ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1329 ซูเปอร์เทเลสโคป

ปลาหัวเมือกแต่ละอวนถูกทยอยยกขึ้นมา เนื่องจากความกดอากาศทำให้ปลาทะเลน้ำลึกเหล่านี้ตายทันทีหลังจากโผล่ขึ้นมาสัมผัสกับอากาศ ดังนั้นชาวประมงจึงต้องนำพวกมันไปแช่แข็งอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาความสดของปลาเอาไว้
ในตอนนี้ฉินสือโอวก็ต้องเข้าไปช่วยงานด้วยเหมือนกัน ไม่จำเป็นเอาไปใส่ห้องแช่แข็ง พวกเขาเตรียมกล่องเก็บรักษาอุณหภูมิมาก่อนแล้ว ข้างในมีน้ำแข็งอยู่ แค่เก็บปลาพวกนี้แยกตามขนาดก็พอแล้ว
จับขึ้นมาห้าอวน ได้ปลาหัวเมือกราวๆ สองตัน ส่วนใหญ่ยาวยี่สิบเซนติเมตรกว่าๆ ลำตัวอวบอ้วน ดูแล้วไม่นับว่ามีขนาดใหญ่นัก แต่ที่จริงที่ปลาพวกนี้โตได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าตัวใหญ่มากแล้ว เพราะปกติต้องใช้เวลาตั้งแปดสิบถึงหนึ่งร้อยปีเลยทีเดียว
ปลาหัวเมือกเป็นผู้เฒ่าในหมู่ปลาทะเล จากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่าพวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสองร้อยปี!
เนื่องจากเติบโตได้ช้า ปลาชนิดนี้จึงมีปริมาณน้อยมาโดยตลอด ที่ฟาร์มปลาต้าฉินสามารถจับขึ้นมาได้คราวละสองตันก็น่าประหลาดใจมากแล้ว อย่างที่เม็กซิโก ผลการผลิตรวมทั้งประเทศ ยังจับขึ้นมาได้เพียงปีละสี่ร้อยตันเท่านั้น
ที่ปลาหัวเมือกมีราคาแพง ไม่ใช่เพียงเพราะการเจริญเติบโตที่ช้าและความขาดแคลนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเนื้อของปลาชนิดนี้มีแร่ธาตุและวิตามินที่ร่างกายมนุษย์ต้องการมากกว่า 20 ชนิดทั้งยังมีโปรตีนสูง มีไขมันต่ำและคอเลสเตอรอลต่ำ
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งล้ำค่าที่สุด สิ่งที่ล้ำค่ากว่านั้นคือ “สมองทองคำ” ที่อยู่ในหัวและกระดูกของปลาหัวเมือก ที่สามารถกระตุ้นเซลล์สมอง เพิ่มความจำและชะลอความชราได้ต่างหาก สามารถนำกระดูกของมันมาต้มดื่มเพื่อบำรุงตับและไตได้ หากดื่มเป็นประจำก็จะสามารถยืดอายุได้ด้วย
ปลาหัวเมือกของฟาร์มปลาต้าฉินเป็นปลาที่ฉินสือโอวล่อมาจากเขตน่านน้ำภายนอก เขาควบคุมปริมาณการจับปลา โดยหนึ่งเดือนเขาจะจับขึ้นมาแค่หนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะได้ปลาเท่าไรเขาก็จะทิ้งอวนลงไปแค่ห้าปากเท่านั้น
สำหรับฝูงปลาหัวเมือกหนึ่งฝูงแล้ว ปริมาณการจับเท่านี้ถือว่ามีสิทธิ์ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ได้เลย แต่ฉินสือโอวก็เพิ่มพลังโพไซดอนให้พวกมันทุกวัน ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมันอ้วนพีขนาดนี้ พวกปลาหัวเมือกไม่ได้อ้วนเพราะกินอาหารเยอะหรอกนะ
พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตต่างกันออกไปตามแต่ละชนิด สำหรับปลาหัวเมือกแล้วมันมีผลในด้านการช่วยกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตเหมือนกันกับปะการัง หลังจากที่ปลาชนิดนี้ดูดซึมพลังโพไซดอนเข้าไปแล้วก็จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้พวกเขามาจับปลาหัวเมือกโดยเฉพาะ และปลาหัวเมือกทั้งสี่ตันนี้ก็คุ้มค่ากับแรงกายแรงใจและเวลาที่เสียไปของพวกเขาแล้ว
ในบรรดาอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ปลาหัวเมือกหนึ่งกิโลกรัมมีมูลค่ากว่าห้าล้านดอลลาร์สหรัฐ และในร้านอาหารชั้นนำเมนูปลาหัวเมือกหนึ่งจานก็มีมูลค่าหลายพันดอลลาร์ แตกต่างกันไปตามระดับของร้านอาหาร
นำปลาหัวเมือกแต่ละตัวลงไปเก็บไว้ในกล่องเก็บรักษาอุณหภูมิตามขนาดของปลาเสร็จ เรือฮาวิซทก็เดินทางกลับ หลังจากเข้าเทียบท่าเรือ ก็มีรถกระบะขับเข้ามาแล้วรีบขนย้ายเข้าไปไว้ในห้องแช่แข็งทันที ครั้งนี้ต้องแช่แข็งเอาไว้ หลังจากนั้นก็จะนำไปส่งให้กับร้านจำหน่ายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินอีกที
ฉินสือโอวโทรไปหาบัตเลอร์ แล้วพูดกับเขาว่า “เฮ้ เพื่อน จับปลาหัวเมือกขึ้นมาแล้วนะ นายจะมารับไปตอนไหน? รอบนี้หนักประมาณห้าพันปอนด์”
บัตเลอร์ก็ตอบเขากลับมาว่า “รอฉันก่อน พรุ่งนี้ฉันก็จะไปหานายที่นั่นแล้ว ตอนนี้ปลาพวกนี้ขายได้ค่อนข้างดีเลย ฉันรอให้นายจับพวกมันขึ้นมาตั้งนานแล้ว”
ฉินสือโอวได้ยินว่าเขาจะมาที่นี่พรุ่งนี้ จึงถามเขาด้วยความลังเลเล็กน้อยว่า “ถ้านายจะมาพรุ่งนี้ งั้นนายพอจะหากล้องโทรทรรศน์ดาราศาสตร์มาด้วยได้ไหม? อันที่ดูเหมือนปืนใหญ่น่ะ คืนพรุ่งนี้จะได้ดูพระจันทร์ด้วยกัน”
เสียงหัวเราะของบัตเลอร์ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ “เฮ้อ ฉันว่านะ นี่นายคอยจับตามองฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย? เมื่อวานฉันเพิ่งจะซื้อกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงมา ทำไมวันนี้นายก็ถามหามันแล้วล่ะ?”
ถือว่าบังเอิญมากจริงๆ ฉินสือโอวหัวเราะออกมา แบบนี้ก็พอดีเลย มีกล้องโทรทรรศน์ของบัตเลอร์พวกเขาก็ไม่ต้องเข้าไปในเมืองแล้ว ทุกคนแบ่งกันดูอยู่ที่บ้านก็พอ
เขาว่าแบบนี้มันดีจริงๆ เช้าวันต่อมาบัตเลอร์ก็นั่งเครื่องบินมาที่นี่ แถมยังนำของที่เหมือนกับปืนใหญ่มาด้วยสองอัน ซึ่งนี่ก็คือกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงนั่นเอง ตอนที่เห็นฉินสือโอวก็ถึงกับตกใจเช่นกัน
“ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
บัตเลอร์บอกว่า “แน่นอนสิ นี่มันถึงแสนดอลลาร์สหรัฐเลยนะ! ตอนนี้นักดาราศาสตร์ที่นิวยอร์กก็ใช้เจ้านี่แหละในการสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้า ฉันได้ยินมาว่าสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 40,000 ปีแสงเลยนะ!”
“ฟัค 40,000 ปีแสงเลยเหรอ!” บูลหลุดอุทานอย่างแตกตื่น “ขนาดแสงยังใช้เวลาเดินทางตั้งสี่หมื่นปี มันต้องไกลแค่ไหนกัน?”
เบิร์ดพูดแกมหัวเราะว่า “พูดแบบนี้ทำให้นายยิ่งดูซื่อบื้อกว่าเดิมอีกนะ ใครบอกว่ากล้องโทรทรรศน์ที่มองได้ไกลถึงสี่หมื่นปีแสงจะต้องเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่ดีกันน่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นนายอยากจะให้มันมองได้ไกลแค่ไหนกันล่ะ? อย่าทำตัวเป็นพวกไม่รู้จักพอไปหน่อยเลย” บัตเลอร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์
เบิร์ดจึงไหวไหล่แล้วพูดว่า “กล้องโทรทรรศน์มองไปได้ไกลแค่ไหนไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ถ้าจะตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดี ก็ต้องดูว่ามันช่วยให้มองเห็นได้ชัดแค่ไหนต่างหาก พวกนายรู้ไหม ดวงตาของคนทั่วไปก็สามารถมองออกไปไกลได้ถึงสี่หมื่นปีแสงเหมือนกันนะ”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” สีหน้าของบัตเลอร์เต็มไปด้วยความงงงวย
เบิร์ดจึงถามว่า “พวกนายไม่เคยใช้ตาเปล่ามองดูกาแล็กซีแอนโดรเมดามาก่อนเลยเหรอ?”
“ต้องเคยอยู่แล้วสิ แอนโดรเมดา เนบิวลา กลุ่มดาวนายพราน แล้วก็มีอะไรอีกนะ?”
“มีอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจแล้ว แค่รู้ไว้ว่าแอนโดรเมดาอยู่ห่างจากโลกสี่หมื่นปีแสงก็พอ” เบิร์ดกล่าว
บัตเลอร์ยังพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “ที่นายพูดก็อาจจะไม่ถูกก็ได้”
เบิร์ดจึงพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “นี่มันความรู้รอบตัวนะ ฉันอาจจะไม่ได้รู้ลึกเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ แต่ตอนที่พวกเราฝึกวิชาซุ่มยิง พวกเราก็ต้องศึกษาความรู้เกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ด้วย ถามนีลเซ็นสิ”
นีลเซ็นไหวไหล่แล้วตอบว่า “ความรู้พื้นๆ แบบนี้ผมไม่จำเป็นต้องพูดถึงด้วยซ้ำ”
หลังจากนั้นบัตเลอร์ก็ควักมือถือออกมาต่อสายโทรทันที หลังจากอีกฝั่งรับสายแล้วเขาก็เริ่มตะโกนออกไปว่า “ฟัคยู! เนวิล ไอ้ลูกหมา! นายกล้าหลอกฉันเหรอ? นายตายแน่! นายตายแน่!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง รอจนบัตเลอร์คุยโทรศัพท์ด้วยความโมโหเสร็จแล้ว เบิร์ดที่กำลังส่องดูกล้องโทรทรรศน์ดาราศาสตร์อยู่ตลอดเวลาก็พูดขึ้นมาว่า “แต่นี่เป็นกล้องโทรทรรศน์ที่สุดยอดมากๆ เลยนะ คืนนี้พวกเราอาจจะมองเห็นรอยเท้าที่อาร์มสตรองทิ้งไว้บนดวงจันทร์ก็ได้”
บัตเลอร์เบิกตาโต “นายรีบบอกฉันให้มันครบๆ ตั้งแต่แรกไม่ได้หรือไงวะ”
เบิร์ดไหวไหล่ตอบว่า “เมื่อกี้แค่แก้ไขความเข้าใจผิดของนายที่มีต่อความรู้รอบตัวก็เท่านั้น ไม่ได้บอกสักหน่อยว่ากล้องโทรทรรศน์ตัวนี้ดีหรือไม่ดี”
คราวนี้พวกชาวประมงคนอื่นๆ ก็หัวเราะออกมาแล้วเช่นกัน
ช่วงเที่ยงฮิวจ์คนน้องถามฉินสือโอวผ่านวิทยุสื่อสารว่าอยากจะไปดูพระจันทร์สีเลือดด้วยกันไหม ฉินสือโอวก็พูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า “ไม่ล่ะ เพื่อน พวกเราไม่ต้องไปที่นั่นหรอก ที่บ้านฉันก็มีกล้องโทรทรรศน์อยู่ตัวหนึ่งเหมือนกัน ราคาถึงแสนดอลลาร์สหรัฐเลยนะ!”
“ชิท นายนี่เป็นมหาเศรษฐีของแท้เลยนะ”
“ขอบคุณนะ แต่ก็ไม่เท่าไรหรอก”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันสิต้องขอบคุณนาย ฉิน นายขนกล้องโทรทรรศน์เข้ามาในเมืองหน่อยสิ พวกเราจะจัดปาร์ตี้หมาป่าก่อจลาจลกันในเมือง นายน่าจะไม่เคยไปงานปาร์ตี้ที่มีธีมแบบนี้มาก่อนใช่ไหมล่ะ มาเถอะนะ”
ฉินสือโอวก็อยากจะปฏิเสธ เพียงแต่ว่าหลายๆ คนก็ไปร่วมงานนี้ แถมยังมีคนโทรศัพท์มาหานายกเทศมนตรีอีกต่างหาก บอกว่าจะให้นายกเทศมนตรียึดกล้องโทรทรรศน์ของเขามาใช้
ท่านชายฉินกลัวการคุกคามของคนพวกนี้นี่แหละ ดังนั้นเขาจึงบอกพวกนั้นไปอย่างไม่ลังเลว่า บ่ายวันนี้เขาจะเอากล้องโทรทรรศน์เข้าไปไว้ที่สนามบาสตรงหัวมุมถนนในเมือง “เรื่องแบบนี้ไม่ต้องไปรบกวนนายกเทศมนตรีของพวกเราหรอกใช่ไหม?”
เสียงร้องดีใจของคนกลุ่มนั้นดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร ฮิวจ์คนน้องก็ร้องเอ็ดตะโรโวยวายว่า “เพื่อน นายทำตัวจองหองต่อไปเถอะ ตอนนี้พวกเรามีวิธีควบคุมนายแล้ว”
“แต่คืนนี้ฉันจะจัดการนายแน่” ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset