ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1334 ความซาบซึ้งของเปากง

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังพาพวกเด็กๆ เล่นกันวุ่นวายอยู่ทางนี้ วินนี่ก็กำลังเตรียมตัวไปเข้างาน ขับวนไปวนมาอยู่ๆ ก็มาถึงท่าเรือเสียแล้ว เธอตะโกนถามฉินสือโอวว่า “วันนี้คุณทำความสะอาดคอกม้าหรือยังคะ?”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ แล้วถามเธอกลับไปว่า “ยังต้องทำความสะอาดคอกม้าอีกเหรอ?”
วินนี่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เธอจึงกะพริบตาปริบๆ แล้วถามเขากลับไปเหมือนกัน “คุณจะบอกว่าเปากงตี้หลูจะไม่อึไม่ฉี่ หรือจะบอกว่าพวกมันจะลงมือทำความสะอาดเองอย่างนั้นเหรอคะ?”
แอร์แบ็คที่อยู่ข้างๆ ไหวไหล่พูดว่า “บอส การเลี้ยงม้าไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เชื่อผมเถอะ ต่อไปม้าสองตัวนี้จะทำให้คุณลำบากแน่ๆ!”
ฉินสือโอวเลี้ยงสัตว์มาหลายปีแล้ว ทั้งเป็ดไก่ห่าน หมูป่ากวางป่าก็มี ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยลำบากเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าคอกของพวกมันก็ไม่ได้สกปรกอะไร
แต่เขากลับไม่ได้สังเกตว่าที่คอกเลี้ยงสัตว์ไม่สกปรกนั่นก็เป็นเพราะมีลำธารสายหนึ่งที่น้ำไหลได้เร็วพอไหลผ่าน พวกเป็ดไก่กวางนานๆ เข้าก็รู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเองด้วยการลงไปอาบน้ำในลำธาร
ซึ่งนี่ก็นับว่าเป็นประโยชน์จากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอย่างหนึ่ง
ฉินสือโอวให้แอร์แบ็คไปทำความสะอาด แอร์แบ็คจึงพูดกับเขาว่า “นั่นไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วครับ แต่บอสครับ คุณต้องเข้าใจก่อนว่าการช่วยทำคอกสะอาดคอกและรักษาความสะอาดให้กับม้าเป็นวิธีเพิ่มพูนความผูกพันอย่างหนึ่ง แต่ถ้าผมเป็นคนไปทำความสะอาด ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่าหลังจากนี้ม้าทั้งสองตัวจะคิดว่าผมเป็นเจ้านายของพวกมันไหม”
ฉินสือโอวกลอกตาอย่างจนปัญญา เขาทำได้แค่เปลี่ยนไปสวมรองเท้าบู๊ตแล้วขับรถคันเล็กไปจัดการปัญหาเรื่องความสะอาดให้ม้าทั้งสองตัว
ตลอดทั้งคืน ลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ทั้งสองตัวขับถ่ายไว้หลังก้นของพวกมันหนึ่งกอง อีกทั้งบนพื้นก็มีร่องรอยของปัสสาวะ เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องจัดการ คอกม้ามีพื้นรองคอกม้าที่มีความลาดเอียง ปัสสาวะจะไหลลงไปเอง
ฉินสือโอวลากม้าทั้งสองตัวออกมา แล้วใช้แปรงจุ่มน้ำอุ่นเช็ดขนบนร่างกายให้พวกมัน
นี่ไม่ใช่งานง่ายๆ เลย ต้องใช้แปรงหลายชนิดในการแปรงขนทำความสะอาด ทั้งแปรงขนนุ่ม แปรงขนแข็ง แปรงหัวสามเหลี่ยมเป็นต้น นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉินสือโอวได้แปรงขนให้พวกมัน เลยยังติดขัดอยู่นิดหน่อย
เชอร์ลี่ย์เดินมือไขว้หลังเข้ามาหา เธอหรี่ตากลมโตแล้วถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ฉิน อยากให้หนูช่วยไหมคะ?”
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กสาวแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ต้องจ่ายเงินหรือเปล่า? พูดมาเลยดีกว่า เธอจะเอาเท่าไร?”
เด็กสาวเบะปากเล็กๆ เธอพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณคิดว่าหนูเป็นพวกขี้เหนียวแบบกอร์ดอนเหรอคะ? หนูไม่ได้คิดแต่เรื่องเงินสักหน่อย มาเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูช่วยคุณเอง”
ฉินสือโอวช่วยเปากง ส่วนเด็กสาวรับหน้าที่ดูแลตี้หลูต่อ เธอทำตามฉินสือโอวเริ่มแปรงตั้งแต่หน้าผาก ใช้แปรงขัดล้างตัวให้ตี้หลู
เมื่อแปรงขนให้เปากงตั้งแต่หัวจรดหางไปแล้วหนึ่งรอบ ก็เหมือนกับว่าติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้ลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ใหม่อีกครั้ง จนดูราวกับเพิ่งจะยกเครื่องใหม่ทั่วทั้งตัว
ฉินสือโอวตบลงบนหน้าหน้าผากของเปากงเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมา “โอเค เพื่อน ถือว่าช่วยทำความสะอาดให้แกเรียบร้อยแล้วนะ”
ในตอนนี้นี่เองอยู่ๆ เปากงก็ยื่นหัวเข้ามา มันใช้ริมฝีปากดันหน้าของฉินสือโอวอย่างขวยเขิน ตาดวงโตจ้องมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา
ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจ้องตากับลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ ในขณะนั้นเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาซะเฉยๆ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้หายไปอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจสิ่งที่แอร์แบ็คต้องการจะสื่อแล้ว เขาไม่ได้หลอกฉินสือโอว การช่วยดูแลความสะอาดให้ม้าเป็นวิธีการเพิ่มความผูกพันที่ดีมากจริงๆ
เขาใช้มือสางขนบนคอให้ลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ พอสางขนเสร็จแล้วฉินสือโอวก็ตบลงไปบนคอของมันเบาๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ เด็กดี ออกไปเล่นเถอะ ตอนกลางคืนต้องเป็นเด็กดีแล้วกลับมาที่นี่นะ เข้าใจไหม?”
เด็กสาวทำงานด้วยความละเอียดและเอาใจใส่ เชอร์ลี่ย์ทำความสะอาดตัวให้ตี้หลูได้สะอาดกว่า ขนที่หลังคอของตี้หลูค่อนข้างยาว อายุยังน้อยแค่นี้แต่ขนกลับยาวจนห้อยลงมาข้างล่างแล้ว แบบนี้ไม่น่ามองเท่าไร เชอร์ลี่ย์จึงช่วยถักเปียสั้นแบบง่ายๆ เพื่อเก็บขนที่ห้อยลงมาให้มัน
ตี้หลูร้องออกมาอย่างร่าเริงอยู่สักพัก พอได้ใช้หน้าผากถูกับหน้าอกของเชอร์ลี่ย์แล้วมันถึงเพิ่งจะวิ่งตามเปากงไป ที่ขณะที่กำลังวิ่งก็ยังหันกลับมามองดูเชอร์ลี่ย์
นี่ทำให้เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เธอจึงพูดกับเขาด้วยความดีใจ “ฉิน ต่อจากนี้ส่งตี้หลูให้หนูนะคะ หนูจะช่วยดูแลเรื่องความสะอาดให้เธอเอง”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็ส่งพลั่วให้เชอร์ลี่ย์พร้อมกับพูดให้กำลังใจเธอ “เอาเลย ช่วยดูแลความสะอาดให้มันอย่างดีเลยนะ นับตั้งแต่วันนี้ไปมันเป็นเพื่อนคู่ชีวิตของหนูแล้ว”
เชอร์ลี่ย์ถือพลั่ววิ่งเข้าไปในคอกม้าด้วยความกระตือรือร้น แต่หลังจากนั้นก็วิ่งกลับออกมาทันที เธอส่งพลั่วคืนให้ฉินสือโอว แล้วพูดว่า “หนูแค่จะช่วยเธอทำความสะอาดร่างกาย ส่วนความสะอาดของคอกม้าคุณต้องจัดการเองนะคะ”
มูลสัตว์ในคอกม้าทำความสะอาดได้ง่าย นั่นเป็นเพราะเวลานอนลูกม้าจะยืนอยู่นิ่งๆ ตำแหน่งที่ปล่อยอุจจาระจึงอยู่ในที่เดียวกัน แค่แป๊บเดียวฉินสือโอวก็เก็บกวาดจนสะอาด หลังจากนั้นเขาก็ลากสายยางฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ามาแล้วฉีดล้างพื้นรองคอกม้าจนสะอาดหมดจด
เมื่อทำความสะอาดคอกม้าเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงกลับไปขุดหอยงวงช้าง
พวกชาวประมงลงมือทำงานกันแล้ว หอยงวงช้างหาได้ไม่ยาก พวกมันมุดลงไปอาศัยอยู่ในทราย ในเวลาปกติพวกมันจะยื่นท่อส่วนที่เป็นจมูกออกมานอกพื้นทราย หลังจากน้ำทะเลลดระดับลง พวกมันก็จะหดท่อจมูกกลับไป และจะทิ้งรูเอาไว้บนพื้นทรายที่เรียบเสมอกัน
ความรู้ความเข้าใจและเทคนิคในการขุดหาหอยงวงช้างอยู่ที่ตรงนี้ พวกชาวประมงต้องตัดสินว่าหอยงวงช้างตัวที่อยู่ข้างใต้เหมาะที่จะเก็บขึ้นมาหรือไม่จากขนาดของรู
ตลอดทั้งชีวิตหอยงวงช้างจะใช้ชีวิตอยู่ในรูแค่รูเดียว ถ้าออกห่างจากรูเมื่อไรมันก็จะหยุดกินอาหารแล้วหลังจากนั้นก็ตายลงไปในที่สุด หอยงวงช้างที่ขายได้ราคาสูงในตลาดต้องมีขนาดพอดี และไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป
จะจับหอยงวงช้างตัวใหญ่ขึ้นมาไม่ได้ ทั้งไม่มีราคารสชาติก็ไม่ดี แต่พวกมันมีความสามารถในการแพร่พันธุ์ที่ยอดเยี่ยมมาก จะต้องปล่อยทิ้งไว้ให้พวกมันขยายพันธุ์ต่อ ส่วนหอยงวงช้างตัวเล็กก็มีเนื้อไม่มาก ไม่เหมาะกับการนำมาประกอบอาหารเช่นกัน
หลังจากพวกชาวประมงตัดสินว่าหอยงวงช้างเหมาะที่จะจับขึ้นมาหรือไม่จากปากรูบนพื้นทราย พวกเขาก็จะใช้พลั่วอันเล็กๆ จ้วงลงไปจนถึงส่วนลึกของรูแล้วตักขึ้นมาเหมือนขุดรากของต้นไม้ขึ้นมาพร้อมกับดิน
ต้องดูแลหอยงวงช้างให้สมบูรณ์ เปลือกของพวกมันบางมากทำให้แตกได้ง่าย และถ้าหากเปลือกของหอยงวงช้างแตกเสียหายขึ้นมาพวกมันก็จะตาย เมื่อนำไปขายก็จะไม่ได้ราคา
พวกชาวประมงพกเอาหนังยางติดตัวมาด้วย หลังจากล้างหอยงวงช้างที่ขุดขึ้นมาจนพอจะสะอาดแล้ว พวกเขาก็จะใช้หนังยางรัดเปลือกของพวกมันเอาไว้
ฉินสือโอวรู้ว่าตรงไหนมีหอยงวงช้างอยู่เยอะที่สุด เขาจึงตรงไปยังบริเวณนั้น จนเจอรูที่ท่อจมูกของหอยงวงช้างตัวหนึ่งทิ้งเอาไว้ แต่พอพลั่วตักลงไปก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปัก’ เขาจึงรู้ว่าตัวเองทำพลาดแล้วในทันที
เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากขุดหอยงวงช้างตัวนี้ขึ้นมา เปลือกข้างหนึ่งของมันก็ถูกพลั่วทุบจนแตกไปแล้ว
กอร์ดอนผ่านมาทางด้านข้าง เขามองดูแค่แวบเดียวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉิน คุณนี่ทึ่มจริงๆ หอยงวงช้างถูกขุดขึ้นมาตั้งหลายตัวแล้ว มีแค่ของคุณคนเดียวที่เปลือกแตก”
ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม “กอร์ดอน เมื่อก่อนก็มีเด็กที่มาอวดดีกับฉันแบบนี้เหมือนกัน นายรู้ไหมว่าหลังจากนั้นเขาเป็นยังไง?”
“เป็นยังไงเหรอครับ?” เสี่ยวชาร์คถาม
กอร์ดอนจึงหันไปถลึงตาใส่เขาหนึ่งที “จุ้นจ้านจริงๆ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดว่า “ในอนาคตยังไม่รู้ แต่ฉันพอจะรู้สภาพของเขาในตอนนี้นะ ตอนนี้หญ้าบนหลุมศพของเขาสูงตั้งครึ่งเมตรแล้ว!”
“ไม่นะ ฉิน คุณแช่งผมนี่!” กอร์ดอนพูดอย่างไม่พอใจ “คุณทำร้ายผม”
ฉินสือโอวไหวไหล่พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายจะหาวิธีเอาคืนฉันก็ได้นะ แต่ถ้านายแก้แค้นฉันไม่ได้ ก็อดทนต่อไปเถอะ”
ขุดหอยงวงช้างขึ้นมาอีกสองตัว ฉินสือโอวก็ยังขุดได้ไม่ดี ถ้าไม่เล็กเกินไปก็ใหญ่เกินไปหรือไม่ก็ขุดไปโดนเปลือกของพวกมันจนแตก จนทำให้หอยงวงช้างพวกนี้เสียของไปเปล่าๆ
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ถือว่าเป็นค่าเรียนก็แล้วกัน เป็นบัตเลอร์เสียอีกที่รู้สึกเจ็บปวดใจ เขาร้องออกมาว่า “ฉิน นายพอได้แล้ว ปล่อยหอยงวงช้างพวกนี้ไปเถอะ ถ้าฉันเป็นนาย ฉันคงไม่ทำต่อแต่ไปพักผ่อนแทนแล้ว”
ฉินสือโอวยังไม่ยอมแพ้ จึงตอบกลับไปว่า “ให้ฉันลองไปฝึกกับชาร์คก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันต้องทำได้แน่ๆ”
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset