ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1237 ขับซูเปอร์คาร์ตามหาหมา

ฉินสือโอวไม่ได้บอกว่าไม่ได้ในทันที เขาบอกว่าขอทำความรู้จักบริษัทเพื่อดูสถานการณ์ของบริษัทก่อน
เอริก้ายิ้มแล้วพูดว่า “คุณอยากรู้อะไรก็สามารถถามดิฉันได้เลยนะคะ ดิฉันและเพื่อนร่วมงานเต็มใจบริการคุณอย่างเต็มที่ค่ะ”
บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ผลิตอาหารสุนัขเป็นหลัก ผู้ก่อตั้งเป็นสัตวแพทย์ท่านหนึ่ง ชื่อว่าโรเบิร์ต ดาวนีย์ เขาเคยเลี้ยงและฝึกสุนัขอลาสกัน มาลามิวท์มาก่อน จากนั้นก็นำประสบการณ์ส่วนตัวกับความรู้เรื่องโภชนาการสัตว์ของตัวเองไปสู่ธุรกิจอาหารสัตว์
อาหารสุนัขที่บริษัทนี้จำหน่ายนั้นมีอยู่ไม่กี่แบบ จนถึงปัจจุบันมีแค่เก้าแบบเท่านั้น แต่อาหารสุนัขแต่ละแบบล้วนกลายเป็นตำนาน และมีขายอยู่ทุกวงการสัตว์เลี้ยงทั่วโลก วัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดล้วนมีปลาดุกเป็นหนึ่งในส่วนผสม แถมปลาดุกที่ใช้ก็เป็นปลาเกรดสูงทั้งหมด ถึงขั้นเคลมว่าเป็นอาหารของมนุษย์ได้ด้วย
ฉินสือโอวเห็นโฆษณาอาหารสุนัขแบรนด์หนึ่งในอินเทอร์เน็ตที่เจ้าของและน้องหมาใช้จานที่เหมือนกันใส่อาหารที่ทำมาจากปลา ตอนกำลังกินข้าวกันอยู่นั้นเจ้าของมีธุระต้องออกไปครู่หนึ่ง น้องหมาสลับจานของทั้งคู่ ต่อมาเมื่อเจ้าของกลับมากินอาหารของน้องหมาเข้าไป ก็ไม่รู้สึกได้ถึงความแตกต่างเลย
ระหว่างที่เขาดูข้อมูลของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงนี้ในอินเทอร์เน็ต เอริก้าก็พูดอธิบายเพิ่มเติมไปด้วยว่า “อาหารที่หู่จือกับเป้าจือจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้นั้นปลอดภัยมากนะคะ ในอาหารไม่มีส่วนผสมของยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าหรือโลหะหนักอย่างแน่นอนค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากปลานั้นได้ผ่านการตรวจสอบจาก AAFCO เรียบร้อยแล้ว พิสูจน์แล้วว่าไม่มีสารกันบูดอย่างแน่นอนค่ะ”
“นอกจากอาหารที่มีส่วนผสมของปลาแล้ว ในอาหารสุนัขของพวกเรายังมีส่วนผสมของเนื้อไก่และข้าวสาลีที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมาตรฐานเดียวกับที่มนุษย์สามารถทานได้ และปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่มีก็อยู่ในระดับสูงสุดของสภาความมั่นคงแห่งชาติ อาหารไม่มีส่วนผสมของอาหารจำพวกถั่ว ไข่ขาว สารกันบูด อาหารสัตว์ทั่วไป สีผสมอาหารกับสารแต่งกลิ่น ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนมีใบรับรองด้วยค่ะ”
“นอกเหนือจากนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2009 อาหารสัตว์เลี้ยงทุกตัวของเราก็ไม่ใส่ส่วนผสมจำพวกวิตามินเคกับวิตามินในรูปสารสังเคราะห์ ถ้าจะให้ดิฉันพูดอย่างไม่เกรงใจเลยก็คือ หากว่าเจ้าของที่ชอบเลี้ยงสุนัขกำลังหิวแล้วพบว่าตู้เย็นในบ้านไม่มีอาหารเหลือเลยแล้วล่ะก็ พวกเขาสามารถใช้อาหารสุนัขของเราทานแทนอาหารคนได้เลยค่ะ”
ฉินสือโอวฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ความจริงเรื่องพวกนี้ที่เอริก้าพูดมานั้นเขาฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แค่เสแสร้งว่าเข้าใจไปเท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนว่ามาตรฐานของอาหารสุนัขของพวกเขานั้นจะสูงกว่ามาตรฐานอาหารคนในแคนาดาเสียอีก
แต่เอริก้ากลับคิดว่าเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมด จึงอธิบายเรื่องความสำเร็จของบริษัทต่อ “ผลิตภัณฑ์ของเราล้วนผ่านการตรวจสอบจาก AAFCO โรงงานของเราก็ผ่านการตรวจสอบจากสภาการเกษตรและกรมสุขอนามัยของสัตว์และพืชของแคนาดาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ของเราจึงไม่เคยเกิดการเรียกคืนสินค้าเลยค่ะ”
“เยี่ยมมากครับ” ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างชื่นชม “พวกคุณสนใจที่จะขยายการผลิตบ้างไหมครับ? ผมสามารถเป็นผู้ลงทุนให้ได้นะครับ”
เอริก้ามองเขาด้วยความอึ้งไปพักหนึ่ง จนแน่ใจแล้วว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ไม่ได้พูดเล่นแน่ จึงยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “คุณฉินคะ ที่ดิฉันมาไม่ใช่เพื่อมาเชิญให้คุณมาร่วมลงทุน แต่อยากเชิญให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ค่ะ”
ฉินสือโอวลูบจมูก ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนออกมา แล้วพูดว่า “ครับ ผมถูกคำแนะนำของคุณกำราบเสียสนิทเลย ถึงกับลืมวัตถุประสงค์ที่คุณมา โอเค พวกคุณอยากให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ใช่ไหมครับ?”
เมื่อพูดถึงประเด็นสำคัญแล้ว ทั้งสี่คนก็ตื่นตัวขึ้นมารอฟังเงื่อนไขทันที
ท่านชายฉินกล่าว “ความจริงเมื่อกี้ที่บอกว่าจะให้สุนัขของผมไปถ่ายโฆษณาผมก็คิดจะปฏิเสธแล้ว เหตุผลเพราะว่าคุณไม่สามารถแค่มาเรียกสุนัขของผมไปถ่าย แล้วสุนัขของผมก็จะไปถ่ายได้เลยทันที ข้อแรกผมต้องลองทดสอบดูก่อน เพราะผมไม่อยากให้มีการใส่เอฟเฟคเข้าไปหลังถ่ายเสร็จ กินอาหารสุนัขแค่คำเดียว แล้วรู้สึกทั้งอร่อย ทั้งมีประโยชน์ แบบนี้คนชมต้องด่าผมอย่างแน่นอน เพราะอาหารสุนัขแบบนั้นไม่มีจริง ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกว่าโฆษณานั้นน่ะหลอกลวง…”
ทั้งสี่คนฟังคำพูดของเขาแล้วก็อึ้งไปตามๆ กัน พร้อมเผยอปากเอ่ยออกมาพร้อมกันคำเดียวว่า ‘ WHAT (อะไร) ’
ฉินสือโอวกระแอมทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ผมคงจะพูดแรงไปหน่อยนะครับ ความจริงที่ผมอยากพูดก็คือ ไม่ครับ สุนัขของผมไม่รับงานโฆษณาของพวกคุณ”
เอริก้าวิเคราะห์คำพูดของเขาแล้วพูดว่า “ความหมายของคุณก็คือ ตอนนี้คุณยังไม่เชื่อในผลิตภัณฑ์ของเราใช่ไหมคะ? ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราสามารถส่งผลิตภัณฑ์มาให้หู่จือกับเป้าจือลองก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าหากคุณรู้สึกว่าอาหารสุนัขพวกนี้ไม่มีปัญหาแล้วค่อยร่วมงานกับเราก็ได้ค่ะ”
ผู้ช่วยคนหนึ่งของเธอเข้าใจความหมายของฉินสือโอว หลังเอริก้าพูดจบแล้ว เขาก็ประกบเข้าไปซุบซิบเสียงเบาสักพัก
เอริก้าหัวเราะออกมา มองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “คุณรู้สึกว่าค่าตัวพรีเซนเตอร์ที่เราเสนอไม่เหมาะสมใช่ไหมคะ? ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้พวกเราสามารถคุยกันได้นะคะ คุณไว้ใจได้ค่ะ พวกเรามีความตั้งใจที่จะเชิญหู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์จริงๆ ค่ะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ความจริงผมไม่ค่อยเข้าใจครับ คุณผู้หญิง ทำไมพวกคุณถึงอยากให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ล่ะครับ?”
เอริก้าหยิบถุงอาหารสุนัขใหม่เอี่ยมออกมาชุดหนึ่ง แล้วพูดว่า “เพราะบริษัทเรากำลังจะออกผลิตภัณฑ์ตัวที่สิบค่ะ เป็นอาหารสุนัขที่ไม่ผสมข้าวสาลี ราคาค่อนข้างสูง เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปที่ตลาดบนค่ะ ทางบริษัทคิดว่าการได้ร่วมงานกับหู่จือและเป้าจือจะสามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เพราะสามารถทำให้พวกเราครองตลาดได้ดีกว่าค่ะ”
ฉินสือโอวลูบคางไปมาแล้วพูดว่า “แล้วทางบริษัทได้บอกไหมครับ ว่ายินดีให้ค่าพรีเซนเตอร์กับสุนัขของผมเท่าไร? อย่าบอกว่าห้าแสนหรือหกแสนเลยนะครับ ผมคิดว่าคุณคงดูออกว่าผมไม่ขัดสนเรื่องเงิน”
น่าเสียดายที่ตอนที่พูดประโยคนี้ไปนั้นรถพอร์ช 918 ไม่ได้จอดอยู่หน้าบ้าน ไม่อย่างนั้นต้องเป็นคำโน้มน้าวที่ดีได้อย่างแน่นอน ท่านชายฉินรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
แต่กลับบังเอิญเสียจริง ตอนที่เขากำลังนึกเสียใจจุดนี้อยู่นั้น แบล็คไนฟ์ก็ได้พูดมาในวิทยุสื่อสารว่าฮิวจ์มาหาเขา
ฉินสือโอวบอกไปว่าให้ฮิวจ์รอครู่หนึ่ง ฝั่งเขายังมีแขกอยู่ แต่ว่าฮิวจ์รวดเร็วปานบิน วิ่งพรวดเข้ามาในบ้านพักของเขา
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เขาจึงได้แต่ขอโทษพวกของเอริก้า แล้วถามฮิวจ์ว่าทำไมถึงลุกลี้ลุกลนแบบนี้
ฮิวจ์มีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดว่า “ฉิน ฉันมายืมรถกับนายน่ะ พิทบูลของฉันไม่รู้หายไปไหนแล้ว หาอยู่หลายวันก็ยังหาไม่เจอ ฉันอยากมายืมรถพอร์ช 918 ของนายไปขับวนดูรอบเกาะเสียหน่อย”
ฉินสือโอวตกใจกับคำพูดของเขาแล้วพูดว่า “ห๊ะ ไม่ใช่มั้ง ราชาแห่งการต่อสู้ของนายอะไรนั่นยังหาไม่เจออีกเหรอ? คงไม่ใช่ว่าหายไปตั้งแต่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอใช่ไหม?”
ฮิวจ์พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย แล้วพึมพำออกมาว่า “ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวเนรคุณนี่วิ่งหายไปไหนแล้ว ถ้าหาเจอนะฉันจะจับมาตุ๋นกินเสียเลย!”
ฉินสือโอวแปลกใจจึงพูดว่า “โอเค ฉันรู้สึกเห็นใจนาย แต่ว่านะเพื่อนฝูง นายแค่จะหาหมาถึงขึ้นต้องขับรถซูเปอร์คาร์ไปหาเลยเหรอ? ฉันคิดว่ารถกระบะน่าจะเหมาะกว่าไหม?”
ฮิวจ์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ได้ขับซูเปอร์คาร์ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีอารมณ์จะหาต่อไปน่ะสิ!”
ฉินสือโอวยอมให้เขาจริงๆ ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะหาหมาหรอก ก็แค่อยากขับซูเปอร์คาร์ไปกินลมเล่นเท่านั้นนี่นา แต่ว่าสำหรับเขารถพอร์ชก็แค่มีไว้โชว์เฉยๆ ปกติเขาก็ไม่ค่อยขับอยู่แล้ว ถ้าฮิวจ์ชอบก็เอาไปขับเล่นแล้วกัน
พอเป็นแบบนี้กลายเป็นฮิวจ์ที่เป็นฝ่ายกำลังช่วยเขาอยู่ โดยการทำให้พวกเอริก้ารู้ว่าเขามีฐานะขนาดไหน
ทั้งสี่คนมองหน้ากันทีหนึ่งแล้วเกาะกลุ่มหารือกันสักพัก พอฉินสือโอวกลับมา เอริก้าก็บอกจำนวนจริงๆ ออกมาทันที “ค่าพรีเซนเตอร์ของแลบราดอร์ทั้งสองตัวที่ต้องออกถ่ายแบบพร้อมกันคือหนึ่งล้านหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดา นี่คือราคาที่พวกเราให้ได้ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset