ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1323 จะให้โอกาสสักครั้ง

ความอยากรู้อยากเห็นยังฆ่าแมวตายได้ ม้าหัวสีดำยังเยาว์วัยและมีความคิดที่เรียบง่ายเกินไป พอมันลดความเร็วแล้วหันกลับไปมอง แอร์แบ็คก็เหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว รถเอทีวีเพิ่มความเร็วพุ่งทะยานไปอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากด้านหลังของลูกม้าราวๆ สี่ห้าเมตร ขณะเดียวกันแอร์แบ็คก็ยกมือขึ้นแล้วสะบัดบ่วงบาศออกไป
เชือกเส้นหนาคล้องลงไปบนหน้าผากของม้าหัวสีดำอย่างแม่นยำ ม้าหัวดำตกใจขนานหนัก จนเผลอเพิ่มความรวดเร็วขึ้นไปอีก ในตอนนี้แอร์แบ็คดึงเชือกกลับไปข้างหลังอย่างรวดเร็วและรุนแรง ดึงจนม้าหัวสีดำเดินโซเซ ต่อจากนั้นก็ม้วนเชือกไว้บนคันจับของรถสองรอบ คราวนี้ม้าหัวสีดำก็วิ่งไปไหนไม่ได้แล้ว
หลังจากดิ้นรนขัดขืนอยู่อีกพักหนึ่ง ในที่สุดลูกม้าหัวสีดำรู้แล้วว่ามันวิ่งหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มันจึงหยุดดิ้นอย่างยอมรับชะตากรรม มองดูเงาร่างของเพื่อนรักที่กำลังวิ่งตะบึงอย่างอิสระตาปริบๆ ด้วยความอิจฉาริษยา
แอร์แบ็คขับรถพาม้าหัวดำกลับมาส่ง เขายื่นเชือกที่ใช้คล้องม้าให้กับฉินสือโอว พร้อมกับพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “เรียบร้อยแล้วครับ บอส ชัยชนะครั้งใหญ่เลย”
ฉินสือโอวจึงตอบเขากลับไปว่า “แล้วม้าอีกตัวหนึ่งล่ะ?”
แอร์แบ็คไหวไหล่บอกกับเขาว่า “อีกแป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็วิ่งกลับมา ลูกม้ายังขี้ขลาดอยู่ แถมยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน ทำให้ขาดความรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก มันยอมวิ่งเข้าหากับดักพร้อมกับเพื่อนของมัน ดีกว่าอยู่ข้างนอกตัวเดียวด้วยความหวาดกลัว”
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผ่านไปประมาณสี่ห้านาที หลังจากลูกม้าอีกหนึ่งตัวที่เหลือเอ้อระเหยอยู่รอบๆ สักพัก มันก็กลับเข้ามาใกล้ด้วยความระมัดระวัง ตาดวงโตของมันจดจ้องฉินสือโอวอย่างระแวดระวัง หลังจากเข้ามาใกล้แล้วมันก็ยังอยากพาเพื่อนหัวสีดำวิ่งหนีอีกครั้ง แต่ดันถูกแอร์แบ็คที่กำลังนั่งเฝ้ากับดักรอจับเหยื่อ ใช้เชือกคล้องมันเอาไว้ได้ก่อน
ฉินสือโอวคล้องขลุมขี่พร้อมสายบังเหียนไซส์เล็กให้พวกมันทั้งสองตัว แล้วหลังจากนั้นก็จูงพวกมันให้เดินไปที่ประตูทางเข้าของฟาร์มปลา
ลูกม้าสีขาวดำเดินตามมาอยู่ทางด้านหลังอย่างไม่เต็มใจ เดินๆ อยู่สักพักทันใดนั้นมันก็โมโหขึ้นมา จึงยกเท้าถีบลูกม้าสีดำเข้าให้หนึ่งที เพราะแกนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะแกถูกจับมา ฉันจะต้องหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนแบบนี้ไหม?
ลูกม้าหัวดำหันไปถลึงตาใส่มันด้วยความโมโห แกหมายความว่าอย่างไร? อะไรๆ ก็โทษแต่ฉันอย่างนั้นน่ะเหรอ? ฉันว่าแกจะกวนโมโหฉันมากกว่า! ด้วยเหตุนี้มันจึงรีบเดินขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว แล้วใช้ขาหลังถีบลูกม้าสีขาวดำ
ฉินสือโอวออกแรงลากบังเหียนม้าเอาไว้ พร้อมกับด่าว่า “อยู่นิ่งๆ หน่อย ถึงยังไงก็โดนจับไว้ทั้งคู่ ยังพากันอวดดีอยู่อีกเหรอ? อีกเดี๋ยวทำตัวให้มันน่ารักๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันจะจับพวกแกไปทำหม้อไฟเนื้อม้า!”
เมื่อจูงลูกม้ามาถึงหน้าประตู ก็ปรากฏให้เห็นเงาภาพของรถคาดิลแลคสีแดงสดที่วินนี่ขับมา
ขับรถเข้ามาในฟาร์มปลา ต่อจากนั้นวินนี่ก็เหยียบเบรกแล้วลงมาจากรถ เธอมองไปที่ลูกม้าทั้งสองตัวด้วยความรู้สึกเซอร์ไพรซ์ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ ที่รักคะ นี่คืออะไรเหรอคะ?”
“ลูกม้ายังไงล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง น่ารักมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ?” ฉินสือโอวแย้มยิ้มด้วยความพอใจ เขาไม่ได้เล่าให้วินนี่ฟังว่าเขาซื้อม้ามาสองตัว วินนี่เลยไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
วินนี่ยื่นมือเข้าไปลูบขนที่คอของลูกม้าทั้งสองตัว พวกมันทั้งคู่ก็เผยให้เห็นท่าทางขลาดอายที่ฉินสือโอวได้เห็นเมื่อครั้งแรกที่ได้พบกันอีกครั้ง พวกมันใช้ตาดวงโตพินิจดูเธอด้วยความสนใจใคร่รู้แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ
“พระเจ้า น่ารักสุดๆ ไปเลย!” วินนี่กอดลูกม้าหัวดำเอาไว้พร้อมกับช่วยสางขนให้มัน เธอหันไปพูดกับฉินสือโอวว่า “ตั้งแต่หลังเรียนจบ ฉันก็ไม่ได้เห็นม้าอเมริกัน เพนต์อีกเลย คุณไม่รู้หรอกค่ะ ที่รัก ตอนที่ฉันได้เรียนขี่ม้า ม้าที่พวกเราขี่ก็คือม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์นี่แหละ”
ฉินสือโอวตบลงบนหัวไหล่ม้าทั้งสองตัวแปะๆ พร้อมกับพูดว่า “คิดว่าผมน่าจะส่งของคุณให้คุณได้ถูกต้องแล้วนะครับ ตอนนี้พวกมันเป็นของคุณแล้ว วินนี่ ต่อไปคุณจะได้สอนทักษะการขี่ม้าให้กับพวกเด็กๆ”
วินนี่ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “นั่นไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วค่ะ อื้อ พวกมันชื่ออะไรบ้างเหรอคะ?”
ฉินสือโอวแผ่มือออก เขาพูดว่า “รอให้คุณเป็นคนตั้ง ตอนนี้พวกมันยังไม่มีชื่อเลย”
วินนี่มองดูลูกม้าทั้งสองตัว เธอชี้ไปที่ลูกม้าที่มีหัวสีดำแล้วพูดว่า “ตัวนั้น ให้ชื่อว่าหัวดำ” หลังจ้านั้นก็ชี้ไปที่ลูกม้าอีกตัวที่มีขนสีขาวดำผสมกัน “ส่วนตัวนี้ใช้ชื่อว่าลายขาวดำ ดีไหมคะ?”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “ไม่น่าจะดีเท่าไรนะ? ชื่อที่คุณตั้งให้สัตว์มักจะมีความเป็นวีรบุรุษอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ? หัวดำกับลายขาวดำ อันนี้มัน…”
“คุณไม่คิดว่ามันเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกของพวกมันเหรอคะ?” วินนี่กล่าว
ฉินสือโอวจึงพูดกับเธอว่า “เข้ากันครับ แต่ผมคิดว่า ไม่ค่อยเข้ากับลักษณะนิสัยของพวกมันสักเท่าไร”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าควรจะตั้งชื่อพวกมันว่าอะไรล่ะคะ?” วินนี่ถาม
จิตใจของฉินสือโอวก็เกิดอาการสั่นไหวขึ้นมา เขาชี้นิ้วไปที่เจ้าหัวดำแล้วพูดว่า “ตัวนี้ให้ชื่อเปากง คุณก็รู้ใช่ไหมว่าหน้าของเปาบุ้นจิ้นเป็นสีดำ? ส่วนอีกตัวให้ชื่อว่าตี้หลู เพราะบนหน้าผากของมันมีจุดสีขาว ในหนังสือประวัติศาสตร์บอกไว้ว่าตี้หลูคือ ‘หยาดน้ำใต้ดวงตามี กับจุดขาวที่ข้างหน้าผาก’ …”
วินนี่จ้องเขาเขม็ง ฉินสือโอวจึงเอ่ยถามเธอด้วยความสงสัย “คุณมองอะไรครับ?”
วินนี่จึงพูดกับเขาอย่างโมโหน้อยๆ ว่า “คุณคิดชื่อไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วจะถามฉันทำไมละคะ?”
ฉินสือโอวยิ้มแหยพร้อมกับกล่าวว่า “เอ่อ ผมให้โอกาสคุณเพื่อความยุติธรรมยังไงละครับ คุณต่างหากที่คว้ามันไว้ไม่ได้”
ชื่อของลูกม้าทั้งสองตัวจึงถูกตั้งไว้แบบนี้ ลูกม้าหัวสีดำให้ชื่อว่าเปากง ส่วนอีกตัวก็ชื่อว่าตี้หลู สองชื่อนี้ต่างก็เป็นชื่อของคนดังด้วยกันทั้งคู่
พอลลี่กับคาปริโนพาสัตว์พวกนี้มาส่งเสร็จแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินทางกลับทันที หลังจากที่ฉินสือโอวส่งพวกเขากลับไปแล้ว เขาก็เรียกพวกชาวประมงมาหา แล้วถามว่า “พวกนายมีใครสร้างคอกม้าเป็นบ้างไหม? ตอนนี้พวกเรามีม้าแล้ว สมควรที่จะสร้างคอกม้า”
นีลเซ็นเกาจมูกไปมา เขากวาดสายตาไปรอบด้าน เมื่อเห็นว่าลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ทั้งสองตัวกำลังวิ่งเล่นอยู่ในกองหญ้ากับหู่จือเป้าจือ เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “บอส ให้พวกมันวิ่งเล่นอย่างอิสระก็ดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ คุณดูสิว่าตอนนี้พวกมันกำลังมีความสุขแค่ไหน?”
เพราะว่าเมื่อแรกพบพวกมันก็ได้ช่วยกันจัดการกับฝูงห่านแล้ว ดังนั้นพวกหู่เป้าฉงหลัวจึงยอมรับลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ทั้งคู่มาเป็นพรรคพวกด้วยความยินดี หลังจากที่อยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่ครั้ง ลูกม้าอเมริกัน เพนต์ก็ปรับตัวจนคุ้นชินกับอำนาจบารมีของฉงต้าแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเท่ากับตอนที่เจอกันครั้งแรก
แต่สำหรับพวกลูกวัวกับลูกแกะก็ยังรู้สึกหวาดกลัวมากจริงๆ พวกหู่เป้าฉงหลัวดูถูกเหยียดหยามพวกมันเป็นอย่างมาก ในเวลาปกติถ้าเพียงแค่พวกมันกล้าเข้ามาใกล้ ฉงต้าก็จะแสยะปากขู่พวกมันให้กลัว จนทำให้ตอนนี้แค่เห็นฉงต้าพวกมันก็หวาดกลัวจนฉี่แทบราดแล้ว
แอร์แบ็คพูดว่า “ไม่ ไม่ ทางที่ดีที่สุดคือต้องสร้างคอกม้า ถ้าเลี้ยงลูกม้าแบบปล่อยเป็นเวลานานพวกมันจะไม่เชื่อฟังคำสั่ง กลายเป็นสัตว์ป่าที่ฝึกได้ยาก นายต้องรู้ด้วยว่าพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดสุดท้ายที่ถูกมนุษย์ฝึกสอนได้สำเร็จ”
พูดแล้วก็ทำเลย ในความคิดของฉินสือโอว การสร้างคอกม้าสักคอกเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ขอเพียงเตรียมวัสดุอุปกรณ์ไว้ให้พร้อม ถ้ามีคนอยู่เยอะขนาดนี้แถมยังมีเด็กๆ คอยช่วย จะต้องสร้างคอกม้าขนาดเล็กขึ้นมาได้อย่างง่ายดายแน่ๆ
แต่นี่ยังต้องใช้วัสดุด้วย ตอนที่ฉินสือโอวช็อปปิ้งบนอินเทอร์เน็ต เขาพบว่าบริษัทที่เขาสั่งซื้อกระท่อมน้อยเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีคอกม้าแบบประกอบขายด้วยเช่นกัน
มีครบทุกอย่างทั้งผนังกันน้ำ แผ่นกระดานป้องกันการเตะถีบ หน้าต่าง การจัดการท่อน้ำ รางหญ้า รางให้น้ำ ถังหมักบ่ม หลังจากซื้อไปแล้วก็แค่ต้องประกอบพวกมันขึ้นมาตามแบบแปลนเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
แล้วแบบนี้ยังจะมีอะไรให้ต้องเสียอีก? ฉินสือโอวสั่งซื้อเลยทันที เนื่องจากเขาเคยสั่งซื้อกระท่อมมาแล้วห้าหลัง เป็นลูกค้าวีไอพีของเว็บไซต์ ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิพิเศษ ประมาณวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็วันมะรืนก็จะมาส่งอะไหล่แล้ว
ฉินสือโอวให้ชาร์คจัดเตรียมอุปกรณ์ไว้ หลังจากนั้นก็เรียกให้พวกเด็กๆ เข้ามาหา “โอเค นักล่าเงินรางวัลทั้งหลาย ตอนนี้ฉันจะประกาศภารกิจครั้งใหม่แล้ว นั่นก็คือการสร้างคอกม้า ทุกๆ คนจะได้รับเงินห้าสิบดอลลาร์ จะทำไหม?”
กอร์ดอนทำสีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดว่า “นี่คือแบบรับเหมาเลยใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวไหวไหล่แล้วตอบเขาว่า “ก็น่าจะใช่นะ มีอะไรหรือเปล่า?”
กอร์ดอนกล่าวว่า “นี่เป็นขอบเขตงานที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน มีความยากลำบากเป็นพิเศษ…”
“พอแล้วกอร์ดอน อย่าพูดเรื่อยเปื่อย ก็แค่สร้างคอกม้า แต่นายทำอย่างกับว่าพวกเราต้องไปล่าสัตว์ประหลาด ฉิน พวกเรารับทำงานนี้ จะให้เริ่มงานตอนไหนครับ?” ชาร์คน้อยพูดด้วยความรำคาญ
ด้วยความโมโห กอร์ดอนก็ตวาดว่า “เจ้าโง่ นายไม่รู้เหรอว่าฉันจะต่อราคา? นายทำลายทุกอย่างหมดเลย เพื่อนร่วมทีมจอมทรยศ!”
“นายลองพูดอีกครั้งสิ ไอ้เด็กน้อย วอนอยากโดนแล้วใช่ไหม?”
“ฟัคยู! ก็เข้ามาสิ!”
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset