ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1295 การเก็บกวาดฟาร์มปลาครั้งใหญ่

ฉินสือโอวส่ายแล้ว แล้วก็ออกไปจากน่านน้ำแถบนี้ ก่อนจะไปเขาเห็นพี่น้องฉลามขาวของเฮยป้าหวังที่ต่างพากันมุงดูอยู่รอบๆ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือและพร้อมจะออกตัวแล้ว ดูท่าไม่นานพวกมันเองก็คงจะไปเข้าร่วมกลุ่มเล่นสนุกกับกลุ่มนั้นด้วยแล้วล่ะ
เขาตรวจตรารอบๆ ฟาร์มปลารอบหนึ่ง พบว่าที่อื่นๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศก็เงียบสงบ
เช้าวันที่สองหลังตื่นนอน บัตเลอร์ไปตรวจดูไลน์การผลิตปลาโอแถบแห้ง ในห้องแช่แข็งมีปลาโอแถบที่จับได้ก่อนหน้านี้อยู่ ปลาโอแถบลังแล้วลังเล่าถูกส่งเข้าไป สิ่งที่ออกมาก็คือปลาโอแถบแห้งที่แห้งกรอบกันทุกตัว
ปลาโอแถบที่ผ่านการอบแล้วล้วนมีสีเหลืองทองอ่อน เพราะว่าได้ทำการผ่าครึ่งออกไปอบ ทำให้สามารถมองเห็นคุณภาพของเนื้อได้ คุณภาพของเนื้อปลาโอแถบที่ฟาร์มปลาผลิตออกมานั้นคุณภาพดีมาก สามารถดูออกได้จากปลาโอแถบแห้งได้ ก็คือเนื้อปลาจะมีลายหินอ่อนเป็นวงๆ อยู่บนนั้น
บัตเลอร์หยิบขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วดมดู ปิดตาแล้วทำท่าดื่มด่ำ พร้อมพูดด้วยเสียงที่โอเวอร์ว่า “โอ้พระเจ้า ไม่แปลกที่จะมีคนเป็นโรคเสพติดสิ่งของ เมื่อก่อนฉันไม่มีทางเข้าใจเลย แต่ตอนนี้เหรอ ดูปลาโอแถบแห้งพวกนี้สิ จะให้ฉันไม่ติดใจพวกมันได้อย่างไร?”
“นายเอาไปกอดนอนไป” ฉินสือโอวพูดพร้อมหัวเราะ
พวกของเชอร์ลี่ย์พากันวิ่งเข้ามาหาอย่างด้วยความดีใจ ไวส์ กอร์ดอนและชาร์คน้อยกำลังเล่นหยอกล้อกันอยู่ ตอนแรกชาร์คน้อยเป็นฝ่ายถูกไล่ตาม แต่จากนั้นเขาก็เก็บกิ่งไม้ขึ้นมาอันหนึ่ง แล้วหันหลังไปไล่ตีไวส์กับกอร์ดอน ทำเอาสองคนนั้นกรีดร้องออกมาเสียงหลง
กอร์ดอนตะโกนร้องว่า “ไวส์ ลมปราณนายอยู่ไหน? รีบแทงเขาสิ!”
ไวส์วิ่งไปพลางร้องออกไปว่า “พวกเราจะต้องมีคุณธรรม! นี่น่ะเป็นการแข่งขันของสายกระบี่ ไม่สามารถใช้พลังวิชาลมปราณได้! อ้อ ชิท มีใครหาดาบให้ฉันได้บ้าง?”
ตอนนี้ปลาโอแถบแห้งลังหนึ่งถูกผลักออกมา ไวส์เห็นแล้วก็ตาลุกวาว รีบวิ่งเข้าไปหยิบมาสองกำมือ มือข้างหนึ่งถือหางของปลาโอแถบแห้งไว้ แล้วทันใดนั้นความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากทันที
ชาร์คน้อยหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “นายถึงกับใช้ปลาแห้งเลยเหรอ? หาที่ตายจริงๆ!”
“นี่คือปลาโอแถบแห้งต่างหาก นายมันหน้าโง่!” คราเคนน้อยลูกของชาร์คตกใจจนวิญญาณแทบจะออกจากร่าง
ปลาแห้งสองตัวของไวส์ฟันลงไป ตัดจนกิ่งไม้ที่อยู่ในมือของชาร์คน้อยหักไปในทันที จากนั้นก็ถึงตาที่เขาต้องกรีดร้องบ้างแล้ว
กอร์ดอนเองก็หยิบปลาโอแถบแห้งไปสองตัวด้วยเหมือนกัน พร้อมเลียนแบบการจู่โจมแบบล้อมเข้าหาศัตรูของหู่จือและเป้าจือ โดยการแอบเข้าไปทำร้ายชาร์คน้อยจากด้านข้าง ฟาร์มปลาเริ่มวุ่นวายขึ้นมาทันที
หลังจากพวกเด็กๆ หยอกเล่นกันเสร็จแล้ว ไวส์กับกอร์ดอนเดินกลับมาวางปลาโอแถบแห้งลง พร้อมกับพูดชมไม่ขาดปากว่า “นี่เป็นดาบวิเศษจริงๆ แข็งแรงไม่สะทกสะท้านเลย!”
บัตเลอร์พูดว่า “พวกเธอคิดว่ามันราคาถูกกว่าดาบวิเศษเหรอ? ดาบเล่มหนึ่งก็มีราคาแค่ไม่กี่สิบดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ปลาโอแถบแห้งหนึ่งตัวสามารถขายได้ถึงหลักร้อยดอลลาร์สหรัฐเลยนะ!”
ฉินสือโอวเห็นว่าพวกเด็กๆ ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ จึงเรียกเชอร์ลี่ย์มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เชอร์ลี่ย์ยิ้มแล้วตอบอย่างมีความสุขว่า “พวกหนูปิดเทอมแล้วค่ะ! เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราก็จะสามารถดื่มด่ำกับชีวิตที่สวยงามได้แล้ว!”
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เขาเองก็ลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันปิดเทอมของโรงเรียนประถมแกรนท์
ตอนทานอาหารค่ำกัน ฉินสือโอวถามวินนี่ว่าในเมืองมีงานเร่งด่วนอะไรไหม วินนี่ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าในเมืองเล็กๆ นี้จะมีเรื่องมากมายแค่ไหนกันคะ? ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดี เหลือก็แค่รอให้เรือยอช์ตลำเล็กกับลูกม้าที่สั่งไว้มาถึง แค่นี้โครงการท่องเที่ยวของเมืองก็สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้แล้ว”
ฉินสือโอวทำทีเป็นว่าเสียดายแล้วพูดว่า “งั้นก็ไม่มีโอกาสให้ผมได้แสดงฝีมือแล้วสิ”
วินนี่เอียงคอมองไปที่นอกประตูทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “หากว่าคุณว่าง งั้นก็จัดการฟาร์มปลาสิคะ ตัดสนามหญ้า จัดถนนเสียใหม่ คุณดูสิ ฟาร์มปลาค่อนข้างยุ่งเหยิงแล้วนะคะ ”
ฟาร์มปลาเลี้ยงไก่เป็ดห่านตั้งเยอะ ไหนจะมีหมูป่ากับกวางป่าอีก ไม่ยุ่งเหยิงสิแปลก
พอดีกับที่เชอร์ลี่ย์และพวกเด็กๆ ปิดเทอมกันหมดแล้ว ฉินสือโอวจึงจับพวกเขามาเป็นแรงงานเด็ก บอกว่าพรุ่งนี้พวกเราจะมาจัดระเบียบฟาร์มปลาพร้อมกัน
กอร์ดอนถามด้วยความคาดหวังว่า “มีค่าจ้างไหมครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน ค่าจ้างรายชั่วโมงสูงมาก หนึ่งชั่วโมงยี่สิบเหรียญเป็นอย่างไร?”
“หนึ่งวันทำงานกี่ชั่วโมงครับ?” มิเชลถาม
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ช่วงเช้าสี่ชั่วโมง ช่วงบ่ายสี่ชั่วโมง”
พาวลิสกับมิเชลปรบมือ กอร์ดอนจ้องไปที่ทั้งสองคนทีหนึ่ง แล้วเริ่มต่อรองราคาอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ครับ ฉิน นี่เป็นราคาที่ไม่ยุติธรรมเลย คุณดูนะครับ ตอนบ่ายอากาศร้อนขนาดไหน ยี่สิบเหรียญน้อยเกินไปนะครับ”
ฉินสือโอวบอกว่า “งั้นอย่างนี้แล้วกัน ช่วงเช้ายี่สิบเหรียญ ช่วงบ่ายสามสิบเหรียญดีไหม?”
กอร์ดอนพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วจับมือกับฉินสือโอวอย่างมีพิธีรีตองพร้อมพูดว่า “ตกลงครับ”
พอหันหลังกลับ เขาก็เริ่มต่อหน้าพาวลิสกับมิเชลว่า “เรื่องทำธุรกิจนี่พวกนายไม่ได้เรื่องเลย ดูสิ ฉันพูดแค่คำเดียว พวกเราก็สามารถหาเงินได้มากขึ้นตั้งเยอะ”
พาวลิสกับกอร์ดอนทำหน้าอึ้ง มองไปที่กอร์ดอนราวกับคนโง่
เชอร์ลี่ย์ตบบ่ากอร์ดอนสองที แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มราวดอกไม้บานว่า “ถือว่านายยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างนะ กอร์ดอน ฉันต้องยอมรับแล้วล่ะว่าก่อนหน้านี้ฉันดูถูกนายเกินไปหน่อย”
“ใช่ไหมล่ะ? ฮ่าๆๆ!” กอร์ดอน
พาวลิส มิเชล ไวส์ “…”
ตอนเช้าหลังจากที่วินนี่ไปทำงาน ชาวประมงออกทะเลแล้ว ฉินสือโอวก็พาพวกเด็กๆ ไปเก็บกวาดฟาร์มปลา
ฟาร์มปลามีพื้นที่เยอะมาก ไม่สามารถเก็บกวาดได้หมด ขอแค่เก็บกวาดพื้นที่ส่วนบ้านพักก็พอแล้ว ที่อื่นๆ ทำความสะอาดลำบาก ก่อนหน้านี้ที่ฉินสือโอวอยู่ไม่สุข อยากปลูกหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์ ตอนนี้พอหญ้าโตแล้ว ปกติก็ไม่ได้รับการดูแลที่ดี ทำให้หญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด
ฉินสือโอวสวมแว่นกันแดดเสร็จแล้วก็แจกจ่ายงานให้พวกเด็กๆ “พาวลิส นายโตสุด งั้นงานที่หนักที่สุดก็มอบให้นายแล้วกัน ไปหยิบปืนฉีดน้ำมา นายไปฉีดทำความสะอาดถนนเส้นนี้”
ชาร์คเอาปืนฉีดน้ำมาจากบ้านด้วยอันหนึ่ง หลังจากเชื่อมกับถังน้ำแล้วก็สามารถใช้น้ำแรงดันสูงฉีดทำความสะอาดถนนได้แล้ว
“กอร์ดอน ไปใส่หมวก นายไปจัดการกับขยะ ฟาร์มปลามีขยะเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? อ่ะ ถุงขยะให้นาย นายกับชาร์คน้อยไปจัดการกัน”
“คราเคนน้อย นายไปถอนหญ้า ฉันคิดว่าพ่อนายคงสอนนายแยกแยะแล้วว่าอันไหนคือวัชพืชใช่ไหม? ไปถอนวัชพืชออกให้หมด รีบไปเลย”
“ไวส์ อืม ตอนนี้นายยังไม่ต้องทำงาน อีกสักพักจะมีคนมาส่งทรายวิทยาศาสตร์ ถึงตอนนั้นนายพาคนงานยกของไปเก็บไว้ก็พอ”
“แล้วผมล่ะครับ?” มิเชลถาม
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเป็นมิตร ลูบไปที่หัวของมิเชลแล้วพูดว่า “นายไปซ้อมบาสเกตบอลเถอะ วันนี้ต้องชู้ตลูกลงให้ได้สองร้อยลูกถึงจะกินข้าวได้เข้าใจไหม? ไปเถอะ”
“ชิท ไม่ยุติธรรม!” ชาร์คน้อยหัวเสียขึ้นมาในทันที
“ยังมีเชอร์ลี่ย์ เชอร์ลี่ย์ทำอะไรครับ?” คราเคนน้อยถาม
ฉินสือโอวทำหน้าเข้มแล้วพูดว่า “เชอร์ลี่ย์เป็นเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงสามารถทำงานแบบนี้ได้เหรอ?”
“หากอยากได้ผลตอบแทน ก็ต้องทำงาน! ครูของเราบอกไว้แบบนี้ ” คราเคนน้อยพูดอย่างเจ้าเล่ห์
ฉินสือโอวคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “โอเค เชอร์ลี่ย์ไปเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆ พวกนายอยากดื่มอะไรก็บอกเธอแล้วกัน หากทำเองได้ก็ทำเอง ถ้าทำเองไม่ได้ก็ไปซื้อในเมือง”
ต้องทำแบบนี้พวกหนุ่มๆ ถึงจะพอใจ แล้วหยิบเครื่องมือไปทำงานของตัวเอง
ตัวฉินสือโอวเองก็ต้องทำงานเหมือนกัน เขานั่งอยู่บนรถตัดหญ้า แล้วผิวปากขับรถไปบนหญ้าอย่างสบายใจ
เสียงรถตัดหญ้าร้องดังหึ่มๆ พงหญ้าที่สูงต่ำไม่เท่ากันพวกนั้นถูกตัดแต่งให้เป็นระเบียบในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว พวกเด็กๆ ต่างก็พากันตาค้าง แม้แต่เชอร์ลี่ย์เองก็ตาค้าง จะมีงานไหนที่สบายกว่านี้อีกไหม?
ฉินสือโอวทำท่ามั่นใจเต็มอก เขาชี้ไปที่พงหญ้าด้านหลังแล้วพูดว่า “พวกเธอสามารถตัดจนเรียบเหมือนฉันแบบนี้ได้เหรอ?”
“ทำได้!” พวกเด็กๆ พูดออกมาเสียงเดียวกัน
ฉินสือโอวอึ้งไปทันที จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “พวกเธอมีใบขับขี่เหรอ? ไม่มีใบขับขี่ขับรถไม่ได้นะ!”
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset