ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 187 หากได้อยู่ด้วยกัน

บทที่ 187 หากได้อยู่ด้วยกัน
โดย
Ink Stone_Fantasy

ผักจากสวนผักที่พร้อมทานได้ต่างก็ถูกเด็ดออกมา ฉินสือโอวมองดูผักเหล่านั้น เห็นว่าจำนวนไม่น้อยเลย แต่ประเภทผักยังน้อยเกินไปไม่ค่อยหลากหลาย คงต้องไปเดินในซูเปอร์มาร์เก็ตสักรอบ
ในแคนาดามีเทศกาลประจำถิ่นเยอะแยะมากมาย เทศกาลบางอย่างที่เล็กๆน้อยๆเหมือนเทศกาลการย้ายบ้าน หรือการแต่งงานที่จีน ก็จะมีเพียงคนบ้านใกล้เรือนเคียงมาร่วมงาน ฉินสือโอวอยากชวนครอบครัวชาร์คมากินข้าวด้วย เพราะที่เกาะแฟร์เวลนั้นมีการฉลองเทศกาลผักสดด้วย
เหตุผลที่ต้องมีเทศกาลแปลกๆนี้ ก็เพราะว่าเกาะแฟร์เวลอยู่ห่างจากผืนดินค่อนข้างมาก สภาพดินบนเกาะไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกผักหรือพืชผล ในหนึ่งปีคนในเมืองจะได้กินผักเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น หากอยากกินก็ต้องปลูกเอง เพราะแบบนี้หากบ้านใครปลูกผักโตพร้อมทานแล้วก็จะจัดเทศกาลผักสดขึ้น
เทศกาลอันน่าขันนี้ไม่มีกำหนดวันแน่นอน ผักบ้านใครโตแล้วบ้านนั้นก็จัดงานเชิญให้มากินผัก และร่วมลิ้มรสผักสดที่แสนอร่อยกันกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูง และเพื่อนบ้าน
จนถึงตอนนี้ ราคาผักในพื้นที่นิวฟันด์แลนด์ก็ยังคงแพงมาก ตอนฉินสือโอวเพิ่งมาถึงที่นี่ก็เคยซื้อผักเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่จีนเขากินผักเยอะจนหายอยากแล้ว เมื่อเห็นเนื้อวัวเนื้อหมูเนื้อแพะเนื้อปลาราคาถูกจะไม่อยากกินได้อย่างไร?
ก่อนกลับจีนล่าสุดเขาได้ไปเดินดูผักในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วเห็นว่าผักที่นี่แพงจริงๆ มันฝรั่งหนึ่งปอนด์ก็ขายถึงสี่เหรียญเลยทีเดียว ยิ่งถั่วแขก ขึ้นฉ่ายและพืชหัวราคายิ่งแพงกว่าขายกันเกินกว่าห้าเหรียญต่อหนึ่งปอนด์ เมื่อเทียบเป็นเงินหยวนแล้ว ผักหนึ่งชั่งมีราคาถึงสิบกว่าหยวนเลยทีเดียว
ตอนนั้นฉินสือโอวตกใจจนแทบฉี่ราด ราคาผักสดพวกนี้ช่างโหดอะไรอย่างนี้ เขารู้สึกโทษตัวเองที่ไม่นำผักในสวนบ้านเกิดตัวเองมาขายที่นิวฟันด์แลนด์นี้ ไม่อย่างนั้นแล้วดูจากคุณภาพและจำนวนของผักสดที่บ้านเกิดของเขาแล้ว การจะเป็นเศรษฐีเงินล้านในหนึ่งปีนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
เหตุผลอีกอย่างที่ฉินสือโอวต้องปลูกผักเองเป็นเพราะไม่มีทางเลือกด้วย หากผักแค่มีราคาแพงอย่างเดียว เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาในตอนนี้เป็นถึงเศรษฐีบ้านนอกเศรษฐีดาวรุ่ง ไม่สนใจเงินเล็กน้อยพวกนี้หรอก
แต่ปัญหาอยู่ที่ เขาไม่สามารถหาผักสดจากที่นี่ได้เลย ทำอย่างไรได้ ในเมืองเล็กๆอย่างเกาะแฟร์เวลนี้ ผักสดเข้ามาไม่ถึง เพราะผักสดนั้นมีราคาสูง และคนในเมืองนี้ก็ไม่มีกำลังซื้อมากพอด้วย จึงทำให้หาผักสดๆได้ยาก
ความจริงอันโหดร้ายที่ว่าเขาไม่สามารถหาแตงกวาลูกงาม มะเขือเทศสีแดงสดใส ไม่มีลูกแตงกวาที่สดอ่อนจนสามารถบีบน้ำออกมาได้ ทำให้เขาตัดสินใจปลูกผักกินเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องห่วงเรื่องโภชนาการของร่างกายตัวเองไว้ก่อน
ระหว่างทางขับรถไปซูเปอร์มาร์เก็ต ฉินสือโอวได้เจอกับโรเบิร์ตเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เมื่อทั้งสองเจอกัน โรเบิร์ตบีบแตร เปิดกระจกแล้วถามว่า “ฉิน ผมจำได้ว่าใบขับขี่จีนของคุณใกล้จะหมดอายุแล้ว คุณไปสอบใบขับขี่มาใหม่แล้วหรือยังครับ?”
ฉินสือโอวตบหัวตัวเองเบาๆ เขาดันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า “เพื่อนฝูง หากคุณไม่พูดเตือน ผมคงโยนเรื่องนี้ทิ้งไปที่เกาะฮาวายแล้วแน่เลย ยังไม่ได้ไปสอบเลยครับ รออีกไม่กี่วันผมจะหาเวลาไปสอบที่เซนต์จอห์นครับ”
โรเบิร์ตยิ้ม บีบแตรอีกรอบแล้วจากไป
นี่คือข้อดีของเมืองเล็ก การอยู่อาศัยร่วมกันค่อนข้างเรียบง่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าของร้านอาหารล้วนเหมือนกัน ต่างก็เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องสาธารณูปโภค ทำให้ไม่มีการวางอำนาจใดๆ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นหากมีเรื่องไหนที่อำนวยความสะดวกให้ชาวเมืองได้ก็พร้อมอะลุ่มอล่วยเสมอ
เมื่อไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ฉินสือโอวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย มีผักแต่ล้วนไม่ค่อยสด แต่ยังดีที่มีผักให้เลือกหลากหลาย เขาเดินดูสักพัก ก็เลือกใบโหระพาจากไทย พาร์สลีย์ กระเทียมต้น กะหล่ำปม ผักชาร์ด บีตรูต เม็ดข้าวโพดและหัวไชเท้ามาจำนวนหนึ่ง
ผักพวกนี้ เขาซื้อมาอย่างมากสุดแค่สามสี่ปอนด์เท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาคิดเงิน กลับจ่ายเงินไปถึงหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าดอลลาร์แคนาดาเลยทีเดียว แพงกว่าซื้อเนื้อสัตว์เสียอีก
เมื่อเตรียมผักทั้งหมดแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มลงมือเตรียมผัก เมื่อเขาว่างไม่มีอะไรทำมักจะชอบทำอาหาร เมื่อก่อนตอนอยู่ที่จีนเขาทำเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ตอนนี้พออยู่นิวฟันด์แลนด์จึงเป็นเหมือนการได้งัดฝีมือออกมาใช้แล้ว
เมื่อนำผักจากสวนผักมาล้างทำความสะอาดแล้ว โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ฉินสือโอวเห็นว่าเป็นวินนี่ที่โทรเข้ามา จึงเปิดวิดีโอ วินนี่กำลังนอนหราอยู่บนเตียง พร้อมด้วยรอยยิ้มหวานๆ สายตาเย้ายวน แล้วยังมีร่องหน้าอกเส้นลึกนั้นอีก ทำให้ฉินสือโอวมองดูแล้วตัวแข็งทื่อขึ้นมา
 “เด็กๆของฉันสบายดีไหมคะ?” เมื่อเห็นหน้าวินนี่ก็เริ่มถามถึงพวกสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
ฉินสือโอวหันหัวแล้วผิวปาก หู่จือ เป้าจือรีบวิ่งเข้ามา ฉงต้าก็ลากก้นใหญ่ๆตามมาติดๆด้วยท่าทีเงอะงะ มันคงจะนึกว่ามีของให้กินอีกแล้ว แต่พอวิ่งเข้ามามองเห็นเพียงกองผักที่มันไม่ชอบกินกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แถมในมือถือยังเป็นหน้าวินนี่ที่มันไม่รู้สึกเสน่หาด้วยอีก จึงเบ้ปากเตรียมจะออกไป
วินนี่กลับชอบฉงต้าเอามากๆ เมื่อเห็นหมีสีน้ำตาลตัวอ้วนท้วม เธอก็ดีใจจนร้องเสียงหลงออกมา ส่งจูบให้ผ่านทางกล้องวิดีโอ
ฉินสือโอวตั้งโทรศัพท์ขึ้นมา เขาจะได้พลางคุยพลางเตรียมผักไปด้วย เจ้าแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์มาอออยู่ตรงหน้าโทรศัพท์มองไปที่วินนี่แล้วร้องขึ้นมาอย่างดีใจ
ทักทายไปมาสักพัก วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณพระเจ้า ตอนนี้วันหยุดได้กำหนดไว้แล้ว รออีกประมาณสิบกว่าวัน ฉันก็จะไปหาคุณได้แล้ว”
ฉินสือโอวเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ดีใจขึ้นมา รีบเช็ดมือแล้วเดินไปที่โทรศัพท์พูดว่า “อย่างนั้นก็ดีเลย ฉันอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆ จัง ถ้าพรุ่งนื้คือหลังวันที่สิบก็คงจะดีน่าดู ผมอยากจะเจอคุณมากเลย”
วินนี่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดอย่างเขินอายว่า “ความจริง ฉันก็อยากไปฟาร์มปลาของคุณค่ะ…”
ฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ วินนี่ก็พูดต่อว่า “นานแล้วที่ฉันไม่ได้เจอพวกเด็กๆเลย ยังมีฉงต้า ลูกใหม่ของฉันอีก ฉันอยากรีบกลับไปหาพวกมันแล้ว”
 “แล้วฉันล่ะ?” ฉินสือโอวชี้นิ้วไปที่จมูกของเขาแล้วถาม
วินนี่ยักไหล่ ทำทีเหมือนไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “คุณเหรอ? พวกเราก็เพิ่งได้เจอกันไปไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจอย่างผิดหวัง วินนี่เม้มปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “เมื่อคืนฉันเพิ่งฝันถึงคุณ ดังนั้น ก็เท่ากับว่าเราเพิ่งเจอกันไปไม่ใช่เหรอคะ?”
คำพูดนี้ฟังแล้วหวานหูยิ่งกว่าคำพูดหวานหยดย้อยทั้งหลายอีก ฉินสือโอวยิ้มอย่างพอใจ แต่วินนี่กลับรู้สึกเขินอาย ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเคยคิดว่าสาวแอร์โฮสเตสก็คงเหมือนสาวชาวตะวันตกทั่วไปที่ค่อนข้างเปิดเผยและเป็นธรรมชาติเรื่องความรัก แต่ตอนนี้มองดูแล้วคงไม่ใช่อย่างนั้น
วินนี่เปลี่ยนเรื่องคุย จึงถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ฉินสือโอวบอกว่าผักโตแล้ว จะจัดงานเทศกาลผักสดฉลองเสียหน่อย
วินนี่เบิกตาโตแล้วถามว่า “เป็นผักที่พวกเราปลูกด้วยกันเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า วินนี่ให้เขาหันโทรศัพท์ไปทางผักพวกนั้น แล้วพูดด้วยเสียงค่อนข้างผิดหวังว่า “ฉันอยากไปอยู่ข้างคุณตอนนี้จัง ฉิน ถ้าได้ร่วมฉลองเทศกาลผักกับคุณ คงจะดีมากเลย”
 “ไม่เป็นไรหรอก รอคุณกลับมาแล้ว พวกเราก็ไปเก็บผักกันอีก ถึงตอนนั้นพวกเรามาเตรียมอาหารด้วยกันเพื่อเลี้ยงพวกเขาก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ฉินสือโอวพูด
วินนี่คิดตาม แล้วก็ยิ้มขึ้นมาอีกรอบ
เมื่อเห็นฉินสือโอวมีงานต้องทำ เธอก็ไม่อยากทำให้เขาเสียเวลาอีก จึงวางสายไป
เมื่อคุยกับวินนี่แล้ว ในใจฉินสือโอวรู้สึกปวดแปล๊บๆ เขาก้มลงมองไปที่หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า และต้าป๋ายที่ยืนออกันในห้องครัว ตบโต๊ะ แล้วตะโกนว่า “ยังไม่ออกไปกันอีก พวกนายจะอยู่ช่วยฉันจัดการผักพวกนี้เหรอไง?”
เขาเริ่มจากการเตรียมผักพวกนี้ ความจริงการล้างผักนั้นง่ายมาก เพราะผักของเขาต่างก็ไม่มีสารเคมี ส่วนผักที่ปลูกในแคนาดาถึงแม้จะมีฉีดย่าฆ่าแมลงกับสารเร่งโต แต่ทางรัฐบาลได้ออกกฎว่าต้องหยุดการพ่นยาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองอาทิตย์ก่อนที่จะเก็บผักส่งไปขายในตลาด พวกสัตว์ทั้งหลายก็ต้องหยุดป้อนยาต้านโรคก่อนเชือดสี่อาทิตย์ ดังนั้นความปลอดภัยจากสารต่างๆจึงค่อนข้างสูง ล้างน้ำก็เพียงพอแล้ว
วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำอาหารถูกเตรียมไว้แล้ว เนื้อหมูและเนื้อปลาก็หมักไว้เรียบร้อย ฉินสือโอวคิดๆแล้ว ก็นำสเต๊กเนื้อวัวที่เพิ่งซื้อมาไปตุ๋นทำสเต๊กเนื้อ อาหารจานนี้เขาตั้งใจเตรียมให้อีวิลสัน ต้องให้เขารองท้องก่อนเริ่มมื้อเย็น ไม่อย่างนั้นผักพวกนี้คงไม่พอเขากินแน่นอน
………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset