ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 178 สัตว์มากมายในดงป่า

บทที่ 178 สัตว์มากมายในดงป่า
โดย
Ink Stone_Fantasy

นีลเซ็นกลับมาบ้านอย่างสบายใจพร้อมนกเป็ดน้ำสองตัวและห่านป่าอีกหนึ่งตัว เขาคืนธนูให้กับเหมาเหว่ยหลง พลางออกปากชื่นชม “นี่เป็นธนูที่ดีทีเดียว วันนี้คุณใช้ธนูคันนี้ยิงปลาคงต้องทำออกมาได้ดีแน่ๆ!”
เหมาเหว่ยหลงหน้ากระตุก ฉินสือโอวเองก็หัวเราะออกมายกใหญ่แล้วร้องถาม “โคโกโร่ แกทำได้ดีหรือเปล่า?”
“ไสหัวไปเลย เผาปลาของแกไป!” เหมาเหว่ยหลงหันกลับไปด่าอย่างหัวเสีย
นกเป็ดน้ำและห่านป่าถูกนำมาถอนขนและเอาเครื่องในออก เป็ดใช้วิธีย่างไฟดีที่สุด เรื่องแบบนี้เหมาเหว่ยหลงเข้าใจดีเพราะเขาเคยเห็นเตาย่างเป็ดแบบแขวนที่ปักกิ่งมาเยอะ ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีเตาย่างแบบนั้น แต่เครื่องปรุงและกองไฟมีพร้อมจึงย่างได้เหมือนกัน
ห่านตัวอวบอ้วนถูกสับแบ่งเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงไปในหม้อแรงดัน ถ้าเสิร์ฟพร้อมปลาย่างก็คงไม่เลวนัก
เออร์บักใช้กระดาษพลาสติกสำหรับปิกนิกปูให้เรียบร้อยแล้วจึงขับรถเข้าไปซื้อพวก พิซซ่า ไส้กรอก แฮมเบอร์เกอร์ในเมือง พาวลิสและเชอร์ลี่ย์หยิบเกี๊ยวที่เหลือออกมา อาหารมากมายที่กองอยู่ทำให้อีวิลสันมีความสุขอย่างล้นเหลือ
ปลาย่างต้มอยู่ในหม้อปุดปุด และเพียงไม่นานกลิ่นเผ็ดก็โชยออกมา ฉินสือโอวเทไวน์ลงไปในหม้อเล็กน้อยแล้วปิดฝาต้มต่อ
 ซีมอนสเตอร์ย่างปลา ชาร์คย่างเนื้อ เหมาเหว่ยหลงย่างเป็ด นีลเซ็นตุ๋นห่าน ทุกคนต่างสาละวนกับงานตรงหน้า
เมื่อพระอาทิตย์ตก เออร์บักก็สั่งให้อีวิลสันแขวนโคมไฟก่อนที่เครื่องยนต์รถกระบะจะทำงานจ่ายกระแสไฟอย่างต่อเนื่อง
เหมาเหว่ยหลงมองไปสภาพรอบๆที่ว่างเปล่าแต่ไม่โดดเดี่ยว เขามองไปที่กลุ่มคนที่กำลังยุ่งแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสบายใจ จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับฉินสือโอว “ที่นี่มันสบายดีจริงๆเลยนะ สัตว์ป่าพวกนี้เมื่อเทียบกับความลำบากของพวกเราแล้ว ถือว่ามีชีวิตอย่างสุขสบายเลยล่ะ”
ฉินสือโอวไม่ปฏิเสธ เขายิ้มน้อยๆ ใช่ ตอนนี้ชีวิตเขาสุขสบายมาก เขาพอใจมากแล้ว
เออร์บักนำผลไม้ที่ซื้อมาทำเป็นสลัด ฉงต้างับเอาชามข้าวตัวเองจากรถกระบะแล้ววิ่งไปหมอบอยู่ตรงหน้าเออร์บักอย่างเชื่องๆ ตอนนี้มันทั้งเชื่องและแสนรู้
ปลาย่างเสร็จแล้ว เนื้อปลาตุ๋นก็จัดวางเรียบร้อยพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้ว หม้อแรงดันยังคงอัดพ่นความร้อนออกมาขณะที่กลิ่นหอมของห่านป่าก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเราเริ่มลงมือกินข้าว อีวิลสันใช้ส้อมจิ้มเนื้อมากินก่อนชิ้นหนึ่ง เขาเคี้ยวไปมาแล้วเตรียมจิ้มคำถัดไปใส่ปาก
เหมาเหว่ยหลงจิบไวน์ไปและสอนอีวิลสันใช้ตะเกียบไปด้วย นีลเซ็นเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา “เสียเวลาเปล่าๆ เหมา แท่งเล็กๆสองแท่งนี้ฉันเรียนยังไงก็ใช้ไม่เป็น”
อีวิลสันมีท่าทางเงอะงะ มือขวาถือส้อม ส่วนมือซ้ายก็จับตะเกียบพยายามที่จะลอง ตอนเริ่มแรกก็เกร็งและรู้สึกแปลกๆ แต่พอเหมาเหว่ยหลงสาธิตให้เขาดู เขาก็มองอย่างละเอียดก่อนที่มือข้างหนึ่งจะใช้ตะเกียบหยิบชิ้นปลาขึ้นมาได้อย่างแม่นยำแล้วกินเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย
นีลเซ็นไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาลองจับตะเกียบขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังใช้ไม่เป็นอยู่ดี
บางครั้งคนเรามีความทึ่มบ้างก็เป็นข้อดี เพราะทำเรื่องอะไรก็จะได้มีความตั้งใจ จดจ่อ เรียนรู้อะไรที่ง่ายๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ไวกว่าคนทั่วไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ อีวิลสันจึงเริ่มโชว์ความสามารถ มือขวาถือส้อม มือซ้ายจับตะเกียบ สองมือสลับกันตักอาหารกินไปมาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำไหล
“เชี่ย นี่มันวิชาสองมือประสาน” เหมาเหว่ยหลงชื่นชมแล้วพูดต่อ “ฉันสอนลูกศิษย์ที่ดีขนาดนี้ออกมาคนหนึ่งเลยนะเนี่ย”
ฉินสือโอวเหลือบมองไปที่เขาแวบหนึ่งแล้วพูดออกมา “ช่างมันเถอะ นายรีบๆกิน อีวิลสันปกติก็เป็นคนกินจุอยู่แล้ว นี่มีนายสอนแบบนี้ก็กลายเป็นกินจุสองเท่าไปเลย พวกเราที่กินช้าคงต้องเพิ่มความเร็วในการกินแล้วล่ะ”
เมื่อกินเนื้อย่างและปลาย่างไปได้ครึ่งหนึ่ง เนื้อห่านป่าก็ตุ๋นสุกแล้ว ฉินสือโอวเริ่มกินซุปก่อน แต่เหมาเหว่ยหลงกลับเอาปีกมาเล็มกินก่อนอย่างเอร็ดอร่อย
รสชาติของเนื้อห่านนั้นวิเศษมาก เหมาเหว่ยหลงทานไปก็ชมไปไม่หยุดปาก หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้น “ฉันได้ยินมาว่าที่แคนาดาสัตว์จำพวกสัตว์ปีกได้รับการคุ้มครองอยู่ อย่างห่านป่านี่ไม่ได้รับความคุ้มครองเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบ “ไม่มี นายกินอย่างสบายใจได้ เพราะนี่เป็นห่านป่าของประเทศแคนาดา ไม่ใช่พวกห่านเพรียง หงส์ขาวหรือหงส์แตรพวกนั้น เจ้าพวกนี้ไม่ใช่แค่กินได้เท่านั้นนะ แต่ยังเอาไปค้าขายได้ด้วย”
ที่แคนาดามีห่านป่าเยอะที่สุด และไม่ได้จัดอยู่ในรายชื่อสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง ในขณะเดียวกันนั้นนกประเภทนี้ยังประสบความสำเร็จในการสืบพันธุ์แบบผสมเทียมด้วย ห่านป่าแบบเลี้ยงจึงเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของอาหารสัตว์ปีกของชาวแคนาดา
เออร์บักหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ขอบเขตในการใช้กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าโดยทั่วไปจะแบ่งตามภูมิภาค สิ่งที่เหมากังวลก็มีเหตุผลอยู่ ห่านป่าพวกนี้ถ้าอยู่ที่อเมริกาก็จะได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญากรุงวอชิงตัน ซึ่งจะไม่อนุญาตให้จับนกประเภทนี้ เพราะที่อเมริกาห่าน ประเภทนี้มีจำนวนและชนิดไม่มากนักและกำลังจะสูญพันธุ์แล้ว”
นี่ถือเป็นอีกโศกนาฏกรรมที่เกิดจากการจับหรือฆ่าตามอำเภอใจ เมื่อก่อนห่านป่าแคนาดาจะขยายพันธุ์จากอเมริกาเหนือไปยังยุโรปตะวันตกโดยธรรมชาติ อย่างเช่นที่ประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย ก็เคยพบร่องรอยของพวกมันแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือห่านป่าแคนาดายังเจริญเติบโตที่แคนาดาและทางเหนือของอเมริกา สมัยก่อนเกรตเลกส์รักษาจำนวนห่านป่าในแคนาดาเอาไว้ได้มากมาย และก็เป็นเช่นเดียวกับห่านส่วนใหญ่ พวกมันเองก็มักจะทำการอพยพไปเช่นกัน และพื้นส่วนใหญ่ที่มันใช้หลบหนาวก็อยู่ที่สหรัฐอเมริกานั่นเอง
ชาวอเมริกาพบว่าเนื้อของนกประเภทนี้อวบและอร่อยมาก ส่วนหัวก็ใหญ่โตและอร่อยกว่าไก่งวงหลายเท่า ดังนั้นในตอนต้นศตวรรษที่ 20 ทางตอนเหนือของอเมริกาจึงเริ่มออกล่าห่านป่าเป็นเวลาต่อเนื่องนานถึงครึ่งศตวรรษ จนเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ชาวอเมริกาจึงเริ่มค้นพบว่าสัตว์จำพวกนกชนิดนี้ที่เคยพบเจอที่เกรตเลกส์บ่อยๆหายไปหมดแล้ว
ในเวลานี้เองชาวอเมริกาที่เพิ่งรู้สึกตัวก็เริ่มเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มตั้งกฎหมายคุ้มครองสัตว์ประเภทนกนี้ จนกระทั่งปี 1962 ห่านป่าแคนาดากลุ่มเล็กๆถึงเพิ่งจะถูกพบว่าพวกมันไปหลบหนาวที่เมืองรอเชสเตอร์ มลรัฐมินนิโซตา
แต่ตอนนี้ห่านป่าแคนาดาชนิดนี้ไม่ได้ไปหลบหนาวที่อเมริกาอีกแล้ว พวกมันเปลี่ยนเส้นทางอพยพและยอมบินวนออกไปไกลขึ้นทางชายฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากนั้นก็ไปหลบหนาวที่อเมริกากลางหรือไม่ก็หลบอยู่ที่ทางตอนใต้ของนิวฟันด์แลนด์ที่มีพื้นที่ค่อนข้างอบอุ่นโดยไม่บินไปอเมริกาแล้ว
เออร์บักเล่าเรื่องที่เกิดกับห่านป่าแคนาดาให้ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงฟัง นี่ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์โดยแท้ ด้วยเวลาสิบกว่าปีมานี้ห่านป่าต้องเปลี่ยนกฎเกณฑ์เส้นทางอพยพเพื่อที่จะรักษาเผ่าพันธุ์ของมันเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่พบได้ยากในธรรมชาติแบบนี้
พวกเขาฟังเรื่องราวในอเมริกาเหนือที่เออร์บักเล่าให้ฟังและกินอาหารปิ้งย่างพลางดื่มเบียร์ไปด้วย ช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำในมื้อเย็นนี้ช่างจบลงไวจริงๆ
หลังจากทานเสร็จแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องทำก็คือการทำความสะอาด เพราะที่ทะเลสาบเฉินเป่าแห่งนี้มักมีผู้คนมาปิกนิกบริเวณรอบๆทะเลสาบ แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับได้รับการดูแลอย่างดีจนมีขยะน้อยมาก เพราะคนที่มาเที่ยวที่นี่มักจะเก็บขยะไปทิ้งด้วยตอนกลับเสมอ
ฉินสือโอวพูดกับเหมาเหว่ยหลง “พวกเรามาหาลู่ทางทำแหล่งท่องเที่ยวกับจีนกันดีกว่า นายช่วยฉันหน่อยสิ แต่ต้องบอกบริษัททัวร์พวกนั้นด้วยว่าต้องมีการยกระดับผู้ใช้บริการของพวกเราด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาติเรา แบบนั้นคงไม่ดีสักเท่าไร”
เหมาเหว่ยหลงตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้นายวางใจได้ ฉันจะจัดการเอง เกาะเล็กๆแห่งนี้เป็นสวรรค์บนดินสำหรับพักผ่อนเห็นๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เคยมีใครมาเข้ามาพัฒนาการท่องเที่ยวที่นี่ ฉันวางแผนที่จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะนี้เป็นแบบระดับไฮเอนด์ที่สามารถรับประกันคุณภาพชีวิตของคนที่มาเที่ยวที่นี่ และรับประกันระดับการใช้จ่ายได้ด้วย”
ฉินสือโอวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เหมาเหว่ยหลงเชี่ยวชาญกว่าเขามาก เพื่อนที่รู้จักก็มีมากมาย ประสบการณ์ก็ท่วมท้น
อีกไม่กี่วัน วันหยุดของเหมาเหว่ยหลงก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset