ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1285 สเต๊กเนื้อวัวย่าง

รถตำรวจสองคันนั้นมาไวไปไว จนทำให้ภรรยาเจ้าของฟาร์มงงงวย
แต่ว่าการที่ไออาร์เอสจากไปก็ถือว่าเป็นเรื่องดี จริงๆ ถ้าพวกเขาถูกลากไปสถานีตำรวจ สุดท้ายพวกเขาก็จะยอมรับโทษและสารภาพผิดแต่โดยดี หลังจากนั้นหลักฐานทางวินัยก็จะสมบูรณ์
อันที่จริงแล้วฉินสือโอวขี้เกียจจะยุ่งกับเรื่องพวกนี้ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเขา ที่เขาทำไปทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะเห็นแก่เหมาเหว่ยหลง
ที่จริงแล้วเขาก็คิดไม่ถึงว่ากลอุบายของเออร์บักจะใช้ได้ผลจริงๆ ไออาร์เอสนั้นขึ้นชื่อเรื่องไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น ไม่คิดเลยว่าพอได้เห็นบันทึกการจ่ายภาษีของเขาแล้วก็จากไปอย่างกะทันหัน นี่เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง
ไม่ว่าประเทศไหนก็ล้วนแล้วมีแต่ชนชั้นเอกสิทธิ์อยู่ แต่ฉินสือโอวไม่คิดว่าเจ้าของฟาร์มปลาอย่างตัวเขาเองจะทำให้ไออาร์เอสเห็นแก่หน้าเขาได้จริงๆ ทุกปีเขาต้องจ่ายภาษีเยอะมากแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องทำอยู่แล้ว และไออาร์เอสก็ไม่จำเป็นที่จะเห็นแก่หน้าด้วยเหตุผลนี้
โดยเฉพาะเลยคือเขาไม่ใช่คนท้องถิ่น อีกทั้งหลังจากนั้นผู้ปฏิบัติตามกฎหมายพวกนี้ก็ไม่ได้มีอารมณ์ปะทุอะไร และถ้าจะให้พูดว่าหัวหน้าพวกเขาอยากจะคบค้าสมาคมกับฉินสือโอว ก็ว่าไม่ได้
คิดไม่ออกก็ไม่คิดแล้ว ยังไงเรื่องนี้ก็จบลงแล้วล่ะ
จากนั้นเขาและเหมาเหว่ยหลงก็ได้เดินไปหยิบเนื้อ เจ้าของร้านเช็ดมือจนสะอาดแล้วจับมือกับเขาทั้งสองคนทีละคน และพูดด้วยความนอบน้อมและจริงใจ “ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลย วันนี้พวกคุณช่วยชีวิตผมไว้ ขอบคุณมากๆ เลยครับ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”
ตรงส่วนนี้ต้องยกให้เหมาเว่ยหลงเลย ฉินสือโอวยืนยักไหล่ไม่พูดไม่จาอยู่หลังเขา เหมาเว่ยหลงพูดคุยพอเป็นพิธีประมาณสองสามประโยคของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้าน จากนั้นเขาก็เอาเนื้อและซี่โครงแล้วก็กลับบ้าน
แน่นอนว่า ครอบครัวพอลลี่ไม่รับเงินของพวกเขา และยังให้สเต๊กเนื้อทีโบนชั้นดีที่สุดสองชิ้นกับพวกเขาด้วย
ระหว่างทางตอนกลับเหมาเหว่ยหลงถามฉินสือโอวด้วยความสงสัยถึงว่าสิ่งที่เพิ่งให้ไออาร์เอสดูคืออะไร ฉินสือโอวก็ยังไม่อยากจะคิดเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยไม่ได้พูดเล่นและพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
แต่เหมาเหว่ยหลงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี กรมสรรพากรของแคนาดามีชื่อเสียงมากด้านการต่อรองกับเงินทุกหนึ่งเซนต์ ครั้งนี้ยอมปล่อยเนื้อก้อนใหญ่จากมือไป ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างน้อยครั้งมากที่จะพบเจอเรื่องแบบนี้
ฉินสือโอวจึงทำได้แค่เดาไปว่า “หรือว่าเรื่องของพอลลี่จะไม่มีอะไรมาก? แคนาดามีกี่คนกันที่ไม่เคยหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี? เอาเถอะ ถึงจะไม่นับว่าหนีภาษี แต่การหลีกเลี่ยงภาษีก็ต้องเคยใช่ไหมล่ะ?”
ปัญหาการหนีภาษีและการหลีกเลี่ยงภาษีของแคนาดาเป็นเรื่องปกติ ฉินสือโอวจำได้ว่าเขาเห็นรายงานข่าวใหม่ทุกวัน ดูเหมือนว่าเมื่อปีที่แล้ว ทั้งประเทศแคนาดาจะมีการหลีกหนีภาษีรวมกันแล้วมากกว่าสองหมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา
เหมาเหว่ยหลงที่กำลังขับรถอยู่ถึงกับส่ายหัว “แคนาดาตอนนี้บ้าไปแล้ว ขอแค่ให้ได้เงินมาถึงมือ แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปได้ แกไม่รู้ใช่มั้ย? ปีนี้รัฐบาลแคนาดาเพิ่งจะออกแผนภาษีใหม่ ครั้งนี้แม้กระทั่งทรัพย์สินต่างประเทศก็ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด สำนักจัดเก็บภาษีแห่งชาติจะติดต่อไปยังประเทศต่างๆ เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินในต่างประเทศของผู้อพยพและจะมีการเรียกเก็บภาษีด้วย!”
แน่นอนว่าฉินสือโอวรู้เรื่องนี้ เพราะสองปีมานี้เศรษฐกิจของแคนาดาไม่ดีมากๆ รัฐบาลสร้างหนี้ไว้เยอะ
เพื่อแก้ปัญหาการขาดทุน รัฐบาลแคนาดาจึงได้ออกนโยบายใหม่ขึ้นมาแบบไม่ไว้หน้าในการตรวจสอบทรัพย์สินในต่างประเทศของผู้อพยพ หากมากกว่าหนึ่งแสนหยวนจะต้องรายงานต่อกรมสรรพากร ส่วนผู้ที่จงใจปกปิดทรัพย์สินของตนจะถูกปรับเป็นเงินสูงสุดถึงหนึ่งหมื่นสองพันหยวนหรือห้าเปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สิน ส่วนผู้ที่รายงานเรื่องของผู้ที่ปกปิดทรัพย์สินจะได้รับสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของภาษีที่ต้องจ่ายเป็นรางวัล ซึ่งประเทศใหญ่ๆ ในโลกนี่ก็ยังถือว่าเป็นเคสแรก
พอกลับมาถึงฟาร์ม หลิวซูเหยียนแปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงออกไปนานขนาดนี้ ฉินสือโอวจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟัง
พอวินนี่ได้ฟังข้อสงสัยเกี่ยวกับไออาร์เอสของเขาก็ยิ้มออกมาแล้วอธิบาย “คุณบอกว่าพวกเขาส่งรถสองคันกับคนแปดคนมาใช่ไหมคะ? นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจมาที่ร้านขายเนื้อวัวเนื้อแกะนี้ แต่น่าจะแค่บังเอิญผ่านมาเจอพอดี ก็เลยมาตรวจสอบดูสักหน่อยไง”
“แบบนี้แสดงว่าพวกเขาต้องมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ทำแน่ ในตอนที่ตรวจสอบฟาร์มนั้นถึงแม้คุณจะไม่ได้แสดงใบบันทึกภาษีออกมา แต่ดูแล้วเริ่มเสียเวลาทั้งยังไม่ได้อะไรก็เลยไม่รอแล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้นไออาร์เอสจะไม่รุกรานผู้เสียภาษีสูง ที่มีประวัติการเสียภาษีที่ดี อันที่จริงพวกเขาก็ขายหน้าคุณนั่นแหละ หรือจะให้พูดก็คือขายหน้าคุณและตัวแทนของทรัพย์สินนั่นแหละ”
“หรือว่าคุณปู่เออร์บักจะหมายถึงแบบนี้ ที่เขาไม่สั่งให้คุณพูดเพราะถ้าหากไออาร์เอสเห็นการจ่ายภาษีของคุณแบบละเอียดแล้ว หลังจากนั้นก็ยังยืนยันที่จะจับสามีภรรยาพอลลี่แล้วก็จะปล่อยคุณไปใช่ไหม? นั่นก็เป็นเรื่องยืนยันได้ว่าไออาร์เอสตั้งใจมาโจมตีเจ้าของฟาร์มจริงๆ ถึงแม้จะเอานายกมาพูดขอร้องแทนก็คงไม่มีประโยชน์”
ฉินสือโอวก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนั้น “ถ้าจะให้พูดนะ ผมว่าผมก็ไม่ได้มีหน้ามีตาอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”
วินนี่เองก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดี เธอพูดว่า “งั้นฟาร์มนั้นจะต้องเจอปัญหายุ่งยากแล้วล่ะ ไออาร์เอสไม่ได้ทำอะไรเขา แต่จากการคาดเดานะคะ พวกเขาคงจะไปแจ้งสำนักงานความปลอดภัยอาหารและอนามัยให้มาตรวจสอบ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเลิกทำตั้งแต่วันนี้ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะโดนจ่ายค่าปรับ”
หลิวซูเหยียนจึงพูดพร้อมกับท้องโตๆ นั้น “ฉันจะไปบอกครอบครัวพอลลี่ พวกเขาเป็นคนดี ครั้งที่แล้วฉันไปตรวจในเมือง รถเสียกลางทางก็ได้พวกเขาที่ขับรถกลับมาส่งให้ และยังเป็นพอลลี่ที่มาช่วยซ่อมให้อีก”
ฉินสือโอวพยักหน้า งั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่ควรจะช่วย เจ้าของฟาร์มชาวจีนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศไม่ง่ายเลยจริงๆ เพราะยากที่จะเข้ากับชุมชนท้องถิ่นได้ การโดนดูถูกหรือโดนเหยียดนั้นมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง แต่การมีเพื่อนบ้านแบบนี้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
เหมาเหว่ยหลงบอกว่าเขาจะไปโทรศัพท์ พอวางแล้วก็พูดยิ้มๆ “พวกเขาเก็บแผงปิดร้านแล้ว ฉันเลยเชิญพวกเขาให้มาเล่นด้วยกัน รอสักพักเดี๋ยวพวกเขาก็มาถึง”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ผ่านไปไม่นาน เหมาเหว่ยหลงที่เพิ่งจะวอร์มเตาอบเสร็จ รถโตโยต้าไฮลักซ์ก็ขับเข้ามา
เหมาเหว่ยหลงไปต้อนรับครอบครัวพอลลี่และลูกๆ อีกสองคนของเขา ส่วนฉินสือโอวเตรียมย่างสเต๊กเนื้อ
ที่อเมริกาและแคนาดา สเต๊กเนื้อเป็นอาหารที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของบุรุษ ผู้ชายไม่ต้องทำอาหารอย่างอื่นให้เป็นก็ได้ แต่ต้องทำสเต๊กเนื้อเป็น หุงผัดอุ่นต้มล้วนต้องทำเป็น ดูจากหนังของอเมริกาก็จะรู้ว่าในฉากการย่างบาร์บีคิวในครอบครัวนั้นปกติมักจะเป็นผู้ชายที่เป็นคนย่าง
เตาที่เหมาเหว่ยหลงนำออกมาย่างบาร์บีคิวก็เป็นเตาถ่านที่พบเห็นได้ทั่วไปในละครทีวีของอเมริกา ด้านในเป็นถ่านที่ถูกเผาด้วยเปลวไฟ มีตาข่ายเหล็กวางอยู่บนเตา แล้วเอาเนื้อวางไว้ด้านบน
พอลลี่เดินมาช่วย เขาพูดแบบยิ้มๆ “คุณคือฉินใช่ไหม? สวัสดีครับ ตอนที่เพิ่งรู้พวกเราค่อนข้างวุ่นวายกันอยู่ เลยยังไม่ได้แนะนำตัว ผมชื่อพอลลี่ พอลลี่ ซอร์ตัน เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นขอบคุณมากจริงๆ นะครับ”
จากนั้นฉินสือโอวและเขาก็จับมือเชคแฮนด์กันอีกครั้ง พลางตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรครับ เหมาบอกว่าคุณมักจะช่วยเหลือเขา พอถึงครั้งเพื่อนมีปัญหา ทำไมพวกเราจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกัน”
พอลลี่ไปเอาที่คีบมาแล้วช่วยเขาพลิกเนื้อ เห็นได้ชัดเลยว่าฝีมือของเขายิ่งกว่าระดับเต๋า จนฉินสือโอวต้องหลีกทางให้ กลายเป็นว่าเขาเป็นผู้ช่วยและเรียนย่างเนื้อกับเขาแทน
สเต๊กเนื้อพวกนี้มีคุณภาพดีและอุดมไปด้วยน้ำมัน ไม่จำเป็นต้องทาน้ำมัน เพียงแค่นำลงไปย่างก็ได้แล้ว และพอวางไว้ไม่นานน้ำมันก็จะออกมาเอง
พอลลี่ยังคงโรยพริกไทยไม่หยุดและเพิ่มรสด้วยหัวหอมหั่นหลังจากนั้นประมาณสองสามนาที เนื้อชิ้นนั้นก็ถูกย่างจนเป็นสีเหลืองทอง
ฉินสือโอวสูดดมกลิ่นแล้วเอ่ยชม “กลิ่นสุดยอดมากเลยเพื่อน กระเพาะของผมเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว”
พอลลี่ยิ้ม “บางทีตอนนี้ผมควรพูดถ่อมตัวใช่ไหม? แต่ว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น ฮ่าๆ ที่จริงแล้ว จริงๆ นะ ฉิน คุณภาพเนื้อวัวจากฟาร์มของผมสุดยอดมากจริงๆ แต่น่าเสียดายจริงๆ ให้ตายสิ ไม่รู้ว่าปัญหามาจากตรงไหน ตั้งแต่ปีที่แล้วเนื้อวัวเนื้อแกะขายไม่ออกเลย”
พูดจบ เขาก็ส่ายหน้าอย่างเศร้าๆ
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset