ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1288 ม้าบิน

ม้าสองตัวจากทางด้านหน้าและด้านหลังวิ่งตรงไปยังทิศตะวันออก ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นมามอง แสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างสาดแสงอาบลงบนร่างอันสง่างามนั้นราวกับเทวทูต
คนที่ขี่ม้าตัวด้านหน้าคือวินนี่ ผมสีดำของเธอมัดรวบเป็นหางม้า ดังนั้นตอนที่เธอควบม้า ผมหางม้าของเธอจะส่ายไปมาเหมือนกับหางม้า ราวกับว่ามีกระแสจิตสื่อถึงกัน
ร่างกายของวินนี่ตอนอยู่บนหลังม้าตรงดิ่งเป็นแนวตั้ง แต่ก็ไม่ได้แข็งทื่อจนเกินไป ร่างกายขยับตามม้าอย่างนุ่มนวลและสะเทือนขึ้นลงตามจังหวะการวิ่ง ช่างดูเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษ
ฉินสือโอวสะดุ้งตกใจ หลังจากขึ้นไปบนหลังฟรีดริชได้เขาก็ถามอย่างตกตะลึง “คุณขี่ม้าเป็นด้วยเหรอ?”
วินนี่ยิ้มบาง “ไม่ใช่ว่าฉันเคยพูดกับคุณแล้วเหรอ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยสตรีเบรชชา ตอนปีสองกับปีสามพวกเรามีวิชาขี่ม้าด้วย แน่นอนว่าก็ต้องขี่เป็นสิคะ”
ฉินสือโอวนึกถึงตัวเองที่เพิ่งบอกว่าจะโชว์ให้วินนี่ดู ตอนนี้เห็นภรรยาของเขาขี่ม้าอย่างกล้าหาญแล้ว เขาก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองถูกเบิร์นไปแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้เขาเป็นพ่อของลูกสาววินนี่ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นหน้าของเขาคงจะถูกตีจนแตกไปแล้วจริงๆ
วินนี่เดาได้ถึงความคิดของเขา เธอจึงพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “ที่จริงแล้วฉันอยากจะให้คุณคุ้นเคยกับการเรียนขี่ม้าก่อน แล้วค่อยขี่ม้าตามมา แต่เมื่อกี้คุณจับบังเหียนไม่ถูกต้องฟรีดริชเลยไม่ยอมวิ่ง ฉันเลยต้องขี่นำสักหน่อย”
ปกตินั้นม้าพันธุ์ดีจะมีความคิดและทำแบบเดียวกันเป็นฝูง เมื่อดูรายการสัตว์โลกก็จะรู้ว่า ราชาม้าจะวิ่งอยู่ด้านหน้า ส่วนม้าตัวอื่นๆ ก็วิ่งตามอยู่ด้านหลัง
การวิ่งนำไปก่อนก็คือการนำจิตวิทยาของม้ามาใช้ ในตอนที่ม้าอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม พอม้าหนึ่งตัววิ่ง ม้าตัวอื่นก็จะวิ่งตาม และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ม้าทุกตัววิ่งไล่ตามกันระหว่างการแข่งม้า
การแข่งม้าที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นจะต้องให้คนขี่ม้าใช้ตะปูที่ติดอยู่ที่ส้นรองเท้าบูทเร่งให้ม้าวิ่งโดยสะกิดที่ท้องม้าหรือบังคับบังเหียนม้าเพื่อเพิ่มความเร็ว มันสามารถวิ่งได้เอง ถ้าหากม้าตัวอื่นอยู่ในสนามเดียวกัน มันก็จะพยายามวิ่งให้เร็วที่สุด
วินนี่คุมความเร็วค่อนข้างช้า เธอจึงถามฉินสือโอวว่า “เป็นไงบ้าง คุณคิดว่าตัวเองสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นอีกได้ไหมคะ?”
ฉินสือโอวตอบอย่างห้าวหาญ “ไม่มีปัญหา ทั้งหมดเรียบร้อยดี แต่แค่เจ็บก้นน่ะ”
ถึงแม้จะมีอานม้าช่วยรองก้นอีกชั้นนึง แต่พื้นผิวของมันก็แข็ง ทำให้ตอนที่ฟรีดริชวิ่งเกิดการสะเทือนขึ้นลง อานม้าก็กระแทกกับก้นของฉินสือโอวไม่หยุด อย่างนี้ไม่เจ็บสิถึงจะแปลก
วินนี่หุบยิ้มแล้วพูดขึ้น “ที่รัก คุณผ่อนคลายลงหน่อยก็ได้ อย่าเกร็งนักสิ”
ฉินสือโอวพูดอย่างกล้ำกลืน “ผมเกร็งตรงไหน? ผมผ่อนคลายอยู่ชัดๆ เลยเนี่ย?”
วินนี่พูด “ไม่ใช่ให้คุณผ่อนคลายแค่จิตใจนะคะ แต่ให้ผ่อนคลายร่างกายด้วย ดูฉันสิ ไม่ต้องเอาสะโพกกดแน่นกับอานม้าเกินไป ออกแรงที่สองขามันจะช่วยประคองร่างกายได้ดี และออกแรงที่สะโพกเล็กน้อยก็พอแล้ว”
ฉินสือโอวมองวินนี่ ก็เห็นว่าสะโพกของเธอกับอานม้ามีช่องว่างอยู่เล็กน้อย แบบนี้ร่างกายของเธอจึงตรงมาก จริงๆ แล้วก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่สมดุลมั่นคง เพื่อคอยปรับให้พอเหมาะพอดีอย่างต่อเนื่อง
วินนี่พาเขาวิ่งเป็นวงกลมเล็กๆ หลังจากนั้นจึงพากลับไปที่ที่พอลลี่และเหมาเหว่ยหลงอยู่ ขาเรียวสองข้างขนาบเบาๆ อยู่ที่ท้องม้าทั้งสองข้าง และขณะดึงบังเหียนเบาๆ และม้าก็เริ่มลดความเร็วลง
ฉินสือโอวเลียนแบบท่าทางของเธอ แต่แรงที่ใช้ดึงบังเหียนมากหน่อย ม้าดำฟรีดริชจึงหยุดวิ่งในทันที
ด้วยความที่ยังคงเคยชิน จากการที่ท่านชายฉินเกือบจะบินตกลงจากหลังม้า แต่โชคดีที่แรงหนีบม้าฟรีดรีชของขาทั้งสองข้างมั่นคงมากทำให้รักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้ได้
แต่แล้วปัญหาก็มาเยือนอีกครั้ง ฟรีดรีชรับรู้ได้ถึงแรงของขาทั้งสองข้าง คิดว่าเขาให้มันออกวิ่ง ดังนั้นมันเลยพ่นลมจมูกออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วมันก็ก้าวเท้าออกวิ่งอีกครั้ง
วินนี่จึงให้ฉินสือโอวถอยกลับมา แต่ฉินสือโอวก็ถามอย่างไร้สติ “เชี่ย! ทำยังไงให้ม้าถอยกลับล่ะ? เกียร์ถอยหลังอยู่ไหนล่ะเนี่ย?!”
เหมาเหว่ยหลงที่อยู่บนม้าควอเตอร์สีน้ำตาลหัวเราะไม่หยุด แล้วตะโกนว่า “แกอย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนเกียร์สิ รีบเหยียบเบรกก่อน ไม่อย่างนั้นแกก็หมุนพวงมาลัยก็ได้ แกเป็นคนขับรถที่เก่งกาจไม่ใช่หรือไง?”
ฉินสือโอวรีบใช้มือดึงบังเหียน ฟรีดริชไม่มีทางเลือก นี่คือคำสั่งบ้าอะไรกันล่ะเนี่ย? ข้าก็เป็นแค่ม้าตัวหนึ่งนะไม่ใช่คน นายสั่งแบบนี้จะไปเข้าใจได้อย่างไร
ในตอนนั้นความเร็วในการวิ่งของฟรีดรีชก็ช้าลง พอลลี่เข้ามาดึงบังเหียนม้าไว้ให้มันหยุดเดิน หลังจากนั้นก็ดึงกลับ เขายิ้มและพูดว่า “ที่จริงแล้วคุณทำได้ดีเลยทีเดียวนะฉิน”
ฉินสือโอวพูดอย่างท้อใจ “พอเถอะ ผมไม่ใช่เด็กนะครับ ผมรับได้ ไม่ต้องปลอบผมหรอก”
พอลลี่พูดอย่างจริงจัง “จริงๆ นะฉิน ก็นี่เป็นครั้งแรกที่คุณขี่ม้า ขี่ม้าครั้งแรกก็ยังไม่รู้แรงควบคุมม้าเป็นธรรมดา อย่างตอนที่เหมาขี่ม้าครั้งแรกก็…”
“อย่าพูดนะ พอลลี่!” เหมาเหว่ยหลงรีบพูดขึ้นมาเสียงดัง
ฉินสือโอวจึงถามอย่างสนอกสนใจ “พอลลี่ พูดเลย การขี่ม้าครั้งแรกของเสี่ยวเหมาเป็นยังไงเหรอ? จะกลัวจนฉี่ราดกางเกงเลยไหมนะ?”
พอลลี่ยักไหล่ “เรื่องนี้พวกคุณไปคุยกันส่วนตัวเถอะนะ มาฉิน ผมจะสอนวิธีทำให้ม้าถอยกลับ ฝึกทักษะพื้นฐานนี้ได้ ท่าทางอื่นๆ ก็ง่ายแล้ว”
พอลลี่จึงสอนความรู้เชิงทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวพื้นฐานให้แก่ฉินสือโอว ส่วนวินนี่ที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าก็แสดงการที่ขี่ม้าแบบเร็วและช้า หรือจะเป็นเดินหน้าถอยหลังให้ดู การดูแลแบบนี้ทำให้เหมาเหว่ยหลงอิจฉาและเอาแต่บ่นว่า “ตอนผมเรียนขี่ม้าทำไมไม่เห็นมาดูแลกันแบบนี้บ้างเลย?”
ฉินสือโอวยิ้มเยาะ “ผู้ที่ตั้งตนอยู่ในธรรมย่อมจะมีแต่ผู้ให้การช่วยเหลือ แกไม่เข้าใจหลักการนี้เหรอวะ?”
วินนี่ทำท่าทางพื้นฐานอยู่พักหนึ่ง หลังจากคุ้นเคยกับม้าแล้ว เธอก็ใช้ผ้าพันคอยีนเช็ดเหงื่อที่คอม้า ให้มันได้พักผ่อน
ฉินสือโอวก็ถอดผ้าพันคอออกมา ฟรีดริชรอให้เขาเข้าไปเช็ดให้มัน แต่สุดท้ายฉินสือโอวก็หยิบมาเช็ดเหงื่อให้ตัวเอง เช็ดหน้าเสร็จก็เอาไปเช็ดตัวต่อ พลางถอนหายใจออกมา “ขี่ม้าก็เหนื่อยมากเลยนะเนี่ย”
ฟรีดริชก็อยากจะบอกเขาเหมือนกันว่า มันที่ต้องแบกเขาเนี่ยเหนื่อยกว่าไหม!
วินนี่พักสิบนาทีกว่า หลังจากนั้นก็พลิกตัวขึ้นขี่ม้า แล้วใช้เท้าด้านหลังแตะที่ท้องม้า มือก็บังคับบังเหียนแล้วร้องขึ้นมา จากนั้นม้าที่เธอนั่งอยู่ก็เริ่มเร่งความเร็ว
ร่างกายของวินนี่ก็ยังคงเหยียดตรงอยู่บนม้า มีแค่จังหวะการสะเทือนของร่างกายที่เร็วขึ้น แต่ก็ให้ความรู้สึกที่สวยงาม เหมือนกับม้าที่อยู่ใต้สะโพกของเธอเป็นคู่เต้นรำ เธอเหมือนไม่ได้กำลังขี่ม้าแต่กำลังเต้นอยู่อย่างไรอย่างนั้น
พอลลี่มองตาค้างแล้วอุทานออกมาอย่างตกตะลึง “พระเจ้า ฉิน ภรรยาของคุณต้องเคยเรียนการขี่ม้าของพระราชวังมาแน่เลย และอาจารย์ของเธอต้องมีฝีมือระดับเทพ! ผมเคยเห็นแบบนี้แค่ที่การแสดงขี่ม้าที่แฮมิลตันเท่านั้น!”
เหมาเหว่ยหลงมองอยู่พักหนึ่งแล้วก็มองไปยังฉินสือโอว สายตาซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ฉินสือโอวจึงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “แกมองอะไรวะ?”
เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยความประหลาดใจ “ฉันก็ไม่เข้าใจเลย วินนี่เป็นราชินีคู่กับเจ้าชายก็ยังได้ แต่ทำไมถึงได้มามองคนโง่อย่างแกกันนะ?”
“โอ้โห ฉันจะตีแกให้ตาย อย่าหนีนะ!” ฉินสือโอวยกบังเหียนม้าจะเฆี่ยนเหมาเหว่ยหลง เขารีบขึ้นขี่ม้า แล้วสะบัดบังเหียนควบคุมม้าให้วิ่ง
ฉินสือโอวก็ขึ้นขี่ม้า ครั้งนี้เขาควบคุมการวิ่งของม้าได้แล้ว ตะปูที่ติดอยู่ที่ส้นรองเท้าบูทแตะท้องม้าเบาๆ ที่ด้านหลังตะปูมีลูกล้อกลิ้งอยู่ ฟรีดริชรู้สึกถึงมันจึงได้เร่งความเร็วขึ้นไปอีก
ครั้งนี้ ในที่สุดความเร็วมันก็เพิ่มขึ้น และความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบก็ปรากฏออกมา!
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset