ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1354 ล้วนเป็นแขกประจำ

พวกเพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนคนอื่นๆ เดินถือกระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ลงเครื่องมา ฉินสือโอวเข้าไปต้อนรับอย่างอบอุ่น พูดว่า “พี่น้องทุกท่าน ทุกคนเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ต้องเอาของขวัญมาให้มากมายขนาดนี้หรอก ที่บ้านของเราไม่ขาดอะไรทั้งนั้น”
เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยของเขาเฉินเหลยหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “นายคิดมากไปแล้ว พี่ฉินโซ่ว ของของพวกเราตรงนี้ล้วนเป็นเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวทั้งนั้น นายนึกว่าพวกเรามาร่วมงานแต่งเสร็จแล้วก็จะกลับเลยเหรอ? ชิ! คนอื่นไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันน่ะจะอยู่ต่ออย่างน้อยครึ่งเดือน!”
“พวกเราจะอยู่หนึ่งเดือน” ซ่งจวินเหมยพูดพร้อมรอยยิ้ม
“บังเอิญจริงๆ เลยนะ พรหมลิขิตจริงๆ ฉันเองก็จะอยู่ต่ออีกหนึ่งเดือนเหมือนกัน” เฉินเจี้ยนหนานพูดอย่างดีอกดีใจ
เยียนเฟยปัดมือแล้วพูดว่า “พอแล้วๆ พวกนายอย่าทำให้พี่ฉินโซ่วตกใจเลย ไม่เห็นว่าเหรอว่าเขาเหงื่อท่วมตัวแล้วน่ะ? วางใจได้ พี่ฉินโซ่ว ที่ภรรยาของฉันพูดเมื่อกี้แค่พูดไปงั้นนะ พวกเราจะมาอยู่ที่นี่กันยี่สิบวัน”
ฉินสือโอวกลอกตาไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า “จริงหรือเปล่าเนี่ย? พวกนายลาออกไม่ทำงานกันแล้วเหรอ?”
เฉินเหลยพูดว่า “มีของอย่างหนึ่งที่เรียกว่าวันหยุดประจำปีนายเข้าใจไหม? แล้วก็มีอีกหนึ่งอย่างเรียกว่าทำงานจากที่บ้านนายเข้าใจไหม?”
ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า “ฟัค พวกนายคงไม่คิดว่าจะมาอยู่นานขนาดนั้นกันจริงๆ ใช่มั้ย?”
เฉินเหลยยักไหล่แล้วพูดว่า “คนอื่นฉันไม่รู้นะ พี่ฉินโซ่ว แต่ฉันกะว่าจะมาอยู่ที่แคนาดาสักครึ่งเดือน จริงๆ นะ ที่นายสิบวัน แล้วก็ที่โคโกโร่อีกห้าวัน”
เหมาเหว่ยหลงตบอกแล้วพูดว่า “วางใจได้ ไปที่ฉันนะเรื่องกินเรื่องดื่มมีให้เพียงพอแน่นอน ที่พักก็มีมากมาย ทุกคนเตรียมสุดเหวี่ยงกันได้เลย ฉันกับเสี่ยวซูจะต้องดูแลพวกนายทุกคนให้มีความสุขแน่นอน”
“พี่โกโร่ใจกว้าง พี่โกโร่สุดยอด!” คนทั้งกลุ่มพากันตะโกนโห่ร้องกันขึ้นมา
ฉินสือโอวกลอกตาให้เหมาเหว่ยหลงทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “อย่ามาโห่ร้องกันตรงนี้นะ ฉันไม่ใจกว้างไม่สุดยอดหรือไงกัน? พี่ๆ น้องๆ ทุกคนวางใจได้ พวกนายพักกันที่นี่ก็พอแล้ว รับรองว่ามีเบียร์มีอาหารทะเลเพียงพอแน่นอน”
เหมาเหว่ยหลงรีบพูดอย่างร้อนรนว่า “แกทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นเพื่อนแกนะ แกต้องให้ทุกคนไปพักที่บ้านฉันช่วงหนึ่งด้วยสิ?”
การได้เห็นคนสองคนเพื่อที่จะดูแลพวกเขาถึงกับจะทะเลาะกันขึ้นมา เฉินเหลยก็พูดอย่างตื้นตันใจว่า “แหม ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนตายกัน พวกพี่ชายน้องชายใจถึงจริงๆ มีคุณธรรมสุดๆ!”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่มีคุณธรรมแล้วใครจะมีคุณธรรมอีก?”
เหมาเหว่ยหลงพูดว่า “ได้ แกมีคุณธรรมใช่ไหม การมีคุณธรรมของแกต้องไม่ให้พวกพี่น้องต้องทำงานให้แกอีกนะ แกต้องบูชาพวกเขาเหมือนเป็นพ่อกับแม่เลย ได้หรือเปล่า? ”
ฉินสือโอวพูดพึมพำว่า “อย่าได้คิดได้ฝันเชียว พ่อแม่ฉันเองก็ทำงานในฟาร์มปลานะ ซักผ้าทำกับข้าวดูแลเด็ก ล้วนเป็นพ่อแม่ฉันรับผิดชอบทั้งนั้น แน่นอนว่าพวกพี่น้องต้องถูกใช้งานเหมือนชาวประมงสิ พอดีกับเป็นช่วงเก็บเกี่ยวปลาด้วย”
เมื่อได้ฟังคำนี้ คนทั้งกลุ่มก็ร้อนใจขึ้นมา รีบล้อมฉินสือโอวไว้ แล้วพูดว่า “ฉินนายหมายความว่าอย่างไร? ทำไมยังให้พวกเราทำงานอีกล่ะ? พวกเรามาเพื่อพักร้อนกันนะ”
ฉินสือโอวพูดอย่างกับคำพูดตัวเองสมเหตุสมผลว่า “พักร้อน? พักร้อนก็ได้นะ พวกนายเอาเงินมาเท่าไร? อย่างไรเสียมาอยู่ที่ฟาร์มปลาฉันไม่สามารถกินฟรีอยู่ฟรีได้นะ พวกนายจ่ายตามเห็นสมควรแล้วกัน วันหนึ่งรวมทั้งกินทั้งอยู่อย่างไรก็ต้องมีสามร้อยห้าร้อย”
“สามร้อยห้าร้อยก็ยังดี ยังจ่ายไหวอยู่” เฉินเหลยโล่งใจ “พอดีเลยที่ฉันเอาเงินมาด้วยหนึ่งหมื่นหยวน”
“ดอลลาร์แคนาดา ที่ฉันพูดคือดอลลาร์แคนาดา!” ฉินสือโอวพูดเสริม
เฉินเหลยรีบหันตัวไปกอดแขนของเหมาเหว่ยหลงไว้ แล้วพูดว่า “พี่โคโกโร่ พี่มีคุณธรรมที่สุด พวกเราตัดสินใจแล้วว่าหลังเสร็จจากงานแต่งจะไปบ้านพี่กัน เหอๆ ฟาร์มของนายก็ดีเหมือนกัน ยังสามารถขี่ม้าได้ด้วยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดว่า “โง่จริง พวกนายไม่รู้เหรอว่านี่ฤดูอะไร? ฟาร์มของโคโกโร่ ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีงานกองอยู่ตั้งเท่าไร! พวกนายไปแล้วก็รอถูกแดดเผาจนกลายเป็นถ่านได้เลย”
คนทั้งกลุ่มพากันหยอกล้อคุยเล่นกัน ฉินสือโอวเหมือนได้กลับไปอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัยที่ไร้ความกังวลอีกครั้ง ใจที่เหนื่อยล้าจากการจัดเตรียมงานแต่งงานก็รู้สึกโล่งขึ้นมาอีกครั้ง
บินมาจากประเทศจีน แม้ว่าคนทั้งกลุ่มจะนั่งเครื่องบินหรูมา แต่ระหว่างทางก็ไม่สามารถพักผ่อนได้ และไหนจะต้องเหนื่อยตอนเข้ามาในด่านตรวจคนเข้าเมืองของแวนคูเวอร์อีก ดังนั้นฉินสือโอวจึงเลือกที่จะให้พวกเขาไปพักกันที่โรงแรมในเมืองก่อน
ระหว่างงานแต่งงานมีแขกมากมาย ปริมาณการใช้รถจึงมากขึ้นตาม แบรนดอนหากลุ่มรถเบนซ์ให้เขามากลุ่มหนึ่ง เป็นรถเบนซ์เอสซีรีส์ทั้งหมด คนขับรถก็ล้วนใส่สูทผูกไทด้วย
เฉินเหลยบอกว่าพวกเขาอยากจะเดินเล่นในฟาร์มปลา จากนั้นค่อยไปตกปลาบนทะเล ฉินสือโอวบอกว่า “เอาน่า พวกนายไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปมีเวลาให้เที่ยวเล่นอีกเยอะ อีกอย่างพวกนายจะมาอยู่กันหนึ่งเดือนเลยไม่ใช่เหรอ? เวลาพักร้อนจะน้อยได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้แล้ว ทุกคนก็รู้สึกเห็นด้วย ระหว่างทางไปในเมือง เฉินเจี้ยนหนานถามว่า “ฉิน โคโกโร่บอกว่างานแต่งในครั้งนี้ ยังมีเจ้าชายจากอังกฤษกับเจ้าหญิงจากตะวันออกกลางมาด้วย จริงหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวขับรถไปพลางพูดไปพลางว่า “แม้ว่าโคโกโร่จะชอบคุยโม้ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องจริง แต่ว่าพวกเขาก็แค่มาอวยพรเป็นพิธีเท่านั้น คิดว่าคงจะกลับกันวันนั้นเลย พวกนายไม่ต้องใส่ใจหรอก”
คู่สามีภรรยาเยียนเฟยกับซ่งจวินเหมยที่นั่งอยู่เบาะหลังพากันสูดหายใจด้วยความตกใจไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงเหรอ?”
ฉินสือโอวบอกว่า “ล้อเล่นอะไรกัน เดี๋ยวกลับไปจะส่งรายชื่อแขกให้พวกนายดู ยังมีประธานสภาการประมงของแคนาดา นายกเทศบาลและเจ้าพนักงานของเมืองเซนต์จอห์น แล้วก็อีกคนพวกนายน่าจะรู้จัก ผู้กำกับใหญ่คาเมรอน”
ตอนนี้ในรถเงียบสงัด จนถึงตอนที่เขาขับรถไปถึงในเมือง เพื่อนทั้งหลายก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
ตอนฉินสือโอวจอดรถแล้วก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “พวกนายยังติดใจเรื่องนี้อีกเหรอ? ฉันเชิญพวกนายมาก็เพราะพวกเราเป็นเพื่อนสมัยเรียนกัน และก็เพราะพวกนายเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ที่พวกนายมาร่วมคืองานแต่งงานของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ไม่ต้องคิดมากอะไรหรอก?”
เยียนเฟยถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ แล้วเหตุผลก็ฟังดูสมเหตุสมผลจริง แต่ว่าฉิน พวกเรารู้สึกกดดันจริงๆ นะ”
“คนที่แต่งไม่ใช่นายสักหน่อย นายจะกดดันอะไร?” ฉินสือโอวจงใจพูดไปหัวเราะไป เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ให้บรรยากาศเคร่งขรึมแบบนี้
วินนี่รออยู่ในเมือง วันนี้เธอก็ยังต้องมาทำงาน หลังจากได้รับข่าวจากฉินสือโอวแล้วจึงมารออยู่หน้าโรงแรมก่อน
ฉินสือโอวพาทุกคนลงรถ เธอยิ้มหวานแล้วเข้ามาต้อนรับ อ้าแขนทั้งสองกอดทีละคน แล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับค่ะๆ ฉันกับฉินไม่ได้ไปต้อนรับด้วยตัวเอง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ”
เมื่อได้เห็นบุคลิกที่สง่างามของวินนี่แล้ว ทุกคนก็เริ่มโห่ร้องขึ้นมา พวกเพื่อนผู้หญิงหลายคนพากันไล่พวกของเฉินเจี้ยนหนานเข้าไปในโรงแรมอย่างกับไล่เป็ด แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พวกนายไม่มียางอาย แต่พวกเรายังมี อย่าทำให้เพื่อนของพวกเราขายหน้าสิ”
วันแต่งงานคืออาทิตย์ที่สองของเดือนตุลาคม หรือก็คือวันที่หกเดือนตุลาคม การมาของเพื่อนของเขายังถือว่ามาเร็วอยู่ เพราะว่ามีวันหยุดยาวประจำชาติจีน ทำให้มาก่อนเวลาเพื่อถือโอกาสมาเที่ยว อีกอย่าง อย่างไรเสียก็มีเศรษฐีบ้านนอกอย่างฉินสือโอวออกค่าใช้จ่ายให้อยู่แล้ว
แต่คนอื่นๆ ถือว่ามาช้าไป คนใหญ่คนโตทั้งสามล้วนสัญญาว่าจะมาวันงานเลย แต่ช่วงบ่ายหลังร่วมงานเสร็จแล้ว เจ้าชายทั้งสองจะกลับเลยทันที เรื่องนี้ฉินสือโอวเข้าใจได้ เพราะเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าชายเฮนรีจะมาร่วมงานแต่งของเขาแต่แรกอยู่แล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคน ก็มีเพียงแค่เขาซื้ออัญมณีจากฉินสือโอวไปชุดหนึ่งเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้พี่ชายเท่านั้น แต่ว่านั่นน่ะเจ้าชายเฮนรีออกเงินด้วย ทำให้เป็นธุรกิจไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกแต่อย่างใด
ที่ฉินสือโอวคิดได้ก็คือ เจ้าชายเฮนรีเห็นแก่หน้าของเจ้าชายฮามานแดนจากตะวันออกกลาง มาที่นี่เพื่อรำลึกความหลังกันเท่านั้น ทั้งสองคนล้วนจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ด้วยกันทั้งคู่ และในระหว่างเรียนก็ยังเป็นเพื่อนกันด้วย
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset