ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1293 ความโหดร้ายที่รุกล้ำเข้ามา

เทียบกับกุ้งกุลาดำที่ได้รับการปกป้องเป็นพิเศษแล้ว สถานการณ์ของปลาลิ้นหมามินิออกจะเสี่ยงกว่าเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้พวกมันเข้าไปอยู่ในฟาร์มปลาแล้ว รอบตัวก็คือพวกปลาค็อดกับปลาอีโต้มอญที่อันตราย ลูกปลาลิ้นหมาที่ขนาดใหญ่แค่ฝ่ามืออย่างนี้ สำหรับพวกมันแล้วก็เป็นได้แค่อาหารเท่านั้น
แต่ทว่าปลาลิ้นหมามินิกลับอาศัยอยู่แต่น่านน้ำทะเลใกล้ๆ อย่างว่าง่าย ฉินสือโอวเห็นพวกมันว่ายลอยตัวช้าๆ อยู่ใต้ทะเล มีบางกลุ่มที่รู้จักการซ่อนตัวในสาหร่ายทะเลอีกด้วย สีน้ำตาลของลำตัวของพวกมันบวกกับการซ่อนตัวจากสาหร่ายทะเล ทำให้พวกมันมีโอกาสรอดชีวิต
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่ทิศแผ่ออกไปรอบฟาร์มปลารอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวไล่พวกปลาตัวใหญ่ไปยังทะเลน้ำลึก เพื่อพยายามลดโอกาสที่พวกมันจะเจอตัวปลาลิ้นหมามินิให้ได้มากที่สุด
นอกจากกุ้งปลาแล้ว ใต้ทะเลของฟาร์มปลายังมีพวกหอยเชลล์อย่างหอยเชลล์มินิเพิ่มขึ้นมามากมาย แต่ถ้าเทียบกับกุ้งกุลาดำแล้ว พวกหอยเชลล์ดูจะกระตือรือร้นมากกว่ามาก
เมื่อก่อนฉินสือโอวคิดว่าหอยเชลล์จะเหมือนกับหอยนางรมลอย คืออาศัยอยู่ใต้ทะเล ไม่ค่อยขยับไปไหน และใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่หลังจากมาเลี้ยงเองแล้วจึงพบว่าไม่ใช่อย่างนั้นเลย พลังการเคลื่อนไหวของพวกหอยเชลล์นั้นแข็งแกร่งมาก
หอยเชลล์พวกนี้สามารถใช้กล้ามเนื้ออ้าเปลือกออก หลังจากดูดน้ำทะเลเข้าไปแล้วปิดปากลงอย่างรวดเร็วแล้วจะเกิดปฏิกิริยาแรงผลักในน้ำทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ใต้ทะเลใกล้ฝั่งจึงมีหอยเชลล์เปิดปิดเปลือกหอยเพื่อเคลื่อนที่อยู่ไม่ขาดสาย หนำซ้ำบางครั้งยังสามารถกระโดดโลดเต้นในน้ำได้อีกด้วย โดยการใช้การเปิดปิดอย่างแรงพุ่งตัวไปข้างหลัง แถมความเร็วในการเคลื่อนที่ยังไม่ช้าเสียด้วย
หลังจากที่พวกมันเคลื่อนตัวไปเจอกับสถานที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยแล้ว ก็จะยื่นขาออกมาเกาะไว้ที่โขดหินในทะเลน้ำตื้นหรือไม่ก็หาดทรายใต้ทะเลเพื่อเป็นการหยุดอยู่กับที่ รอจนที่แห่งนั้นไม่มีอาหารเพียงพอแล้ว ก็จะเก็บขาเข้ามาแล้วเปลี่ยนที่อยู่อาศัยใหม่
หอยเชลล์ชอบอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่ไหลเชี่ยว มีความเค็มค่อนข้างสูง และค่อนข้างสว่าง เพราะว่าพวกมันเป็นสัตว์จำพวก Filter Feeder (พวกที่กรองกินอนุภาคของอาหารที่มีขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ) คือเป็นพวกที่สามารถเลือกขนาดของอาหารได้ แต่ไม่สามารถเลือกประเภทของอาหารได้ ดังนั้นจึงต้องพึ่งกระแสน้ำในการส่งอาหารมาให้
ดังนั้น ตอนนั้นที่ฉินสือโอวปล่อยพวกมันไว้ตรงน่านน้ำของฟาร์มปลาแกธเธอริงที่อยู่ทิศเหนือของเกาะ ก็เพราะเกาะแฟร์เวลมีลมเหนือมากก็จริง แต่ทางตอนเหนือมีกระแสน้ำลึกที่มาจากขั้วโลกเหนือนั่นเอง
หลังจากพวกหอยเชลล์หาที่เหมาะสมสำหรับอยู่อาศัยได้แล้วก็จะหยุด แล้วทำการต่อตัวเรียงกันเป็นแถว ราวกับกำลังทำเส้นแนวป้องกันใต้ทะเลอยู่ เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ของกระแสน้ำลึกและคลื่นทะเลในการหาอาหารให้ได้มากที่สุด
คลื่นทะเลพัดเกลียวเข้ามา เหล่าหอยเชลล์พากันเปิดเปลือกออก ขอแค่ขนาดใช้ได้ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่อาหารก็ล้วนถูกสายระยางดึงเข้าไปในปากทั้งหมด การทำแบบนี้ของพวกมันมีประโยชน์ต่อการทำความสะอาดน้ำทะเลเป็นอย่างมาก
อาหารหลักของหอยเชลล์คือเศษอินทรีย์สาร และแพลงก์ตอนที่แขวนลอยอยู่ในน้ำทะเล อย่างเช่นสปอร์ของสาหร่ายหรือใบสาหร่ายที่หลุดร่วงลงมา นอกเหนือจากนี้ยังสามารถกินแบคทีเรียทุกชนิดที่อยู่ในน้ำได้อีกด้วย
ฉินสือโอวหาต้นตอของกระแสน้ำลึกจนเจอ จึงใช้พลังโพไซดอนพัดคลื่นลูกใหญ่เพื่อพาบรรดาหอยเชลล์ไปที่นั่น เพียงเท่านี้หอยเชลล์ก็มีที่อยู่อาศัย และสามารถเปิดเปลือกเพื่อตั้งหน้าตั้งตารอให้กระแสน้ำพัดอาหารมาให้ได้แล้ว
หลังจากเตร็ดเตร่อยู่แถวทะเลใกล้ฝั่งเสร็จ เขาก็มุ่งหน้าเข้าไปยังน่านน้ำที่ไกลออกไปอีก
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนส่วนหนึ่งยึดไว้กับตัวฉลามยักษ์เฮยป้าหวัง เพราะฉินสือโอวอยากจะบังคับฉลามเพื่อวางมาดเสียหน่อย แต่พอมองไปข้างหน้าเท่านั้นก็กลับเห็นภาพอันน่าประหลาดใจเข้า
ราวกับว่ามีระเบิดนิวเคลียร์มาระเบิดลงในทะเลอย่างไรอย่างนั้น เพราะมีควันที่รูปร่างคล้ายดอกเห็ดลอยล่องอยู่ในน้ำหลายดอกเลย!
เมื่อกี้เฮยป้าหวังเองก็กำลังจ้องมองภาพเหตุการณ์นี้อยู่เช่นกัน หรือว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้
มองแค่ปราดเดียวฉินสือโอวก็รู้ทันทีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร นี่ก็คือหัวหน้าใหญ่อีกตัวของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือ!
เขาคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือต้องมาที่ฟาร์มปลา แค่ไม่รู้เวลาที่แน่ชัดเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะปุบปับ ให้เขาได้เจอสิ่งมีชีวิตนี้ในคืนนี้
แมงกะพรุนขนสิงโตเหนือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างเช่นตัวที่เขาเจอตัวนี้ มันมีเส้นผ่าศูนย์กลางของร่มยาวถึงสองเมตรกว่า แน่นอนว่านี่ไม่ถือว่าใหญ่ แต่ว่าหนวดของมันนั้นกลับถือว่าใหญ่มาก หนวดเพียงเส้นเดียวก็ยาวถึงสี่ห้าสิบเมตรเลยทีเดียว
และตอนที่แมงกะพรุนชนิดนี้ลอยอยู่ในน้ำ มักจะเคยชินกับการใช้ร่มคลุมหนวดที่ยื่นออกไปรอบด้าน เท่ากับว่าหนวดสองข้างที่ลอยอยู่ในน้ำ สามารถมีระยะทางไกลได้อีกร้อยเมตรเลย!
ร่มที่ลอยอยู่ในน้ำของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือชนิดนี้ จะยื่นหนวดที่มีมากมายลงไปด้านข้าง ยิ่งยื่นลงไปได้เท่าไร มองไปก็ยิ่งเหมือนควันรูปดอกเห็ดที่ระเบิดออกอย่างไรอย่างนั้น
แต่มองไปแล้วมันสวยกว่าควันดอกเห็ดมากเลยทีเดียว ในตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือมีโปรตีนที่มหัศจรรย์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าเอควาริน เมื่อโปรตีนชนิดนี้รวมตัวกับแคลเซียมไออนเมื่อไร ก็จะเปล่งแสงสีฟ้าที่สว่างจ้าออกมา
ยิ่งมีปริมาณเอควารินในตัวแมงกะพรุนมากเท่าไร แสงที่เปล่งออกมาก็จะยิ่งสว่าง อย่างเช่นแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้ที่มีปริมาณเอควารินในตัวอยู่ไม่น้อย ตอนที่มันกำลังเคลื่อนที่อยู่ในน้ำ ท่อลำเลียงอาหารทั้งแปดท่อของมันสามารถเปล่งแสงสีฟ้าออกมาได้ ทำให้มองไปแล้วดูเหมือนเป็นลูกบอลหลากสีที่มีสีสวยสะดุดตาลูกหนึ่ง
ไม่เหมือนกับแมงกะพรุนเวเลลลา แสงของแมงกะพรุนขนสิงโตจะสามารถสว่างได้นานกว่า หนวดของพวกมันเป็นราวกับเส้นแสงหลายๆ เส้น ทำให้ตอนที่พวกมันว่ายน้ำอยู่ เส้นแสงก็จะสะบัดไปมาตามแรงคลื่น สวยตระการตามาก
ฉินสือโอวมองดูแมงกะพรุนขนสิงโตตัวใหญ่ยักษ์นี้ ในใจไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกดีใจหรือกังวลดี
เหตุผลที่มันได้ชื่อว่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือ ก็เพราะในปัจจุบันจะสามารถพบได้มากในน่านน้ำเขตขั้วโลกเหนือ พวกมันมีความพิถีพิถันในการเลือกคุณภาพน้ำที่อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก ขอแค่น้ำทะเลมีการปนเปื้อนเพียงนิดเดียว ก็สามารถตายได้เลย ดังนั้นจึงมีแต่น่านน้ำที่มีคุณภาพน้ำที่ดีเท่านั้น ที่จะมีแมงกะพรุนขนสิงโตปรากฏตัวออกมาให้เห็น
การมาถึงของแมงกะพรุนสิงโตตัวนี้ หมายความได้ว่าคุณภาพน้ำของฟาร์มปลาต้าฉินนั้นอยู่ในระดับแนวหน้าของมหาสมุทรแล้ว
แต่ทว่า แม้แมงกะพรุนขนสิงโตจะมีรูปร่างที่สวยงามก็ตาม แต่ความจริงแล้วดุดันน่ากลัวเป็นอย่างมาก อย่างเช่นปลาทะเลที่แข็งแกร่งอย่างปลาค็อดแอตแลนติกเหนือ หากว่าถูกหนวดของมันจับได้แล้วล่ะก็ ใช้เวลาไม่นานก็ตายกลายเป็นอาหารไปได้ในทันที
ตอนนี้หนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้กำลังลอยล่องอยู่ในน้ำทะเล สิ่งนี้เป็นทั้งอวัยวะในการย่อยอาหาร และยังเป็นอาวุธของพวกมันด้วย
บนหนวดของมันเต็มไปด้วยไนโดไซต์ ซึ่งเหมือนกับใยพิษ สามารถปล่อยสารพิษออกมาได้ ไม่ว่ากุ้งปลาตัวไหนถูกอวัยวะนี้จับตัวไว้ได้ก็จะต้องเป็นอัมพาตแล้วตายทั้งนั้น
ฉินสือโอวมองดูปลาทะเลเล็กใหญ่ที่ว่ายน้ำผ่านมา ตัวที่ฉลาดหน่อยจะพากันว่ายหลบเจ้าแมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ แต่ก็มีบางตัวที่ว่ายพุ่งเข้าไปหาทันที
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หนวดของแมงกะพรุนหนวดสิงโตจึงพันรัดตัวพวกมันเอาไว้ ปลาตัวที่เล็กหน่อยอย่างปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ ใช้เวลาแค่สองสามนาทีก็เป็นอัมพาตจนเสียชีวิต ส่วนปลาค็อดที่ตัวใหญ่หน่อยก็สามารถทนได้แค่หกเจ็ดนาทีเท่านั้น
เมื่อรอจนเหยื่อตายแล้ว แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือจะเก็บหนวดกลับมา ใช้ติ่งเนื้อเมือกด้านล่างร่มดูดไว้ ติ่งเนื้อเมือกของพวกมันสามารถสกัดเอนไซม์ออกมา เมื่อทำการย่อยโปรตีนจากร่างกายของเหยื่อออกมาอย่างรวดเร็วแล้วก็จะกินเข้าไป
ส่วนที่น่ากลัวอยู่ที่แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือเป็นสัตว์ชั้นต่ำ พวกมันไม่มีจิตสำนึก ไม่รู้จักอิ่มหรือหิว ขอแค่มีเหยื่อเข้าใกล้ พวกมันก็จะไม่หยุดที่ล่าอาหาร
และเริ่มตั้งแต่ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกเข้าไปที่เฮยป้าหวังจนถึงตอนนี้ ก็เห็นว่ามีปลาทะเลไม่น้อยเลยที่ว่ายเข้าไปในบริเวณที่หนวดเอื้อมถึงได้
ตอนแรกฉินสือโอวนึกว่าปลาทะเลพวกนี้ถูกหนวดที่เรืองแสงของแมงกะพรุนขนสิงโตดึงดูดเข้าไป แต่ปลาที่ว่ายเข้ามานั้นมีเยอะมากจนเขาเองก็ตกใจเล็กน้อย เมื่อไรกันที่ปลาของฟาร์มปลาไวต่อแสงขนาดนี้?
เขายังสังเกตได้ถึงอีกจุดหนึ่งด้วยว่า ปลาพวกนี้ว่ายมาจากทิศทางเดียวกัน แล้วยังว่ายมาด้วยท่าทีตื่นตระหนกด้วย ดังนั้นเขาจึงทวนกระแสน้ำเข้าไปดู แต่สิ่งที่เขาเห็นตามมานั้นกลับทำให้เขาโกรธจนแทบจะระเบิดเลย
สิ่งที่เขาเห็นด้านหลังฝูงปลาพวกนี้ ก็คือภาพฉลามแมวเจ็ดพี่น้องที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ พวกมันก็เหมือนกับคนเลี้ยงแกะ ที่กำลังไล่ต้อนปลาไปทางแมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้!
ให้ตายสิ! ฉินสือโอวควบคุมเฮยป้าหวังแล้วรีบพุ่งเข้าไปทันที!
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset