ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1278 วิกฤตการณ์ของหอยพิษ

ตามหลักแล้วอาหารเย็นของแม่ฉินสือโอวจะเป็นกับข้าวเจ็ดอย่างซุปสองอย่าง ที่ฟาร์มปลานั้นมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งพวกชาวประมงก็จะวิ่งเบียดกันมาเอาข้าว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำไว้เยอะๆ
ส่วนฉินสือโอวที่อยากจะใช้เวลาอยู่กับพ่อและแม่ให้ได้มากที่สุด เขาไม่อยากที่จะให้แม่มาจัดเตรียมกับข้าวให้ เพราะปกติแล้วเขาก็ทำกับข้าวเองอยู่แล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่ทำกับข้าวเยอะขนาดนี้ มากสุดก็แค่สี่อย่าง หรือทำข้าวหม้อใหญ่หรือไม่ก็เพิ่มเมนูเนื้อย่าง เพื่อจะได้สะดวกและประหยัดเวลา
แม่ของฉินสือโอวทำไก่ตุ๋นเห็ดหอม ผัดผักกาดขาวใส่พริก ไก่ผัดพริก ไก่เส้นผัดเห็ดหอม ผัดสามเซียน ฟักผัดกุ้งแห้ง เนื้อทอด ส่วนซุปก็เป็นซุปเต้าหู้หัวปลากับซุปเห็ดหอมเนื้อวัว
นอกจากนี้วินนี่ยังเอาไก่ย่างซอสฮาวายเอี้ยนหนึ่งตัวและสเต๊กเนื้อวัวจานใหญ่หนึ่งจานกลับมาจากในเมือง ซึ่งอาหารหลักนั้นคือพิซซ่าที่มีกลิ่นอายรสชาติหลากหลายสไตล์ ผสมผสานระหว่างจีนและยุโรปทำให้ดูเป็นอาหารจานหรูที่เข้ากันเป็นอย่างมาก
ตอนที่รับประทานอาหาร วินนี่ไม่รีบมานั่งที่โต๊ะ ฉินสือโอวจึงตะโกนเรียก “ที่รัก ทานข้าวได้แล้ว”
วินนี่จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยสบายใจว่า “พวกคุณทานกันไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันขอชงนมให้เสี่ยวเถียนกวาก่อนนะคะ”
เห็นได้ชัดเลยว่าวินนี่มีเรื่องอยู่ภายในใจ และที่ชัดไปกว่านั้นก็คือเรื่องงาน
ฉินสือโอวนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้านี้วินนี่ดูรีบร้อนออกไป ฉินสือโอวจึงเข้าไปถามว่า “บอกผมมาที่รัก เมื่อเช้าคุณเจอเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจหรือเปล่า?”
เขาเดาว่าสิ่งที่กวนใจวินนี่อยู่คือเรื่องเมื่อเช้านี้
วินนี่ทั้งชงนมให้ลูกไปพลางทั้งพูดไปพลางว่า “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณไปกินข้าวก่อนเถอะค่ะ”
ฉินสือโอวดึงตัววินนี่มาตรงหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ คุณบอกสามีคนนี้ได้ สามีคนนี้จะช่วยคุณแก้ปัญหาเอง คุณไม่เชื่อใจสามีที่ทำได้ทุกอย่างคนนี้แล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของฉินสือโอว วินนี่จึงยิ้มอย่างอบอุ่นออกมาและพูดว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับนักท่องเที่ยวนิดหน่อยค่ะ มีคนออกทะเลไปกับชาวประมงในตอนเช้าตรู่ สุดท้ายถูกหอยพิษทำร้ายเข้าให้”
เมื่อชงนมเสร็จวินนี่จึงลองเช็กอุณหภูมิก่อนจะส่งให้ลูกสาว เสี่ยวเถียนกวากอดขวดนมขวดใหญ่ไว้และทำแก้มป่องดื่มนมเข้าไป
เมื่อได้ยินว่ามีหอยพิษทำร้ายคน ฉินสือโอวก็รีบถามขึ้น “หอยพิษอะไรเหรอ? เหตุการณ์เป็นอย่างไรล่ะ?”
วินนี่กล่าว “เป็นหอยเต้าปูนชนิดหนึ่ง โชคดีที่หมอโอดอมที่เป็นหมอเฉพาะด้านนี้เห็นเข้าพอดี มิเช่นนั้นแล้วคงจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นในครั้งนี้เข้าให้จริงๆ ดูเหมือนว่าบริเวณรอบๆ ทะเลจะค่อนข้างอันตราย คุณกับพวกชาวประมงต้องระวังตัวกันด้วยนะ”
ในโลกตอนนี้ชนิดสายพันธุ์ของหอยที่จดขึ้นทะเบียนแล้วมีประมาณหนึ่งแสนสายพันธุ์ ไม่เพียงแต่มีหอยที่งดงามล้ำค่าและหอยเชลล์ที่รสชาติแสนอร่อย แต่ยังมีหอยพิษจำนวนหนึ่งที่สามารถหลั่งสารพิษออกมาได้ อีกทั้งสายพันธุ์มีอยู่ไม่น้อย มากกว่าพันสายพันธุ์เลยทีเดียว
และหอยพิษที่พบเจอได้บ่อยที่สุดก็คือหอยสังข์ หอยลิ้นจี่และหอยเต้าปูนที่วินนี่พูดถึง โดยเฉพาะหอยเต้าปูน แม้ภายนอกจะดูสวยงามอีกทั้งดูเหมือนหอยเต้าปูนจะมีพลังดึงดูดน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก หากมีคนพบเห็นแล้วใช้มือจับขึ้นมาคงยุ่งยากเป็นแน่
สายพันธุ์ของหอยเต้าปูนเป็นหนึ่งในหอยพิษที่พบเจอมากที่สุด ซึ่งตอนนี้ที่มีการพบเจอมากกว่าห้าร้อยสายพันธุ์ ส่วนยอดปลายแหลมของพวกมันได้ซ่อนปากเล็กๆ อันหนึ่งไว้ ซึ่งด้านในนั้นมีเข็มพิษสามารถที่จะปล่อยพิษได้จากตรงนี้ ซึ่งเพียงแค่หนึ่งมิลลิกรัมก็สามารถทำให้คนตายได้
แต่เรื่องที่หอยเต้าปูนทำร้ายคนที่แคนาดายังมีค่อนข้างน้อย ฉินสือโอวเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน เนื่องจากหอยเต้าปูนส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยอยู่ที่ทะเลเขตร้อน ซึ่งพบเจออยู่บริเวณแถบมหาสมุทรอินเดียไปจนถึงบริเวณทะเลไห่ผิงเป็นจำนวนมาก ส่วนมหาสมุทรแอตแลนติกโดยเฉพาะทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกจะมีค่อนข้างน้อย
แต่มีน้อยก็ใช่ว่าจะไม่มี ครั้งนี้จึงได้มีคนโชคร้าย
ฉินสือโอวจึงถามวินนี่เกี่ยวกับลักษณะสายพันธุ์ของหอยเต้าปูนที่ทำร้ายคน วินนี่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้คนเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เลยยังบอกลักษณะรูปพรรณสัณฐานไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติดี รู้แต่เพียงว่าพิษของหอยชนิดนี้ที่โดนพ่นเข้าไปเป็นสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาท”
พ่อแม่ฉินสือโอวฟังที่ทั้งสองคนคุยกันก็รู้สึกกลัวขึ้นมา จึงพูดกำชับกับฉินสือโอวว่า “เสี่ยวโอว เวลาที่พวกลูกออกทะเลก็ต้องระวังให้มากขึ้นนะ อย่าให้โดนสิ่งนี้กัดเข้าให้ล่ะ”
วินนี่จึงพูดปลอบใจทั้งสองคนว่า “ไม่ต้องห่วงนะคะ หอยพิษชนิดนี้มีน้อยมาก ตอนเช้าหนูหาข้อมูลไปบ้างแล้ว จากบันทึกสถิติโลกเรื่องที่หอยพิษทำร้ายคน ตอนนี้ที่ถูกบันทึกไว้มีแค่ 38 รายเท่านั้น”
แต่เธอไม่ได้บอกคนแก่ทั้งสองคนว่า ใน 38 รายนี้เสียชีวิตไปเกือบครึ่ง แถมยังเป็นอัตราการเสียชีวิตที่สูงที่สุดอีกด้วย
ดังนั้นจะว่าไปแล้ว ดวงของนักท่องเที่ยวคนนี้ถือว่าดีมาก ที่สามารถรอดจากเงื้อมมือของหอยเต้าปูนมาได้ หรือจะพูดได้อีกอย่างก็คือพญายมราชใจดีที่ไว้ชีวิตเขาก็ว่าได้
เชอร์ลี่ย์พยักหน้าและพูดขึ้น “โรงเรียนของเราก็มีการประกาศเตือนออกมาว่า ช่วงนี้ไม่อนุญาตให้พวกเราเข้าใกล้ทะเล พี่วินนี่คะ ทางในเมืองมีการจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรเหรอคะ?”
วินนี่ที่กำลังทานซุปอยู่จึงพูดขึ้นว่า “ก็ต้องรายงานให้กับภาครัฐและกรมเจ้าท่า พี่ทำรายงานส่งไปแล้วล่ะ รอเพียงพวกเขาส่งผู้เชี่ยวชาญออกมาสำรวจและจัดการแก้ไข”
ฉินสือโอวจึงพูดขึ้น “รอรัฐบาลงั้นเหรอ? ฮ่า งั้นคงต้องรอไปอีกยาว ช่วงนี้คาดว่าชายหาดคงถูกปิดล้อมแล้วใช่ไหม? พวกคุณชี้แจงกับบริษัททัวร์และนักท่องเที่ยวว่าอย่างไรบ้างล่ะ?”
โครงการท่องเที่ยวของเหล่านักท่องเที่ยวถูกกำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว สาเหตุที่การท่องเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลเป็นที่นิยมมากขนาดนี้ เป็นเพราะว่ามีจิตสำนึกทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก อย่างพ่อค้าแม่ขายที่จะเข้ามาบนเกาะก็ต้องได้รับการตรวจสอบและยอมรับจากรัฐบาล พร้อมทั้งยอมรับคำร้องเรียนของนักท่องเที่ยว
ดังนั้นการมาเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลจึงไม่มีการหลอกลวง ไม่มีการบังคับขาย และไม่มีการซื้อขายของปลอม เพราะที่นักท่องเที่ยวจ่ายไปนั้นคือเงินทองจริงๆ จึงอยากได้ความสุขที่เป็นของจริงสมน้ำสมเนื้อ
อีกทั้งเส้นทางท่องเที่ยวเกาะแฟร์เวลก็เป็นเส้นท่องเที่ยวที่สำคัญมากของชายหาดทางตอนเหนือของประเทศที่สะอาด ซึ่งถ้าหากปิดล้อมชายหาด งั้นก็เท่ากับว่ารัฐบาลในเมืองเล็กทำผิดสัญญา จึงต้องดำเนินการชดเชยเงินให้กับนักท่องเที่ยว
ที่วินนี่กลัดกลุ้มก่อนหน้านี้ก็คือเรื่องนี้ ซึ่งรายการการชดเชยก็ใช่ว่าจะน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ตามมายังมีนักท่องเที่ยวอีกเกือบสิบกลุ่มที่ยังรอขึ้นเกาะมาเที่ยว ซึ่งพวกเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากมีการชดเชยก็ต้องมีส่วนได้ด้วยเช่นกัน
“เมื่อไม่มีวิธีที่จะชี้แจงได้ ก็ทำได้เพียงชดเชยค่าเสียหายนั่นแหละค่ะ” วินนี่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกหดหู่เศร้าใจ
ฉินสือโอวยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยื่นมือไปจับปอยผมที่อยู่ตรงหน้าผากของวินนี่ขึ้นแล้วพูดว่า “กินข้าวดีกว่า ส่วนเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผม พรุ่งนี้ผมจะพาคนไปเอาหอยพิษออกมาเอง”
ซึ่งที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องหาหอยพิษออกมาทั้งหมด ใครจะไปรู้ว่าริมชายหาดนั้นมีหอยพิษอยู่จำนวนเท่าไหร่? เพียงแค่หาได้ตัวเดียวก็สามารถบอกผลได้แล้ว สำหรับฉินสือโอวแล้วเรื่องนี้ง่ายนิดเดียว
แต่ทว่าวินนี่ก็ยังรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “หรือว่าจะรอผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงดี? เพราะว่าสิ่งนี้มีพิษ”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างมั่นใจ “คุณก็รู้ว่า หอยเต้าปูนจะไม่จู่โจมเองโดยธรรมชาติ สมรรถภาพทางกายของพวกมันแย่มาก ถึงผมหามันเจอ แต่แค่ไม่ไปจับมันด้วยมือเปล่าก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว”
วินนี่ก็ยังไม่ยอมที่จะให้เขาไปเสี่ยงอันตรายอยู่ดี พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็เช่นเดียวกัน แต่นี่ก็เป็นปัญหาเรื่องงานของวินนี่ จึงได้แต่สนับสนุนเธอ และทำได้เพียงแค่กำชับกับลูกอย่างกังวลว่าให้ระวัง
พอทานข้าวเย็นเสร็จ ฉินสือโอวออกไปเดินเล่นรอบหนึ่ง แต่คาดไม่ถึงว่าบริเวณเขตทะเลของฟาร์มปลาสาธารณะจะเจอหอยเต้าปูน ถ้างั้นน่านน้ำอื่นๆ เองก็คงไม่ปลอดภัย แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือว่า หอยเต้าปูนเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน?
นี่เป็นเรื่องด่วนที่ต้องจัดการในทันที เขาคิดไปไกลและซับซ้อนกว่าวินนี่มาก
แต่ในประวัติของเกาะแฟร์เวลไม่มีสถิติการค้นพบหอยเต้าปูนเลย อีกทั้งเหตุการณ์นี้ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้  ซึ่งแน่นอนว่า หอยเต้าปูนที่อยู่ในช่วงวางไข่ ไข่ของมันที่พัดไปตามกระแสน้ำจะสามารถแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วทุกสารทิศ
แต่ตัวอ่อนของพวกมันจำเป็นต้องอยู่ในทะเลเขตร้อนที่อบอุ่นจึงจะสามารถมีชีวิตรอด แต่อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือสำหรับตัวอ่อนแล้วค่อนข้างเย็น ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ดังนั้นเขาจึงเดาไว้ในใจว่า หอยเต้าปูนเหล่านี้เป็นของคนงานที่นำมาปล่อยเอาไว้ใกล้กับเขตทะเลแฟร์เวล หรือจะมีผู้ไม่หวังดีต้องการทำลาย!
ขณะเดินอยู่บนชายหาด จิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ออกตระเวนไปทั่วทั้งสี่ทิศ ในขณะเดียวกันเขาได้ออกคำสั่งให้บอลหิมะ ไอซ์สเกตและบีนช่วยกันค้นหา
………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset