ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 188 ยุทธจักร

บทที่ 188 ยุทธจักร
โดย
Ink Stone_Fantasy

เนื่องจากอีกสิบกว่าวันวินนี่ก็จะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องทำมื้อสารพัดผักเลี้ยงต้อนรับพวกชาร์คและครอบครัวของพวกเขาอีกรอบ อีกอย่าง ผักที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตก็ไม่สดพอ
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงไม่ได้ตั้งใจมากกับการเตรียมอาหารมื้อนี้ เขารอเชอร์ลี่ย์กลับมา เพื่อสาธิตให้เธอได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารจีน จึงทำด้วยวิธีง่ายๆ แทน
เขาทำเมนูแตงกวาผัดเนื้อ แตงกวาผัดไข่ ขึ้นฉ่ายผัดไฟแดง ขึ้นฉ่ายผัดพริก ผัดถั่วแขกหมัก มะเขือเทศผัดไข่ ผัดดอกกะหล่ำหมัก มะเขือยาวย่าง มะเขือราดพริก เนื้อเส้นผัดกะหล่ำปม เมนูพวกนี้ทำง่าย เชอร์ลี่ย์เพียงแค่ยืนมองก็เรียนรู้ได้เยอะแล้ว
มื้อเย็นนี้เมนูที่เยอะที่สุดคือเมนูผัก แต่เมนูหลักนั้นเป็นเนื้อกวางย่างกับเนื้อหมูป่าย่าง จากนั้นก็เสิร์ฟล็อบสเตอร์และปูราชินีตามลำดับ
ขณะกินเนื้อล็อบสเตอร์ที่อร่อยอยู่นั้น ฉินสือโอวก็ถามขึ้นว่า “พื้นที่ทะเลใกล้ชายฝั่งของฟาร์มปลาของเราทำไมถึงไม่มีล็อบสเตอร์เลย?”
ชาร์คคิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อน ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แต่ว่าน่าจะมีอยู่บ้างนะครับ ฟาร์มปลาของเราถือเป็นที่ที่ผลิตกุ้งล็อบสเตอร์นะครับ”
แต่ฉินสือโอวรู้ว่าไม่มีแน่นอน เพราะเขาเคยดูทั่วแล้ว มีปูราชินี มีกุ้งแดงแต่ไม่มีกุ้งล็อบสเตอร์เลย
พวกเด็กๆนั่งลงก้มหน้าก้มตากินอาหาร ชาร์คน้อยได้รับอิทธิพลของพ่อมาเต็มๆ เมื่อได้กินอาหารมาก็จับยัดเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง เป็นเด็กที่ไม่เลือกกินเลย
พวกพาวลิสที่อยู่ข้างๆ ต่างก็กินกันอย่างค่อยเคี้ยวค่อยกิน แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขามีมารยาทการกินหรืออะไรหรอก เหตุผลหลักคือพวกเขายังไม่ค่อยสนิทสนมคุ้นเคยจึงไม่กล้าวางตัวสบายๆมากกว่า
พวกเด็กๆไม่มีการพูดคุยกันมาก ฉินสือโอวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดี จึงพูดกับชาร์คน้อยว่า “ไอ้หนู ตอนนี้นายมีเพื่อนเพิ่มมาตั้งสี่คน รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ชาร์คน้อยรีบกลืนเนื้อชิ้นใหญ่ลงคอ แล้วพูดพร้อมปากเยิ้มน้ำมันว่า “คุณลุงฉินครับ ผมดีใจมาก แต่พวกเขาไม่ค่อยชอบผม”
กอร์ดอนรีบทำท่าโกรธเคือง แล้วพูดว่า “เพื่อนฝูง นายพูดแบบนี้ไม่รู้สึกอายหรือไง? ให้ตายเถอะ พวกเราไปโรงเรียนวันแรกก็โดนนายต่อยแล้ว!”
ฉินสือโอวอึ้งไปชั่วขณะ นี่มันเรื่องเป็นมาอย่างไรกัน ทำไมมีเรื่องชกต่อยกันด้วย? ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินเด็กสี่คนนี้ไปฟ้องคุณครูเลย?
ชาร์คน้อยพูดตะโกนกลับไปว่า “ไอ้นี่ นั่นไม่เรียกว่าต่อย นั่นเรียกว่าสั่งสอนนาย! นายทั้งหยิ่งทั้งถือตัว ครูนิโครให้นายแนะนำตัวเอง แต่นายกลับไม่สนใจ ฉันถึงได้ต้องสั่งสอนนายว่าการทำตัวเป็นเด็กมีมารยาทต้องทำอย่างไรไง!”
ชาร์คจ้องไปที่ลูกชายหน้าตาเคร่งขรึม พูดอย่างโมโหว่า “นี่นายไปมีเรื่องที่โรงเรียนอีกแล้วเหรอ?”
กอร์ดอนเมื่อเห็นชาร์คเตรียมจะลงมือตี ก็รีบพูดออกมาว่า “คุณลุงชาร์คครับ เขามีเรื่องชกต่อยทุกวันเลย! ถ้าไม่เชื่อคุณลองถามมิเชลดูก็ได้ครับ เขายังเคยพูดล้อมิเชลว่า เขาใช้ชื่อเหมือนผู้หญิงด้วย”
เออร์บักหัวเราะขึ้นมา มิเชลอายหน้าแดงขึ้นมา จ้องไปที่ชาร์คน้อยอย่างโกรธแค้น ในมือกำมีดตัดอาหารไว้แน่น
 ‘มิเชล’ ชื่อนี้ก็เป็นชื่อที่ฟังดูผู้หญิงจริงๆ ที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคุณหญิงมิเชล โอบามา แล้วก็ยังมีนักแสดงฮอลลิวูดคนดังมิเชล ราดรีเกซอีก
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าทำไมมิเชลถึงมีชื่อที่เหมือนผู้หญิงแบบนี้ ขณะที่เขากำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น เชอร์ลี่ย์ที่เฉลียวฉลาดก็อธิบายให้เขาฟังว่า “มิเชลเป็นเด็กขี้อายและยอมคน ตอนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จึงมีคนมารังแกเขา แล้วหาว่าเขาเหมือนผู้หญิง จึงพากันเรียกเขาว่า’มิเชล’ จากนั้นชื่อนี้เลยกลายเป็นชื่อของเขาไป”
ชาร์คน้อยเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้ล้อเขา แต่ชื่อนี้ ก็คือชื่อผู้หญิงไม่ใช่เหรอครับ?”
 “นายยังจะพูดอีก?” ชาร์คพูดอย่างโกรธเคือง
ฉินสือโอวเห็นว่ามื้ออาหารสุดพิเศษนี้อยู่ดีๆก็กลายเป็นสงครามไปเสียได้ จึงงัดมาดเถ้าแก่ออกมา ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ทุกคนหุบปาก ให้ตายเถอะ พวกเธอคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกันหา?!”
ชาร์คชี้ไปที่ลูกชาย แสดงออกเป็นนัยว่ากลับไปได้โดนดีแน่ ชาร์คน้อยเริ่มกลัวขึ้นมา เขาหันกลับไปมองกอร์ดอนและมิเชล แล้วก็ทำท่าทางแสดงเป็นนัยเหมือนกันว่ารอไปโรงเรียนพวกนายได้เจอดีแน่
ฉินสือโอวนั่งลงข้างๆทั้งสอง แล้วดึงมือชาร์คน้อยกับกอร์ดอนมาวางทับกัน แล้วพูดว่า “เด็กน้อย ตอนนี้พวกเธอแค่ยังไม่ได้รู้จักกันดี ทำให้มีปัญหากันทั้งด้านนิสัย และความชอบ แต่ว่า พวกเธอต้องจำไว้นะ ลูกผู้ชายที่น่านับถือนั้น ต้องรู้จักยอมรับในข้อเสียของอีกฝ่ายได้ พวกเธอสองคนเป็นลูกผู้ชายกันหรือเปล่า?”
คำพูดนี้ถือเป็นคำถามที่จี้จุดเลยทีเดียว เพราะกอร์ดอนชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ส่วนชาร์คน้อยนั้นก็ยกย่องคุณพ่อมาก จึงอยากจะโตแล้วเป็นเหมือนคุณพ่อ
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของฉินสือโอว ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต แต่กลับพยักหน้าพร้อมกันทั้งคู่
ลูกชายของซีมอนสเตอร์ คราเคนน้อยกระโดดพรวดขึ้นมาพูดว่า “ผมคือลูกผู้ชายครับ ดูสิ ผมยอมรับพวกพาวลิสได้ ผมไม่ได้มีเรื่องชกต่อยกับพวกเขา! ชาร์คน้อย นายไม่ใช่ลูกผู้ชายเหรอไง!”
 “โอ้โห คราเคนน้อย นายคงจะอยากโดนดีสินะ ถึงได้กล้าว่าฉันแบบนี้?” ชาร์คน้อยหันมาตะโกนใส่ลูกของซีมอนสเตอร์
ซีมอนสเตอร์หัวเราะร่า ลูบไปที่ผมของลูกชาย แล้วพูดว่า “พวกเธอทั้งหลาย ต่อไปต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เข้าใจไหม? เป็นเพื่อนที่ดีเหมือนฉันกับชาร์ค!”
ปัญหาเรื่องมิตรภาพของเด็กๆนั้น เป็นปัญหาใหญ่ จะพึ่งแต่การสอนและการวิเคราะห์ไม่ได้ ต้องให้พวกเขาไปคิดทำความเข้าใจกันเอง
กินข้าวเสร็จ ฉินสือโอวให้พวกเด็กๆไปเล่นกับหู่จือ เป้าจือ และฉงต้า พาวลิสเป็นเด็กโตอย่างแท้จริง เขาขับรถกอล์ฟชายหาดของเล่นรุ่นบอมบาร์เดียร์ เอส200ของเขาออกมา ให้ชาร์คน้อยกับคราเคนน้อยนั่ง แล้วพูดว่า “ฉันพาพวกเธอไปรับลมในสวนเอง ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว ดีไหม?”
เมื่อได้เห็นรถบอมบาร์เดียร์ เอส200ที่ถึงจะเล็กแต่ดูสง่างามแล้ว สายตาของชาร์คน้อยและคราเคนน้อยก็เป็นประกายทันที ทั้งสองต่างก็วิ่งไปรอบรถอย่างตื่นเต้นดีใจ ถามนู่นถามนี่
พาวลิสอธิบายว่า “นี่คือเพื่อนของฉัน ชื่อของมันคือซีบิสกิต เจ้านี่น่ะกล้าหาญมาก ในอนาคตมันนี่แหละที่จะขับพาฉันไปชิงแชมป์ชนะเลิศในสนามแข่งรถฟอร์มูลาวัน”
 “ให้ฉันลองขับดูได้ไหม?” ชาร์คน้อยถามตาปริบๆ
พาวลิสรู้สึกหวงของ แต่เพื่อมิตรภาพแล้ว เขาจึงยอมเสียสละ ให้ชาร์คน้อยขึ้นรถ สอนวิธีการเร่งเครื่อง การเลี้ยว และการเปลี่ยนเกียร์ รอจนชาร์คน้อยค่อยๆขับวนครบรอบแล้ว ก็เปลี่ยนให้คราเคนน้อยไปลองบ้าง
กอร์ดอนรู้สึกไม่พอใจ พูดว่า “พาวลิส นายไม่ยอมให้พวกเราขับรถของนาย แต่ทำไมถึงยอมให้พวกเขาขับล่ะ?”
หลังจากซื้อรถมา พาวลิสก็ถือว่ารถคือสิ่งล้ำค่ำของเขา กอร์ดอนอยากฝึกขับรถบ้าง แต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่ให้ แม้แต่เช็ดทำความสะอาดรถเขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นช่วย
แต่ตอนนี้พอเห็นพาวลิสยอมให้ชาร์คน้อยกับคราเคนน้อยเล่นรถแล้ว เป็นธรรมดาที่กอร์ดอนและมิเชลจะไม่พอใจ
เชอร์ลี่ย์อธิบายให้พวกเขาฟังว่า “อย่าไปหาเรื่องให้พาวลิสเลย เขากำลังพยายามสร้างมิตรภาพให้กับพวกเราอยู่นะ หากใครคิดจะขัดขวางเขาล่ะก็ งั้นต่อไปต้องทำมื้อเช้าเองนะ”
กอร์ดอนและมิเชลมองหน้ากันสักพัก ทั้งสองพูดเสียงเบาว่า “นายทำอาหารเช้าเป็นไหม?” “ไม่เป็น แล้วนายล่ะ?” “ฉันก็ทำไม่เป็น” “ถ้างั้น พวกเราคงต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวดีกว่า”
ฉินสือโอวเห็นเรื่องราวของเด็กๆเหล่านี้ รู้สึกว่าคำพูดหนึ่งของอาจารย์โกวเล้งนั้นพูดไว้ดีมากๆ ที่ไหนมีคน ที่นั่นก็จะมียุทธจักรเสมอ
หลังจากฉลองเทศกาลผักกันแล้ว เมนูผักของฉินสือโอวก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว หลังจากได้รับพลังเทพแห่งท้องทะเลแล้ว ผักที่เขาปลูกเองต่างก็มีรสชาติดีเป็นพิเศษ แถมโตเร็วอีกต่างหาก แตงกวาออกลูกเป็นว่าเล่น มะเขือเทศก็ออกผลจนเต็มนั่งร้านแล้ว
สองวันผ่านไปอย่างเรียบง่าย ตอนเช้าจู่ๆฉินสือโอวก็ได้รับโทรศัพท์จากแฮมเล็ต “ฉิน วันนี้นายมีแพลนจะทำอะไรไหม?”
 “ไม่มีนะ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
 “พระเจ้า ดีจริงๆ ฉันมีเรื่องอยากขอให้ช่วย พวกนักการเมืองจากเมืองเมเปิลลีฟจะมาตรวจงานของพวกเราแล้ว ก่อนนี้เขาเคยให้เงินเพื่อให้เราควบคุมจำนวนปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่าไง จำได้ไหม? คราวนี้ พวกเขาจะมาตรวจงานแล้ว”
……………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset