ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1235 ว่าที่ภรรยาของผมเป็นนายกเทศมนตรี

หลังจบการพูดอภิปรายของผู้สมัครชิงตำแหน่งแล้ว ต่อไปก็คือการตอบคำถามระดับมืออาชีพและจากประชาชนที่ถูกเลือก ผู้สมัครชิงตำแหน่งหกคน พิตบูลของฮิวจ์วิ่งหนีไปแล้ว ส่วนจะวิ่งไปที่ไหนนั้นตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัด ฮิวจ์เองก็กำลังตามหาอยู่ ภายใต้เสียงเรียกร้องของเหล่าประชาชน ทำให้หู่จือและเป้าจือมาแทนที่กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งใหม่ทันที
ฉากแบบนี้ทำเอาพวกนักท่องเที่ยวที่มองดูแทบล้มทับแว่นหักกันเลยทีเดียว สำหรับประชาชนในประเทศแล้ว การคัดเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่จริงจังมาก แต่กลับเกิดเรื่องวุ่นๆ เสียได้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันจริงๆ
ในรอบตอบคำถามของประชาชนที่ถูกเลือกนั้น ผู้เข้าแข่งขันทั้งหกจะนั่งเรียงกันหลังโต๊ะ วินนี่ที่เป็นหนึ่งในนั้นได้ที่นั่งตรงกลาง มีหู่จือกับเป้าจือที่ตัวติดกับเธอประกบอยู่ทั้งซ้ายและขวา แรกเริ่มฉินสือโอวเองก็รู้สึกว่าเรื่องชักจะเลยเถิดไปใหญ่เหมือนกัน จึงกวักมือเรียกให้พวกมันรีบกลับลงมา
แต่ว่าเจ้าแลบราดอร์ไม่สนใจเขา ความอยากเป็นจุดสนใจของพวกมันนั้นแรงกล้ามาก พวกมันชอบความรู้สึกที่ถูกคนมุงดูเป็นที่สุด
ทำเอากลุ่มคนมากมายรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาการแทนนายกเทศมนตรีฮานี่ย์ แรมโบ้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว มีรายการโทรทัศน์กับสำนักข่าวหลายแห่งส่งทีมสัมภาษณ์มาทำข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ว่าความสนใจของพวกเขาล้วนอยู่ที่ตัววินนี่กับหู่จือและเป้าจือกันหมด ทำให้พวกเขาทุกคนกลายเป็นเพียงตัวประกอบกันหมด
การถามคำถามเริ่มถามจากซ้ายไปขวา แม้แต่หู่จือกับเป้าจือเองก็ไม่เว้นถูกถามด้วย ในจุดนี้ทำให้ฉินสือโอวรับรู้ได้ถึงความรู้สึกลำบากใจของประชาชนชาวแคนาดาที่ถูกเลือกแล้ว
“ไม่ทราบว่าในช่วงที่รับตำแหน่งรักษาการแทนนายกเทศมนตรี คุณคิดว่าผลงานที่ดีที่สุดของคุณคืออะไรคะ?” คำถามนี้ถามกับฮานี่ย์ แรมโบ้
ฮานีย์กระแอมทีหนึ่ง แล้วเริ่มพูดคำตอบที่เตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาอย่างไม่อึกอัก แต่ว่าก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเพราะคนข้างล่างเวทีไม่มีคนสนใจเลย
“ก่อนหน้านี้คุณทำงานที่ด่านศุลกากรมาตลอด ไม่ทราบว่าทำไมจึงสนใจเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีขึ้นมาล่ะคะ?” คำถามนี้ถามกับผู้เข้าชิงที่ทางสภาเมืองเลือกมาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรคนนี้แอบก่นด่าในใจ ให้ตายสิ ฉันอยากเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตายล่ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมฉันต้องมาสมัครเข้าชิงตำแหน่งนี้ด้วย!
แน่นอนว่า ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่กล้าพูดแบบนี้ออกไป เขาเองก็ได้เตรียมคำตอบมาไว้แล้วเหมือนกัน จึงพูดออกไปอย่างไม่อึกอักเช่นกัน และก็ไม่มีประโยชน์เหมือนเดิม คนที่อยู่ข้างล่างยังคงไม่สนใจอยู่ดี
“ในฐานะที่เป็นเจ้าของโรงแรมคนหนึ่ง คุณคิดว่าทักษะพิเศษอะไรในตัวคุณที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับงานของนายกเทศมนตรีบ้างคะ?” คำถามนี้ถามกับเอลตัน เบิร์ต
เอลตันยักไหล่แล้วพูดว่า “ผมไม่พูดอะไรแล้วกันครับ ถ้าหากผมไม่ได้รับเลือก งั้นผมพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าหากว่าได้รับเลือกแล้ว พวกคุณคอยดูว่าผมจะทำอย่างไรแล้วกันนะครับ ผมไม่ใช่คนที่จะพูดจาเรื่อยเปื่อย”
“โอ้ จบแล้วเหรอคะ?”
เอลตันเกาหัวแล้วพูดว่า “เอาเถอะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอบคุณภรรยาและครอบครัวที่สนับสนุนผม”
ประชาชนด้านล่างพากันผิวปากขึ้นมา แบล็คไนฟ์พูดข้างหูของฉินสือโอวว่า “&*%¥#@…”
ฉินสือโอวจับใจความไม่ได้เลยสักคำ จึงถามกลับไปว่า “นายพูดอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินเลย?”
แบล็คไนฟ์ตอบ “บอสครับ เมื่อกี้ผมตะโกนจนเสียงแหบแล้ว!”
“ถือว่าเป็นการได้รับบาดเจ็บในหน้าที่แล้วกัน” ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของคำพูดของเขาจึงตอบกลับไปแบบนี้
แบล็คไนฟ์ดีใจสุดขีด จึงเล่าทั้งเรื่องของแอร์แบ็คกับออสเปรออกมา “@#¥%…”
“ไสหัวไป!” ท่านชายฉินโกรธจัดขึ้นมาในชั่วขณะ
ตามระเบียบการแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเริ่มสัมภาษณ์หู่จือแล้ว แต่ดิคที่เป็นพิธีกรกลับยื่นไมโครโฟนไปที่หน้าหู่จือ
แล้วถามว่า “เฮ้ แลบราดอร์สุดหล่อ ปกตินายชอบกินอะไรเหรอ?”
ฉินสือโอวตาค้างทันที นี่มันคำถามอะไรกัน? หู่จือสำรวจดูไมโครโฟน รู้สึกว่ามันดูเหมือนกับกระดูกเลย จึงเริ่มกัดแทะอย่างดีอกดีใจ “งั่มๆ งั่มๆ…”
เมื่อเห็นพี่ชายแทะอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว เป้าจือก็ไม่รอช้า พอไมโครโฟนมาอยู่ตรงหน้ามันเท่านั้น มันไม่รอให้ถามก็เริ่มแทะก่อนทันที…
การสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ต่อไปก็เหลือแค่รอผลสรุปของการโหวตแล้ว
แม้จะรู้ว่าวินนี่มีความมั่นใจมาก แต่ท่านชายฉินกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น จึงทำให้เขากินมื้อค่ำไม่อร่อย ใจเหม่อลอยออกไป
เพราะเป็นวันสุดสัปดาห์ แฮมเล็ตไม่ต้องทำงาน เขาจึงมาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อช่วยสนับสนุนวินนี่ด้วย ดังนั้นการที่บอกว่าวินนี่เป็นสตรีที่ฟ้าส่งมานั้นจึงไม่เกินไปเลย
ระหว่างกินเพรียงคอห่านที่รสชาติหอมหวานอยู่นั้น แฮมเล็ตก็พูดกับฉินสือโอวว่า “เพื่อน นายตั้งใจกินข้าวเถอะครับ วินนี่ต้องได้รับเลือกอย่างแน่นอนไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกอย่างนี่เป็นแค่การเลือกตั้งในเมืองเล็กเท่านั้น ปีก่อนที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ฉันก็ไม่เห็นนายจะใส่ใจขนาดนี้นี่”
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ก็ครั้งนี้เป็นภรรยาผมนี่ครับ คุณเป็นภรรยาผมหรืออย่างไรครับ?”
เมื่อเลยเที่ยงคืนไป การโหวตก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สถานที่ที่จัดทำการโหวตนั้นเป็นที่เดียวกับที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งก็คือโถงใหญ่ของสภาเมืองนั่นเอง ทุกคนจะต่อแถวกันใส่ผลโหวตของตัวเองลงในเครื่องนับอิเล็กทรอนิกส์ ด้านนี้ใส่ผลโหวตลงไป ด้านนั้นก็จะแสดงผลออกมาทันที
กลุ่มคนที่มาโหวตเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายกเทศมนตรีนั้นไม่เหมือนกัน คนกลุ่มแรกจะเลือกการสละสิทธิ์กันเป็นส่วนใหญ่ แต่คนกลุ่มหลังกลับพากันมาใช้สิทธิ์เสียเป็นส่วนใหญ่
นอกเหนือจากนั้นคนที่สามารถมาโหวตเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดได้นั้นต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างมากกว่า จำเป็นต้องเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะ มีกรีนการ์ดของแคนาดาและมีสิทธิ์ในการเมืองเท่านั้น อย่างพวกเชอร์ลี่ย์ ชาร์คน้อยกับโหวจื่อเซวียนก็คือกลุ่มคนที่ไม่มีสิทธิ์นี้
แต่สิทธิ์ในการโหวตเลือกนายกเทศมนตรีนั้นไม่เหมือนกัน ขอแค่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองมามากกว่า 100 วันก็มีสิทธิ์นี้แล้ว แม้แต่เสี่ยวเถียนกวายังมีสิทธิ์มาโหวตเลย เป็นธรรมดาที่พวกโหวจื่อเซวียนก็มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน เพราะว่านายกเทศมนตรีต้องรับผิดชอบคนทุกคนที่อยู่ในเมือง ไม่สนว่าจะเป็นคนแคนาดาหรือไม่ สรุปก็คือขอแค่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด แม้แต่เด็กๆ ก็นับรวมด้วยเช่นกัน
หลังจากโหวตเสร็จแล้ว ผลโหวตจะถูกตรวจสอบโดยทีมตรวจสอบที่ทางจังหวัดส่งมาก่อน หากไม่มีปัญหาอะไรแล้วจึงจะประกาศผลออกมา ใบคะแนนเสียงมีทั้งหมด 1158 ใบ วินนี่ได้มา 620 ใบ ทีมหู่จือกับเป้าจือได้มา 408 ใบ ส่วนอีกสามคนที่เหลือได้คะแนนเสียงรวมกันที่ 130ใบ…
พอเห็นผลสรุปแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็อึ้งไปทันที วินนี่เองก็แปลกใจอย่างที่สุด พวกเขาไม่คิดเลยว่าวินนี่จะชนะได้เฉียดฉิวถึงเพียงนี้ เพราะคะแนนต่างกันแค่ไม่กี่เสียงเท่านั้น พวกเขาก็จะถูกหู่จือกับเป้าจือกำราบเสียแล้ว!
พวกชาวประมงกับพวกทหารเองก็ตกใจกับผลคะแนนนี้เช่นกัน พวกแบล็คไนฟ์เองก็อาศัยอยู่ที่นี่เกิน 100 วันแล้ว พวกเขาก็มีสิทธิ์เลือกตั้งเช่นกัน จึงพากันถามไปมาว่า “ให้ตายเถอะ นายโหวตเลือกใคร?”
“ให้พูดความจริงใช่ไหม?”
“ใช่”
“ได้ ฉันโหวตเลือกหู่จือกับเป้าจือ”
“ฉันก็ด้วย”
“โห ที่แท้พวกนายก็ด้วยเหรอนี่? ดีจริง ฉันก็เหมือนกัน“
“เหอๆ ฉัน ภรรยาฉัน ลูกฉันก็ด้วย”
ฉินสือโอวจ้องตาค้างไปที่พวกทหารและชาวประมงที่กำลังปรบมือกันอย่างดีใจ แล้วตะโกนออกไปว่า “พวกนายทำอะไรกันน่ะ? ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราต้องโหวตให้วินนี่? ความเชื่อใจระหว่างคนสองคนล่ะ? ทำไมพวกนายไม่เชื่อฟังคำของบอสเลย?”
แอร์แบ็คพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “ไม่ใช่นะครับบอส ตอนนั้นพวกผมคิดว่า นายหญิงชนะการเลือกตั้งแน่นอนอยู่แล้ว ขาดเสียงของพวกผมไปเสียงสองเสียงก็ไม่เป็นไร แต่หู่จือกับเป้าจือก็เข้าร่วมการเลือกตั้งด้วย ถ้าหากว่าพวกมันไม่ได้คะแนนเสียงเลยสักคะแนนเดียว คงขายหน้ามากแน่ๆ ใช่ไหมครับ?  พวกผมก็เลยโหวตให้พวกมันน่ะครับ”
“ผมก็เหมือนกันครับบอส ผมนึกว่านายหญิงต้องได้คะแนนเสียงมาหนึ่งพันคะแนน”
“ใช่ๆ ผมก็ด้วยครับ!”
“ฟัค พวกเราใจตรงกันเลย บังเอิญจริงๆ มา ชนแก้วกัน!”
“บอสก็มาดื่มด้วยกันสิครับ นายหญิงก็ชนะการเลือกตั้งแล้วไม่ใช่เหรอครับ? แม้ดูเหมือนสถานการณ์จะแย่แต่ก็ไม่มีอะไรเลย สายรุ้งมักเกิดหลังฝนกระหน่ำเสมอ มาๆ มาดื่มกัน คนเราน่ะ ต้องมีความสุขนะครับ!”
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset