ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1298 คำเชิญสองอัน

บิลคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านผลิตภัณฑ์ทางทะเล ความรู้ด้านทฤษฎีของเขาอาจจะไม่มากนัก แต่ว่าทางด้านปฏิบัติรับรองว่าประสบการณ์เต็มเปี่ยมแน่นอน
เมื่อได้เห็นไดอะตอมที่ฟาร์มปลาต้าฉินตักขึ้นมาแล้ว เขาก็ตาลุกวาว เข้าไปหยิบมาดมกำหนึ่ง จากนั้นก็ยัดเข้าไปเคี้ยวในปากทันที
บูลเผยท่าทีชวนแหวะออกมา ชาวประมงคนอื่นๆ ก็มีท่าทีนี้เช่นเดียวกัน
บิลสังเกตเห็นท่าทีของพวกเขา ก็หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “พวกคุณเป็นชาวประมงเก่าแก่จริงเหรอ? ไม่ต้องบอกผม ตอนที่พวกคุณออกไปจับปลาในทะเลต่างก็ไม่เคยลิ้มรสของสาหร่ายทะเลมาก่อนแน่เลย”
จุดที่ยากที่สุดในการออกทะเลหาปลาก็คือการหาร่องรอยของฝูงปลา ชาวประมงเก่าแก่บางพวกจะทำการหาร่องรอยของพวกมันโดยใช้รสชาติของสาหร่ายทะเลในปากของพวกเขา สาหร่ายทะเลที่อยู่ห่างกันร้อยไมล์ทะเลนั้นจะไม่เหมือนกัน และฝูงปลาที่แตกต่างกันก็จะชอบสาหร่ายที่รสชาติต่างกันด้วย
บูลพูดว่า “ไม่ๆ เพื่อน แน่นอนว่าพวกเราเคยกินสาหร่ายทะเลมาก่อน แต่ว่าตอนที่ลากสาหร่ายทะเลพวกนี้ขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าตัวเล็กพวกนั้นฉี่อึไปบนนั้นแล้วนะ”
พวกชาวประมงพากันมองไปยังจุดที่ไม่ไกลนัก เป็นที่ที่พวกหู่เป้าฉงหลัวกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่
สีหน้าของบิลเขียวขึ้นมาในทันที
ฉินสือโอวทำสายตาดุดันขึ้นมา พวกชาวประมงจึงรีบหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “ล้อเล่น ล้อเล่นครับ”
พอถูกพวกชาวประมงพูดแบบนี้แล้ว บิลก็ไม่มีอารมณ์จะชิมต่อไป เขาพูดออกไปว่า “ฉิน สาหร่ายทะเลของคุณไม่เลวเลย ผมรู้สึกว่าคุณสามารถเปิดโรงงานผลิตอาหารได้เลยนะ โดยการใช้สาหร่ายพวกนี้แหละมาเป็นส่วนผสม จะต้องทำกำไรได้มากอย่างแน่นอน”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ผมต้องทำการวางแผนให้ดีก่อน คุณก็รู้ ผมยังไม่เคยเปิดโรงงานมาก่อนเลย”
บิลมองออกว่าเขาดูไม่ค่อยสนใจนัก จึงทำการเปลี่ยนเรื่องคุย กลับมาพูดถึงเรื่องหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสต่อ “ผมกล้ารับประกันนะ ฉิน คุณเลี้ยงเจ้าพวกนี้จะต้องทำกำไรได้ไม่มีขาดทุนแน่นอน ต่อไปหากว่าฟาร์มปลาสามารถผลิตหอยเม่นทะเลได้แล้ว หากว่าหาช่องทางการขายไม่ได้ สามารถมาหาผมได้นะ”
“ว้าว บริการครบวงจรเลยเหรอ?” บัตเลอร์พูดด้วยเสียงประชดประชัน ล้อเล่นหรือเปล่า มีแบรนด์อาหารทะเลต้าฉินอยู่เสียอย่าง หอยเม่นทะเลของที่นี่จะไม่มีช่องทางการขายได้เหรอ? อีกอย่างว่าตามความจริง เขาไม่เชื่อหรอกว่าบิลจะสามารถหาช่องทางการขายได้ดีกว่าแบรนด์อาหารทะเลต้าฉิน
ฉินสือโอวเองก็ไม่ห่วงเรื่องช่องทางการขายเหมือนกัน รัฐบาลของแคนาดากับสภาการประมงนั้นค่อนข้างระมัดระวังและหัวโบราณ ถึงขั้นว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะนำเข้าหอยเม่นชนิดนี้จากประเทศจีนแล้ว ก็หมายความว่าหอยเม่นทะเลชนิดนี้จะต้องมีตลาดรองรับอย่างแน่นอน
งานยุ่งกันตลอดช่วงบ่าย ถึงช่วงค่ำแล้วจึงจะสามารถนำอนุบาลเม่นทั้งหนึ่งแสนตัวปล่อยลงไปในสระเพาะเลี้ยงได้หมด
ฉินสือโอวเชิญให้บิลอยู่กินข้าวด้วยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็ถามถึงสถานการณ์ตลาดของหอยเม่นในปัจจุบัน
ถึงว่าบัตเลอร์ถึงได้อยากเพาะหอยทะเลพันธุ์นี้นัก ช่วงนี้เขาอยู่แต่ในญี่ปุ่น จะต้องคุ้นเคยกับเจ้าพวกนี้อย่างดีแน่นอน
ที่ญี่ปุ่นการขยายพันธุ์และการนำหอยเม่นทะเลมาแปรรูปถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่มีรสนิยมและสำคัญมากๆ อย่างหนึ่ง ราคาในตลาดสูงมาก ปริมาณการบริโภคก็มากด้วยเช่นกัน แม้ว่าในญี่ปุ่นจะมีปริมาณการผลิตที่มากเกือบสองหมื่นตันต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด และยังคงต้องทำการนำเข้าอีกหลักพันตัน
ตอนนี้อุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ลูกหอยเม่นทะเลในญี่ปุ่นได้ถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของ ‘การพัฒนาการประมง’ แล้ว จำนวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการศึกษาการเพาะเลี้ยง การขยายพันธุ์และการผลิตหอยเม่นทะเลนั้นมากถึงหลักร้อยหน่วยงาน ปริมาณการเพาะลูกพันธุ์ใหม่ของแต่ละปีแค่ที่ฮอกไกโดที่เดียวก็สูงถึงสามหมื่นตัวขึ้นไปเลยทีเดียว
ประเทศจีนคือประเทศหลักในการส่งออกหอยเม่นทะเล ด้วยอิทธิพลของตลาดระหว่างประเทศ ทำให้ราคาส่งออกหอยเม่นทะเลของประเทศจีนในสิบปีมานี้สูงขึ้นถึง 10 เท่าด้วยกัน และด้วยเหตุนี้ทำให้ปริมาณการเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี และทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ลดน้อยลงเรื่อยๆ
หอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสอยู่ในระดับสูงที่สุดของของล้ำค่า และด้วยการบริโภคในตลาดระดับสูงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่เพียงพอแม้จำหน่ายในประเทศ ยิ่งประเทศแถบทวีปอเมริกาเหนือนั้นยิ่งไม่พอส่ง ดังนั้นทางแคนาดาจึงอยากจะผลิตขึ้นมาเองบ้าง
ในการทำแผนกลยุทธ์ขยายขอบเขตมหาสมุทรในครั้งนี้ที่แคนาดากับจีนร่วมมือกัน เพราะต้องการที่จะแลกทรัพยากรของหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัส สิ่งที่พวกเขาต้องให้เป็นการตอบแทนก็คือลูกพันธุ์หอยงวงช้างที่ล้ำค่านั่นเอง
ตอนบ่ายฉินสือโอวมัวแต่วุ่นอยู่กับการเพาะพันธุ์หอยเม่นทะเล ทำให้ไม่มีเวลาไปสนใจการเก็บกวาดฟาร์มปลา แถมวันที่สองยังมีงานต้องทำต่ออีก จึงไปเรียกพวกเด็กๆ มาเตรียมตัวกัน
กอร์ดอนเดินมาด้วยท่าทีโกรธเคืองแล้วพูดว่า “นี่ไม่ยุติธรรม ฉิน ไม่ยุติธรรม! คุณแกล้งพวกเรา ใช่ไหมครับ คุณกำลังแกล้งพวกเราใช่ไหม?”
ฉินสือโอวนึกว่าในที่สุดเขาก็คิดได้แล้วเรื่องเมื่อวานที่ว่าสิบเหรียญสำหรับทำงานช่วงเช้าและสามสิบเหรียญสำหรับทำงานช่วงบ่าย จึงยักไหล่แล้วพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องที่พวกเธอยินยอมเองนี่ไม่ใช่เหรอ?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่ยอมว่า “พวกเราตกลงกันตอนไหนครับ? ค่าแรงช่วงเช้าต่ำกว่าช่วงบ่ายตั้งสามเท่า แต่สุดท้ายคุณกลับไม่มาทำงานในช่วงบ่ายเลย ทำแค่ช่วงเช้าเท่านั้น นี่น่ะเป็นการผิดกฎแรงงานนะ!”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด ที่แท้เป็นเรื่องนี้นี่เอง
“โอเค งั้นค่าแรงช่วงเช้าวันนี้คือสามสิบเหรียญ ไปทำงานที่ทำค้างไว้เมื่อวาน เป็นอย่างไร?”
“ได้ งั้นเอาตามนี้! พวกพ้อง รีบไปหาเงินกันเถอะ!” กอร์ดอนกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
บัตเลอร์หัวเราะแล้วพูดว่า “ความรู้สึกที่ได้แกล้งนกอ่อนหัดมันดีมากเลยใช่ไหม หืม?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อย่าพูดไปเรื่อยนะ เด็กพวกนี้จะเป็นนกอ่อนหัดได้อย่างไร? พวกเขาน่ะเป็นไก่อ่อนหัดชัดๆ!”
บัตเลอร์ “…”
เพราะได้แรงกระตุ้นจากค่าแรงที่สูงขึ้นสามเท่า พวกเด็กๆ จึงทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ชาร์คน้อยถึงขั้นไปเรียกเพื่อนๆ ของเขามาช่วย จากนั้นเพื่อนของเขาก็ไปเรียกเพื่อนมาอีก ไม่ช้าฟาร์มปลาก็เต็มไปด้วยฝูงเด็กๆ ในทันที
แน่นอนว่า เด็กพวกนี้ใช่ว่าจะมาเพราะเงินอย่างเดียว ตอนที่พวกเขาทำงานกันก็พากันแอบมองดูเชอร์ลี่ย์กันไม่หยุด ท่าทีแบบนั้นทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตอนที่แอบมองดาวของคณะเซี่ยจือหลินตอนอยู่เรียนมหาวิทยาลัยขึ้นมา
นึกถึงเรื่องเก่าๆ ของตัวเองสมัยอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา อาณุภาพของเวลานั้นแข็งแกร่งจริงๆ ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อที่ซื้อตามข้างทางตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย ในวันนี้จะสามารถครองมหาสมุทรได้
เด็กหนุ่มที่มาทำงานที่ฟาร์มปลามีมากมาย ฉินสือโอวจึงไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เขาสามารถนั่งอยู่ใต้ร่มไม้สั่งการพวกเขาได้
เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่ท่านชายฉินที่มองอยู่ไกลๆ มองดูเงาของเด็กหนุ่มที่แอบมองเชอร์ลี่ย์แล้ว กลับเห็นแต่เงาของตัวเองสมัยตอนอายุยี่สิบเต็มไปหมด
เขาตัดสินใจที่จะช่วยเด็กหนุ่มพวกนี้ จึงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ทุกคนมาแบ่งกลุ่มแข่งขันกันเถอะ กลุ่มละสองคน ตาละสิบนาที ใครสามารถทำงานได้มากที่สุดสามารถพักผ่อนได้ห้านาที อ้อ ตอนพักสามารถให้เชอร์ลี่ย์ทำเครื่องดื่มเย็นให้ได้ด้วย”
พวกเด็กหนุ่มพากันคลุ้มคลั่งขึ้นมาในทันที เด็กหนุ่มที่ตอนแรกได้แต่แอบมองเชอร์ลี่ย์อยู่ห่างๆ เริ่มโห่ร้องออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย พลังนี้ทำเอาเออร์บักที่เดินผ่านมาเห็นก็ตกใจ แล้วพูดว่า “ฉิน เด็กพวกนี้เล่นยากันหรือไง?”
ฉินสือโอวยิ้มร่า
ฉินสือโอวยื่นมือถือให้เขา บอกว่าแฮมเล็ตโทรหาเขา ให้เขาโทรกลับ
ฉินสือโอวโทรกลับไปถามว่ามีเรื่องอะไร แฮมเล็ตบอกว่า “คือแบบนี้นะ วันที่สองกันยายนเป็นวันรำลึกถึงการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง ทางจังหวัดเลยคิดจะจัดตั้งกิจกรรมนัดรวมตัวทหารเชื้อสายจีนที่กล้าหาญ จึงอยากเชิญนายไปร่วมด้วยน่ะ”
จนถึงวันนี้สงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจว่า “ยังมีทหารเชื้อสายจีนในสงครามโลกครั้งที่สองที่ยังมีชีวิตอยู่เหรอครับ?”
แฮมเล็ตบอกว่า “แน่นอน ยังมีเยอะด้วยล่ะ”
กิจกรรมแบบนี้มีส่วนช่วยในการยกระดับฐานะให้ชาวเชื้อสายจีนในแคนาดา แน่นอนว่าฉินสือโอวต้องเข้าร่วมด้วย เขาจึงพยักหน้าตอบรับไป
หลังวางสายจากแฮมเล็ตได้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์โทรมาอีก ครั้งนี้ยังคงเป็นคำเชิญไปร่วมงานเช่นกัน
แต่ว่างานนี้นั้น ค่อนข้างแปลกใหม่ไปหน่อย…
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset