ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1331 ธีมปาร์ตี้

หลังจากลงจากรถแล้วฉินสือโอวก็ยืนดูภาพทิวทัศน์ของพวกโลมาที่กำลังเล่นกันอย่างเชื่องช้าอยู่ไกลออกไปจากท่าเรือ โลมาปากขวดพวกนี้ขยับตัวและเคลื่อนไหวอย่างงุ่มง่าม หางที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดของพวกมันถูกตัดทิ้งไปแล้ว แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเสือร้ายที่สูญเสียขาหลังเลย
แต่พวกมันกลับสามารถเล่นกันอยู่บนผิวน้ำได้อย่างมีความสุข ส่วนใหญ่ก็มักจะเล่นกันแบบโลมาหลายๆ ตัวไล่ตามโลมาแค่ตัวเดียว การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่กลับเล่นกันอย่างดุเดือด และบางครั้งก็เรื่องสนุกๆ อย่างโลมาที่ถูกไล่ปล้ำ และบางครั้งก็กระโดดไปบนผิวน้ำได้ด้วย
ได้เจอกับคนที่มาป้อนอาหาร ถ้ามีโลมาที่ยังหิวอยู่พวกมันก็จะหมุนหัวออกมากิน ในตอนนี้ถ้ามีคนยื่นมือออกไปลูบพวกมันจะไม่มีทางปฏิเสธแน่ๆ มีแม้กระทั่งโลมาบางตัวที่ดีใจจนทำท่าทางเหมือนกำลังยิ้มออกมาให้เห็น ซึ่งสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้มากเหมือนกัน
ชีวิตยากลำบาก แต่ก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ ขณะที่กำลังมองดูโลมาที่มีความสุขในแบบของตัวเองพวกนี้ก็ทำให้ฉินสือโอวอดคิดแบบนี้ไม่ได้
เขากำลังดูวิวพวกนี้อย่างเพลิดเพลิน แต่ในตอนนี้เองใครบางคนก็เดินเข้ามาหาเขาแล้วพูดว่า “สวัสดี เพื่อน นายอยากหารค่าเช่าเรือออกไปดูโลมาด้วยกันไหม?”
ฉินสือโอวหันหน้ากลับไปด้วยความงงงวย แล้วถามว่า “คุณคุยกับผมเหรอ?”
คนที่เข้ามาคุยกับเขาคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาคนนั้นพูดพร้อมกับแย้มรอยยิ้ม “ใช่ คุณเคยไปดูโลมามาแล้วเหรอ? อยากไปด้วยกันอีกครั้งไหม? เรือลำเล็กที่สุดนั่งได้หกคน ตอนนี้พวกเราได้คนถึงห้าคนแล้ว ถ้าเพิ่มคุณมาด้วยก็ครบพอดี ประหยัดเงินได้เยอะเลย”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาพูดด้วยใจที่สั่นไหวว่า “โอเค ไปดูด้วยกันก็ได้”
ตั้งแต่ที่พาโลมาพวกนี้กลับมาด้วย เขาก็ได้แต่ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อเพิ่มพลังให้กับพวกมันเพียงอย่างเดียว แต่ไม่เคยเข้าไปดูพวกมันจากบนผิวน้ำเลย
ตอนที่เขาเดินตามวัยรุ่นคนนั้นมาถึงริมท่าเรือ ก็มีคนสี่คนที่สวมเสื้อกับกางเกงแขนสั้นขาสั้นกำลังรอพวกเขาอยู่ จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็เบิกตาโตพร้อมกับพินิจพิจารณาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคือเศรษฐีบ้านนอกฉิน?”
ฉินสือโอวแย้มยิ้มเหือดแห้ง ตั้งแต่เรื่องที่เขาขับคาดิลแลคไปขายเกี๊ยวเป็นประเด็นในอินเทอร์เน็ตเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนั้นเศรษฐีบ้านนอกฉินก็กลายมาเป็นชื่อเรียกของเขา ตอนนี้คนที่มาคุยก้บเขาในเวยป๋อส่วนใหญ่ก็พากันเรียกเขาแบบนี้
“ฉินสือโอวครับ สวัสดีครับทุกๆ คน” ฉินสือโอวทักทายพวกเขาตามมารยาท
เด็กวัยรุ่นที่อยู่ข้างๆ ถึงกับนิ่งค้างไปแล้ว “ผมว่าแล้ว ผมคุ้นหน้าคุณมากๆ แต่จำไม่ได้ว่าที่แท้คุณคือคุณฉินคนนั้น นึกว่าเจอนักท่องเที่ยวด้วยกันเสียอีก”
พอเห็นว่าฉินสือโอวจะขึ้นเรือด้วย ชาวเมืองที่ปล่อยเช่าเรือก็โยนกุญแจมาให้เขา แล้วพูดว่า “นายก็จะขึ้นเรือลำนี้ด้วยเหรอ? น่าตกใจจริงๆ”
ฉินสือโอวสตาร์ทเครื่องเรือพร้อมกับแย้มยิ้ม เขาเพียงแค่บังคับหางเสือที่หางอย่างง่ายๆ เรือยนต์ลำเล็กก็ส่งเสียงดังก้องขึ้นมา แล้วแล่นไปตามผิวน้ำทันที
คนบนเรือชวนเขาคุย ฉินสือโอวก็คุยด้วยตามประสาพลางลดความเร็วเรือลง หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปกวนน้ำ เพื่อปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปในบริเวณรอบๆ
พอทำแบบนี้ เมื่อโลมาปากขวดตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุดสัมผัสได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน มันก็พยายามว่ายน้ำเข้ามาหาด้วยความแข็งขัน ทั้งยังยื่นหัวออกมายิ้มและสบตากับเขาอีกต่างหาก
ฉินสือโอวยื่นมือออกไปลูบหัวของมัน สาวน้อยคนหนึ่งก็ยื่นปลากะพงมาให้เขาหนึ่งตัว เธอพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มเขินอาย “คุณให้อาหารมันได้นะคะ”
ฉินสือโอวเสียสละที่ให้เธอ เขาพูดว่า “มาสิ คุณป้อนมันเถอะ มันต้องชอบอยู่ใกล้ผู้หญิงสวยๆ มากกว่าแน่ๆ”
เรือยนต์ลำเล็กขับวนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ปรับหางเสือแล้วขับกลับไปที่ท่าเรือ
เช่าเรือครึ่งชั่วโมงคิดเป็นเงินหกสิบดอลลาร์ เฉลี่ยคนละสิบดอลลาร์ ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย ถูกกว่าเรือลำเล็กที่อยู่ตามจุดชมวิวในประเทศจีนเสียอีก แถมที่นี่ยังสามารถขับไปไหนก็ได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง
ตอนที่กำลังเอาเรือไปคืน เจ้าของเรือก็ใช้คำภาษาจีนที่พอพูดได้อย่างตะกุกตะกักพูดขายของกับคนเหล่านี้ “ออกทะเล ตกปลาไหม? เช่าเหมาลำ เรือใหญ่ สี่ร้อย ทั้งวัน!”
เช่าเหมาลำเรือก็เป็นรายการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างหนึ่งเช่นกัน เรือหนึ่งลำสามารถบรรทุกคนได้ถึงสิบกว่าคน แบบนี้พอคนสิบคนออกทะเลไปด้วยกัน เฉลี่ยแล้วก็ตกคนละสี่สิบดอลลาร์เท่านั้น แต่พวกเขาจะสามารถล่องเรือตกปลาได้ตลอดทั้งวัน
คนเหล่านี้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แถมภาษาอังกฤษที่คนบนเกาะแฟร์เวลใช้ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันที่นิยมใช้กันอีกต่างหาก การสื่อสารจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบากมาก ฉินสือโอวจึงได้แต่ส่ายหัวแล้วเข้าไปช่วยแปลให้
พวกเขาห้าคนอยากจะเช่าเหมาลำเรือ เพียงแต่ว่ามีกันอยู่น้อยเกินไปเลยรู้สึกว่าราคาสี่ร้อยดอลลาร์มันแพงไปหน่อย พวกเขามีกันทั้งหมดแปดคน เลยถามชาวประมงว่าคิดราคาสามร้อยดอลลาร์ได้ไหม
ฉินสือโอวลองถามให้ แต่ชาวประมงก็ส่ายหัวตอบว่าไม่ได้ เพราะขับเรือออกทะเลต้องใช้น้ำมันเยอะ แถมตอนอยู่กลางทะเลเขายังช่วยจัดการอาหารทะเลให้อีกต่างหาก ถ้าให้ต่ำกว่าสี่ร้อยดอลลาร์กำไรที่ได้ก็จะน้อยเกินไป
พวกเขาทั้งห้าคนปรึกษากันอยู่สักพัก ดูแล้วก็น่าจะยังอยากไปอยู่นั่นล่ะ ฉินสือโอวจึงพูดกับพวกเขาว่า “ไม่อย่างนั้นพวกคุณเปลี่ยนเป็นเรือยอชต์ที่มีขนาดเล็กกว่ากันไหมล่ะ ไม่ต้องนั่งเรือประมงออกทะเล แบบนี้ก็ตกปลาได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าพื้นที่น้อยกว่า ราคาจะได้ถูกลงหน่อย”
พวกเขาเห็นยอมรับความคิดเห็นของเขา ฉินสือโอวจึงเข้าไปคุยกับชาวประมงให้อีกครั้ง คราวนี้ชาวประมงพยักหน้ารับแล้ว แบบนี้คิดราคาสามร้อยสี่สิบดอลลาร์ได้ เพราะเรือยอชต์กินน้ำมันน้อยกว่าเรือประมงอยู่ครึ่งหนึ่ง
ท้ายที่สุดก็ตกลงราคาได้ที่สามร้อยยี่สิบดอลลาร์ คนกลุ่มนี้จ่ายเงินมัดจำไปแล้วหนึ่งร้อยดอลลาร์ พรุ่งนี้ค่อยนัดกันมาเจอกับชาวประมงที่นี่
ในช่วงเวลานี้ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสีแล้ว ฉินสือโอวจึงขับรถกลับเข้าไปในเมือง เพื่อหาอะไรทานหลังจากนั้นจะได้ไปดูพระจันทร์สีเลือด
ตอนที่เขามาถึงในเมืองชาร์คและคนอื่นๆ ยังมาไม่ถึง ใกล้จะถึงเวลากินข้าวแล้วพวกชาวประมงถึงรีบตามมาทีหลัง เขาถามว่าทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้ ชาร์คจึงอธิบายให้ฟังว่า “พวกเราเตรียมงานบางส่วนอยู่น่ะครับ วันมะรืนต้องทำงานแล้ว”
“งานอะไร?” ฉินสือโอวถาม
ชาร์คตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “ขุดหอยงวงช้างไงครับ วันนี้มีจันทรุปราคาเต็มดวง ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็จะเริ่มมีปรากฏการณ์น้ำลดครั้งใหญ่แล้ว ซึ่งก็คือโอกาสที่จะได้ขุดหอยงวงช้างตรงแถบชายฝั่ง ตรงแถบชายฝั่งของเราก็มีหอยงวงช้างอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ”
ฉินสือโอวงงงัน ใช่แล้ว จันทรุปราคาเต็มดวงหมายถึงการเกิดปรากฏการณ์น้ำลดครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ เรื่องนี้เขาก็รู้เพียงแต่เขาแต่จำเรื่องขุดหอยงวงช้างไม่ได้ น้ำลดเป็นโอกาสดีที่จะได้ขุดหอยงวงช้าง
ฮิวจ์คนน้องจัดธีมปาร์ตี้ขึ้นมา เรียกว่าคืนของมนุษย์หมาป่า
พอถึงช่วงพลบค่ำก็มีคนนำอุปกรณ์ประกอบฉากที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่ามาวางไว้ที่หัวมุมถนนอยู่อย่างไม่ขาด หลังจากนั้นก็จุดกองไฟไว้รอบๆ สนามบาสอยู่หลายกอง ฮิวจ์คนน้องที่ห่มหนังหมาป่าเอาไว้ก็กำลังยุ่งกับการจัดงานอยู่เช่นกัน
ฉินสือโอวเห็นแล้วก็อุทานออกมาด้วยความชื่นชม ฮิวจ์คนน้องช่างทุ่มเทจริงๆ อากาศร้อนขนาดนี้ แถมยังมีแคมป์ไฟ เขาก็ยังห่มหนังหมาป่าอยู่ได้อีก…
พวกเขาทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วพอออกมาจากร้าน เขาก็เห็นว่ามีคนแต่งคอสเพลย์อยู่ไม่น้อยเลย เหมือนมางานเทศกาลวันฮาโลวีนไม่มีผิด
หลังจากทานอาหารเสร็จชาร์คและคนอื่นๆ ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน ฉินสือโอวถามว่า “ทำไมต้องเปลี่ยนชุดเพื่อทำเรื่องปัญญาอ่อนพวกนี้ด้วย?”
พวกชาวประมงพากันยิ้มหัวเราะแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ทว่าก็ยังยืนยันที่จะเปลี่ยนเป็นชุดที่ตัวเองเตรียมมาเหมือนเดิม มีบางคนที่ไม่ได้เปลี่ยนชุด เพียงแค่แต่งหน้าอย่างง่ายๆ หรือไม่ก็สวมหน้ากากมนุษย์หมาป่าเท่านั้น
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนในใจของฉินสือโอวก็ดังขึ้นมาอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าคนชั่วพวกนี้คิดจะลอบทำร้ายเขา ดูจากที่พวกเขาไม่ยอมอธิบายอะไรให้ฟังเลยก็พอจะรู้แล้ว ต้องคิดจะแกล้งเขาแน่ๆ
ตอนนี้ฉินสือโอวรู้ทันแล้ว นี่เป็นผลจากการซึมซับและสังเกตคนรอบข้างของเขา เขาเห็นข่าวคนแคนาดาแกล้งผู้อพยพที่เพิ่งย้ายมาใหม่ผ่านทางทีวีอยู่เป็นประจำ
ฉินสือโอวไม่มีพร็อพประกอบ แต่เขาก็ไม่อยากเขียนหน้าเขียนตา เลยคิดว่าจะไปซื้อพวกขนหมาป่ามาจากร้านขายของชำ ทำได้แค่ต้องเล่นใหญ่แบบฮิวจ์คนน้องแล้วล่ะ
จางเผิงยังคงเฝ้าร้านด้วยความรอบคอบระมัดระวัง พอเห็นเขามาเลยถามด้วยความเคยชินว่า มิสเตอร์ ไม่ทราบว่าคุณต้องการ…ให้ตาย บอสเหรอครับ? คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
ฉินสือโอวบอกเขาว่าอยากได้หนังหมาป่าสักผืน จางเผิงจึงตอบเขาอย่างจนปัญญาว่า “ไม่มีแล้วครับ หนังอะไรก็ไม่เหลือแล้ว ถูกเช่าไปหมดแล้วล่ะครับ” พอพูดจบเขาก็ยกยิ้มด้วยความพอใจ “หนังสัตว์หนึ่งผืนให้เช่าหนึ่งคืนได้เงินตั้งยี่สิบดอลลาร์ บอส ผมค้าขายเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ยอดฝีมือเลย แต่ฉันจะถูกฆ่าตายอยู่แล้ว!”
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset