ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1303 แมงกะพรุนยักษ์ที่ถูกเล่นจนพัง

วินนี่กลับมาแล้ว พวกชาวประมงก็ยังคงคุยโม้กันอยู่ และเพราะดื่มเบียร์เข้าไปด้วย ทำให้ยิ่งโม้กันอย่างออกรส
ฉินสือโอวก็โม้ด้วยสองสามประโยค พวกชาวประมงจึงพากันจ้องไปที่เขา พอดีกับที่วินนี่กลับมาถึง เขาก็รีบวิ่งไปช่วยวินนี่ปลดสัมภาระ ถือกระเป๋า เปลี่ยนรองเท้า เปลี่ยนเสื้อ นวด
“ว้าว พ่อบ้านแสนดี!”
“บอส อย่าเป็นแบบนี้สิครับ คุณเป็นลูกพี่ใหญ่ของพวกเรานะ!”
“มีการเปลี่ยนรองเท้าให้นายหญิงด้วย! ชิท ทำไมพวกเราไม่ใช่ผู้หญิงนะ?”
“กัปตันคุณกลับมาเลย คืนนี้พวกเราไปเที่ยวสาวด้วยกันเถอะ!”
ฉินสือโอวหันกลับไปด้วยสีหน้าตกใจ ชี้ไปที่คนทั้งกลุ่ม แล้วตะโกนว่า “ไปกับผีสิ พวกสารเลวพวกนี้! รีบไสหัวไปกินข้าวเลย พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำนะ!”
“พรุ่งนี้วันหยุดสุดสัปดาห์ บอส หยุดวันหนึ่งเถอะครับ!”
“ฝันไปเถอะ!” ฉินสือโอวด่าว่า “พรุ่งนี้เช้าออกทะเลกันให้หมดเลย ช่วงนี้ตำแหน่งปลาของฟาร์มปลาไม่นิ่งเลย ไปเช็กให้ฉันว่าเกิดอะไรขึ้น!”
พวกชาวประมงพากันแยกย้ายกลับไป ในที่สุดฉินสือโอวก็สบายใจสักที จึงให้วินนี่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วนวดให้เธอ
แต่ทว่าเมื่อกี้เขาก็ไม่ได้พูดไปเรื่อย พรุ่งนี้ต้องให้พวกชาวประมงไปตรวจเช็กจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟาร์มปลา ดูจากบันทึกของฟาร์มปลาแล้ว ตำแหน่งของฝูงปลาไม่นิ่งจริงๆ
ปลาในฟาร์มปลาไม่ค่อยเหมือนกับปลาตามธรรมชาติ เพราะมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์กว่า พวกมันจึงไม่มีการว่ายตามกระแสน้ำลึกไปหาอาหารเหมือนกับปลาธรรมชาติ ตำแหน่งจึงค่อนข้างแน่ชัด ฝูงปลาแบบไหนก็จะอาศัยอยู่ในที่นั้นๆ ปกติแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นี่ก็คือสาเหตุที่พวกชาวประมงต้องออกทะเลทุกวัน พวกเขาจะต้องทำการสรุปแผนที่มาตราส่วนของการเก็บเกี่ยวปลาในฟาร์มปลาออกมาเป็นตัวเลขโดยการใช้เครื่องโซนาร์ แบบนี้ทำให้เวลาไปจับปลา ต้องการปลาอะไรก็ไปจับที่จุดนั้นก็ได้แล้ว
เวลาผ่านไปจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกโดยไม่รู้ตัว ฉินสือโอวคิดย้อนกลับไป รู้สึกเหมือนเขาเพิ่งกลับมาจากขี่ม้ากับเหมาเหว่ยหลงอยู่เลย แต่ความจริงกลับผ่านมาห้าวันแล้วเหรอเนี่ย? ว้าว เวลาเป็นดังสายน้ำไหลผ่านจริงๆ!
เขาทอดถอนใจขนาดนี้ วินนี่กลับยิ้มแล้วจ้องไปที่เขาทีหนึ่ง พูดว่า “คุณอยู่แต่ที่ฟาร์มปลาทุกวัน แน่นอนว่าต้องรู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วสิคะ แต่สำหรับฉันแล้วกลับไม่ใช่อย่างนั้น เวลาผ่านไปช้ามากเลย การรอคอยให้ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นอะไรที่ยากลำบากมาก เป็นฉันไม่ง่ายเลยใช่ไหม ช่วยนวดคอให้ฉันหน่อยสิคะ รู้สึกปวดจัง”
ฉินสือโอวทำหน้าทะเล้น “แน่นอนว่าคุณภรรยาต้องเหนื่อยอยู่แล้ว พูดมาเลย วันหยุดคุณอยากทำอะไร? ผมจะทำเป็นเพื่อน!”
วินนี่หยีตาเพื่อดื่มด่ำกับการนวดของฉินสือโอว แล้วใช้น้ำเสียงแบบ**พูดว่า “อืม ฉันไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นค่ะ แค่อยากนั่งรับลมเย็นกับลูกสาวเท่านั้น”
ฟังวินนี่พูดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้ว่าเธอคงเหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ จึงรู้สึกปวดใจขึ้นมา คิดไปคิดมา เขาก็คิดกิจกรรมที่ไม่เลวออกมาได้อันหนึ่ง คิดว่าน่าจะลองทำดูได้
ฉินสือโอวคิดๆ อยู่ ผ่านไปสักพักรู้ตัวอีกที ก็เห็นเจ้าตัวเล็กพวกหู่เป้าฉงหลัวกับราชาเจ้าป่าพากันกระโดดขึ้นไปบนโซฟา พี่น้องเฟอเรทลากหางอันฟูฟ่องมานั่งอยู่บนพื้นแล้วมองดูอย่างประหลาดใจ พวกมันไม่รู้ว่าพวกพี่ชายกำลังทำอะไรกันอยู่
คำตอบไม่ต้องบอกก็รู้ เจ้าตัวเล็กมองดูฉินสือโอวนวดให้วินนี่แล้วก็รู้สึกสนใจขึ้นมา แต่ละตัวจึงพากันกระโดดขึ้นโซฟาแล้วเบียดกันอยู่บนนั้น พร้อมทั้งยื่นคอรอให้ฉินสือโอวนวดให้
ฉินสือโอวยิ้มแล้วด่าไปสองทีพร้อมผลักพวกมันลงไป พวกเด็กๆ ร้องอาวๆ อย่างไม่พอใจ ยิ่งฉงต้ายิ่งแล้วใหญ่ที่ยังคงหน้าด้านพยายามปีนขึ้นไปต่อ พร้อมกับเบียดวินนี่ออกเพื่อให้ฉินสือโอวนวดให้
ที่พวกมันต้องการไม่ใช่การนวดหรอก แต่เป็นความเอ็นดูต่างหาก นี่คือสัญชาตญาณของพวกสัตว์เลี้ยง
ฉินสือโอวหมดทางเลือก จำใจต้องเกาตัว หวีขนให้พวกมันทีละตัว พวกตัวน้อยสบายตัวกันจนตาหยีเป็นเส้นเดียว พร้อมกับเผยสีหน้าฟินกันถ้วนหน้าออกมา
พี่น้องเฟอเรทรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที พวกมันกระโดดสองสามทีขึ้นไปบนโซฟา จนบนโซฟาอัดแน่นไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงแสดงศักยภาพความคล่องตัวและความสมดุลของเฟอเรทแบลคฟุตออกมา โดยการกระโดดขึ้นไปอยู่บนพนักโซฟาแทน
เฟอเรทตัวเล็ก มือฉินสือโอวหนึ่งข้างก็สามารถควบคุมได้หนึ่งตัวแล้ว พี่น้องเฟอเรทเห็นดังนี้แล้วก็รีบ ‘ฟึ่บ’ พลิกตัวในทันที เผยเอาท้องน้อยๆ ที่นุ่มนิ่มนั้นออกมาให้เขาเกาให้
อยู่เล่นกับเจ้าพวกตัวเล็กมาทั้งคืนแล้ว พอฉินสือโอวเข้าไปถึงห้องนอนก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปในฟาร์มปลา ไม่กี่วันมานี้เขาไม่ค่อยสนใจฟาร์มปลามากนัก คืนนี้จึงต้องไปสำรวจดูให้ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้แมงกะพรุนขนสิงโตเป็นอย่างไรบ้าง
เขาเดาว่าการเปลี่ยนแปลงของฝูงปลาน่าจะเกี่ยวข้องกับแมงกะพรุนขนสิงโตนั่นแหละ หากว่าใช่แล้วล่ะก็ งั้นก็ต้องให้พวกชาวประมงใช้อวนลากเจ้าตัวใหญ่นี้ออกไปแล้ว
มาถึงน่านทะเลน้ำลึก เขาใช้จิตสำนึกเข้าควบคุมเฮยป้าหวัง มองไปแวบหนึ่งก็ตกใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนสถานการณ์ของแมงกะพรุนตัวนี้จะไม่สู้ดีนักนี่นา
แมงกะพรุนขนสิงโตที่เขาเห็น ก็คือตัวที่ใหญ่ที่สุดตัวนั้น หนวดยื่นออกมา หนวดสองข้างที่แผ่ออกไปเป็นเส้นทแยงมุมมีความยาวกว่าหลักร้อยเมตร เท่าที่ฉินสือโอวได้ยินมา นี่คงจะเป็นแมงกะพรุนขนสิงโตที่ใหญ่ที่สุดในมหาสมุทรแล้ว
ตอนจากไปครั้งก่อน พวกแมงกะพรุนยังมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ห้าวหาญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าจะปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ ปลากะพงญี่ปุ่น หรือปลาทะเลตัวแบน หากได้เข้าไปในหนวดของมันแล้วก็คือตายสถานเดียว
แต่ว่าในตอนนี้ แมงกะพรุนยักษ์ตัวนี้กลับไม่ได้มีพลังชีวิตมากขนาดนั้นแล้ว แสงที่ส่องสว่างอยู่บนตัวกลายเป็นสีอึมครึมไร้ซึ่งความสว่าง หนวดที่มีกว่าพันข้างนั้นว่ายอยู่ในน้ำอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้ว่าจะมีการขยับเป็นพักๆ แต่นั่นกลับเหมือนกับเป็นการกระตุกเสียมากกว่า
ใต้ร่มของแมงกะพรุนตัวนี้ คือเฮยป้าหวัง ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องและฉลามขาวยักษ์อีกหลายตัว พวกมันว่ายวนเวียนอยู่บริเวณที่หนวดเอื้อมถึงอย่างไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าอยากจะได้รับสารพิษเพื่อมากระตุ้นต่อมสนุกกัน
ก่อนหน้านี้ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องที่ว่ายเข้าๆ ออกๆ ตอนนี้ทำแบบเดียวกับเฮยป้าหวัง ก็คือหยุดพักอยู่ข้างในยาวเลย แต่ความสนุกที่ตามมานั้นกลับมีน้อยจนน่าสงสาร แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องปกติมาก แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ใกล้จะจบเห่แล้ว!
รูปร่างใหญ่โตก็หมายถึงการใช้พลังงานที่มากมาย ฉินสือโอวรู้ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือจำเป็นต้องล่าอาหารตลอดเพื่อเติมเต็มพลังงานที่เสียไป แมงกะพรุนตัวนี้ คิดว่าคงหิวนั่นแหละถึงได้มีสภาพน่าเวทนาอย่างนี้
ว่าไปแล้วแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้ก็ซวยเหมือนกันนะ ที่จริงการที่ร่างกายของมันเปล่งแสงออกมาก็เพื่อดึงดูดให้พวกปลากุ้งที่ชอบไล่ตามแสงเข้ามาติดกับ แล้วกินพวกมันเป็นอาหาร แต่ทว่ามีพวกเฮยป้าหวังและฉลามเจ็ดพี่น้องนักเลงอยู่ที่นี่แบบนี้ ปลากุ้งที่ไหนล่ะจะกล้าเข้าใกล้?
และเมื่อพวกปลากุ้งไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ ทำให้แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ไม่สามารถล่าอาหารได้ ไหนจะพวกเฮยป้าหวังที่มุดอยู่ในหนวดของมันอีก มันไม่มีสมอง ไม่รู้จักการจากไปหรือหลบหลีก เมื่อถูกกระตุ้นแล้วก็ใช้หนวดทิ่มไปที่พวกมันไม่หยุด เพื่อเป็นการปล่อยสารพิษออกไป
การผลิตสารพิษของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือเป็นกระบวนการที่ใช้ทรัพยากรและพลังงานเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันทำการปล่อยสารพิษออกไปไม่หยุดแต่กลับไม่สามารถเติมพลังงานได้ การที่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วหิวจนกลายเป็นสภาพแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย
แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ไม่จำเป็นต้องถูกเก็บกวาดแล้ว ไม่นานมันต้องตายอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นจะมีพวกปลากุ้งมาจัดการมันเอง
ฉินสือโอวไปดูแมงกะพรุนขนสิงโตตัวอื่น เฮยป้าหวังและฉลามเจ็ดพี่น้องที่รับรู้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ก็สะบัดหัวสะบัดหางว่ายตามไปด้วย
พวกมันไม่สามารถหาความสนุกจากแมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงจากไปได้อย่างไม่ลังเล ความเลือดเย็นแบบนั้น ทำให้ฉินสือโอวอยากจะชมคำเดียวว่า สุภาพบุรุษผู้ได้เสียแล้วแยกทาง!
น่านน้ำแถบนี้ยังมีแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนืออีกเยอะ ฉินสือโอวเจอเข้ากับอีกตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแบบนี้ พวกเฮยป้าหวังก็มุดเข้าไปต่ออย่างกระตือรือร้น และเริ่มแกล้งแมงกะพรุนตัวนี้ต่อ
ฉินสือโอวส่ายหัว จากนั้นเขาก็เห็นเงาของฉลามหางยาวตัวหนึ่ง ที่เขาสังเกตเห็นฉลามหางยาวตัวนี้ ที่จริงแค่เพราะรู้สึกคุ้นตาเท่านั้น แต่หลังจากจ้องไปสักพักแล้วก็พบว่า งานที่ฉลามหางยาวตัวนี้ทำอยู่นั้น ไม่ธรรมดาเลย
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset