข้าคุกอันที่จริงแล้วไม่ใช่กฎหมายหรอก แต่เป็นเพราะความรักแบบไม่ลืมหูลืมตาของพวกคุณต่างหาก!”
เบิร์ดและนีลเซ็นมีฐานะเป็นถึงบอร์ดี้การ์ดของฉินสือโอว นีลเซ็นใช้ร่างกายของตัวเองกันฉินสือโอวและผู้หญิงคนนั้นให้ห่างกัน ส่วนเบิร์ดก็พาฉินสือโอวเดินแยกออกมาด้านข้าง พลางพูดขึ้นว่า “บอส รีบเดินเถอะครับ”
เมื่อออกมาจากศาล ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา ปรากฏว่ามีคนพูดขึ้นมาอีกว่า “คุณฉิน สวัสดีครับ ตอนนี้พอจะมีเวลาไหมครับ? มีคนต้องการพบคุณ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา ให้ตายเถอะเขากลายเป็นคนใหญ่คนโตตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? มีคนต้องการคุยกับตัวเองทีละคนสองคนแบบนี้น่ะ? เอาล่ะ ตอนนี้จะมีเรื่องอะไรมาคุยกับเขางั้นเหรอ? แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นพวกนั้นแน่นอน
เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาอยากรู้ว่าชไนเดอร์และคนอื่นๆ จะหาคนแบบไหนมากดดันคนอย่างตัวเอง
ปรากฏว่าเมื่อเข้าห้องทานกาแฟไป เขาก็เห็นแฮมเล็ตพุ่งเข้ามาจับมือเขาไว้
“โว้ว ท่านนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางาน ทำไมคุณถึงวิ่งออกมาแบบนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวหัวเราะออกมา
แฮมเล็ตชี้ไปที่ด้านนอกศาลแล้วพูดว่า “ไม่มีทางอื่นแล้ว ปกติอยากจะเจอนายก็หาไม่เจอ ฉันก็ไม่มีเวลาไปเกาะแฟร์เวล ทำได้เพียงแค่รอนายมาที่นครเซนต์จอห์นแล้วนัดมาคุยเท่านั้น”
บริกรนำน้ำผลไม้มาเสิร์ฟหนึ่งแก้ว ฉินสือโอวบอกว่าเขาไม่ได้สั่ง แฮมเล็ตยิ้มพลางพูดออกมาว่า “ฉันช่วยสั่งให้นายเอง นายชอบน้ำผลไม้ ไม่ชอบกาแฟไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวปฏิเสธออกไปว่า “ไม่ครับ วันนี้ผมอยากดื่มกาแฟสักแก้ว มีเรื่องให้คิดมากเกินไปแล้ว”
บริกรนำน้ำผลไม้กลับไป เขาแอบตกใจอยู่ในใจเงียบๆ มิน่าล่ะถึงมีแต่คนบอกว่าเจ้าของฟาร์มปลาชาวจีนคนนี้เป็นคนที่สุดยอดมาก เพราะว่าเป็นคนที่สุดยอด น้ำผลไม้ที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้คิดจะปฏิเสธก็ปฏิเสธได้ เอาแต่ใจจริงๆ
แฮมเล็ตหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วบอกกับบริกรว่า “รีบเปลี่ยนเป็นกาแฟที่ใช้เมล็ดกาแฟคั่วบดจากกัวเตมาลา แอนติกามาเร็ว”
เมื่อบริกรเดินออกไป ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาแล้วมองไปยังแฮมเล็ต จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “อยากเจอผม มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”
แฮมเล็ตตอบว่า “ฉันคิดว่านายจะมาหา แต่ปรากฏว่ารอตั้งนานนายก็ไม่มา เพราะแบบนั้นฉันเลยมาหานายเอง แน่นอนว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนาย เรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ นายรู้แล้วใช่ไหม?”
ฉินสือโอวถามกลับด้วยความสงสัย “การอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายของศาลฎีกาสูงสุดแห่งแคนาดางั้นเหรอครับ?”
แฮมเล็คพูดขึ้นอย่างตะลึงว่า “อุทธรณ์อะไรกัน? เดี๋ยวก็จะเดือนกรกฎาคมแล้ว การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของเกาะแฟร์เวลจะเริ่มขึ้นแล้ว! นายไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยเหรอ?!”
ฉินสือโอวพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นได้ปล่อยไก่ออกมาอีกแล้ว เขาพึ่งจะออกมาจากศาลแล้วก็โดนแฮมเล็ตเรียกตัวมาทันที ในหัวของเขากำลังคิดถึงแต่เรื่องของคดีอยู่
“อ้อๆ การเลือกตั้งเปลี่ยนวาระ แน่นอนว่าผมสนใจ วินนี่ได้เตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว ผมสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการลงเลือกตั้งของเธออย่างเต็มที่” ฉินสือโอวพูด
แฮมเล็ตพยักหน้าแล้วพูดว่า “แบบนี้ก็ไม่เลว หากวินนี่ได้รับเลือก เธอก็จเป็นนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเกาะแฟร์เวล”
ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเมืองพวกนี้เลยจริงๆ เพราะแบบนี้เขาจึงถือโอกาสถามแฮมเล็ตในเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด “ผู้หญิงลงสมัครเลือกตั้งไม่ค่อยมีความได้เปรียบเลยใช่ไหม?”
แฮมเล็ตยักไหล่ “แน่นอน ประชาชนยังคงไว้วางใจในความเป็นผู้นำของเพศชายมากกว่า ส่วนสาเหตุขอไม่อธิบาย เพราะมันต้องพูดถึงประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ระบบการเมืองรวมถึงความเจริญของสังคมด้วย แต่ว่าก็ต้องมองที่โอกาสด้วย สำหรับการเลือกตั้งระดับเมือง ผู้หญิงอาจจะไม่โดดเด่น แต่หากเป็นการเลือกตั้งระดับมหานคร แบบนั้นเธออาจจะไม่มีโอกาสเลยแม้แต่เงา”
ฉินสือโอวถามว่าทำไม แฮมเล็ตถูมือไปมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วพูดว่า “แคนาดามีเมืองเล็กๆ อยู่เยอะ แต่ละเมืองมีครัวเรือนไม่กี่สิบครัวเรือน พวกเขาไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นนายกเทศมนตรีเมือง นายไม่ได้ดูข่าวเหรอ? นายกรัฐมนตรีเมืองบางเมืองเป็นสัตว์นำโชคด้วยนะ”
เรื่องนี้ไม่ต้องดูข่าวก็รู้ แคนาดาและอเมริกานั้นเหมือนกัน มักจะมีข่าวออกมาบ่อยๆ ว่าชาวบ้านบอกว่าอะไรที่น่ารักก็จะกลายเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่ของพวกเขา การเลือกพวกสัตว์น่ารักพวกนั้นก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบเช่นกัน มีบางเมืองเลือกแมวเลือกสุนัขพวกนั้นมาเป็นนายกเทศมนตรี…
เมื่อกาแฟมาเสิร์ฟ ฉินสือโอวก็พูดขอบคุณแล้วยกมันขึ้นดมกลิ่น อือ กลิ่นหอมไม่เลวเลย
ที่แฮมเล็ตเรียกเขา อันที่จริงเขาต้องการที่จะระบาย เรื่องด้านบนก็ได้รับการเตรียมการเรียบร้อยแล้ว รอให้วินนี่ลงสมัครเลือกตั้งและจากนั้นก็ทำการลงคะแนนเสียง เขาส่งเอกสารรับรองให้วินนี่แค่นี้ก็ได้แล้ว
ด้วยความนิยมของวินนี่ที่มีต่อชาวเมือง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีครั้งนี้จึงไม่ใช่ปัญหา อีกอย่างแฮมเล็ตที่อยู่ในเมืองยังคอยช่วยเหลือเรื่องทีมงานที่อยู่ในมหานครอีกด้วย มีคนพวกนี้คอยสนับสนุน โอกาสที่วินนี่จะชนะก็ยิ่งมีมากขึ้น
มาถึงเดือนกรกฎาคม การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแฟร์เวลก็ได้เริ่มขึ้น
วันเวลาเลือกตั้งถูกกำหนดไว้ที่สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม ฉินสือโอวรู้สึกว่าแม้ว่าวินนี่จะมั่นใจว่าเธอจะได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี แต่ว่าตัวเองก็ไม่สามารถวางใจได้ เขาจึงทุ่มสุดตัวในการช่วยแฮมเล็ตหาเสียงเพื่อช่วยสนับสนุนวินนี่
อันดับแรก เขาไปยังโรงพิมพ์เพื่อให้พิมพ์ภาพวินนี่หลายๆ ภาพ จากนั้นก็เอาไปแปะที่รั้วบ้านทุกหลัง แบบนี้ไม่ว่าใครจะเดินออกมา ก็จะเห็นรอยยิ้มอันสง่างามของวินนี่
เหล่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเล็กๆ ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่กับสิ่งที่เห็น เมื่อพวกเขาเข้ามาในเมืองก็จะเห็นโปสเตอร์สาวงามคนหนึ่งอยู่ทุกที่ จนมีคนถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “เธอเป็นดาราที่มีชื่อเสียงคนไหนของแคนาดากันเหรอ? ถึงแม้ว่าจะสวยมาก แต่ทำไมไม่เคยเห็นเลยล่ะ?”
ผลการลงทุนในเมืองเล็กๆ ของฉินสือโอวก่อนหน้านี้เริ่มเห็นผมแล้ว เขาประชาสัมพันธ์เรื่องการเลือกตั้งของวินนี่ผ่านทางวิทยุโดยเฉพาะ อันที่จริงนี้เป็นช่องบันเทิง เพราะวินนี่จะพูดคุยกับทุกคนเกี่ยวกับบทความสนุกๆ ที่เจอในอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็ร้องเพลงอะไรพวกนั้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นช้าๆ จนในที่สุดช่องวิทยุช่องนั้นก็กลายเป็นช่องคาราโอเกะสำหรับร้องเพลง ทั้งวันมีแต่เสียงร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด!
……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset