ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1366 ล่าสัตว์บนเขาในฤดูใบไม้ร่วง

หลังจากฝึกมาทั้งวัน แน่นอนว่านอกจากที่โหวจื่อเซวียนและหวงเฮ่าเจียร่วมมือกันแกล้งข่มขู่พวกเขาแล้ว เวลาส่วนมากก็คือเวลาพักผ่อน
ฉินสือโอวกำชับทั้งคู่ พวกเขาไม่ได้บอกสถานการณ์จริงกับคนเหล่านี้ ดังนั้นพอทุกคนได้ปืนมา โหวจื่อเซวียนก็เปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยน เป็นคนอดทนขึ้นมาทันใด ทุกคนพอได้รับความอ่อนโยนนี้ก็ตกใจ จึงต่างชมกันใหญ่ว่าพี่ชายหน่วยรบพิเศษคนนี้เป็นคนดีจริงๆ
อาวุธปืนพวกนี้ถือเป็นของอันตรายโหวจื่อเซวียนใช้เวลาหนึ่งวันสอนพวกเขาว่าจะป้องกันตัวเองและคนรอบข้างอย่างไร สำหรับการวิธีการยิงปืนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องสนใจ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือสอนให้ทุกคนห้ามใช้อาวุธปืนทำร้ายคนอื่นให้ได้รับบาดเจ็บ
ในช่วงเวลาพักผ่อนทุกคนก็จะยืนห้อมล้อมโหวจื่อเซวียนถามเกี่ยวกับความลับของกองทัพแคนาดากันยกใหญ่ โหวจื่อเซียนรู้ความลับบ้าบออะไร? เขาก็ไม่เคยเข้าไปสักหน่อย แต่เขาก็มีไหวพริบมาก เขาเปลี่ยนหัวข้อ บอกว่าเขาเคยเป็นทหารรับจ้างด้วยนะ แล้วเล่าข่าวลือเกี่ยวกับทหารรับจ้างให้พวกเขาฟัง
โหวจื่อเซวียนถือเป็นเซียนทางด้านนี้แล้ว นั่นก็เพราะว่าพอว่างเขาก็ชอบท่องไปในกระทู้ที่ถกเกี่ยวกับพวกทหาร ข่าวข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มีหมด หลอกจนทุกคนจะกลายเป็นกวางน้อยโง่ๆ ไปหมดแล้ว
ยามพลบค่ำ เมื่อการฝึกฝนเสร็จสิ้นลง ทุกคนก็แสดงความเคารพต่อโหวจื่อเซวียน แววตามีความเคารพอย่างสูงสุด
โหวจื่อเซวียนตะเบ๊ะกลับ หลังจากนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “พลทหารหม่าจิน ก้าวออกมา!”
หม่าจินวิ่งออกไปอย่างมีความสุข ชูคอแล้วตะโกนเสียงดังว่า “รายงานตัวครูฝึก หม่าจินออกมาแล้วครับผม”
โหวจื่อเซวียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หยิบเอาปลอกแขนออกมาวางตบอยู่บนแขนขวาของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “คุณคือคนที่ขยันที่สุดในการฝึก ปลอกแขนอันนี้เป็นของคุณแล้ว หวังว่าความประพฤติของคุณในอนาคตจะไม่ต้องทำให้มันแปดเปื้อน!”
หม่าจินรู้สึกตื่นเต้นมาก น้ำตาร้อนๆ เอ่อคลออยู่ที่ตา “ขอให้ครูฝึกวางใจได้ครับผม!”
คนอื่นๆ มองไปที่หม่าจินด้วยความอิจฉา ส่วนหม่าจินพอกลับเข้าไปก็จงใจยกแขนขวาขึ้นมา เพื่อให้เห็นปลอกแขนของเขา
หลังจากนั้น โหวจื่อเซวียนก็พาทุกคนเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วพูดขึ้นว่า “ยังมีใครจะเอาปลอกแขนไหม? มีตั้งแต่ 5 ดอลลาร์แคนาดาไปจนถึง 50 ดอลลาร์แคนาดา ทุกคนเลือกได้ตามใจชอบเลย มี S.A.S มีมอสสาด มีเดลต้าฟอร์ซ มีเนวีซีล โอ้ว ใช่กองทหารของจีนเราก็มีนะ เสือดาวหิมะ ดาบทางใต้ มีหมดทุกอย่าง”
ทุกคน “แม่ง”
หม่าจิน “แม่ง อย่างเยอะ!”
“ออกใบเสร็จได้ด้วย” หวงเฮ่าเจียพูดเสริม “นอกจากนี้แล้วทุกคนเป็นเพื่อนบ้านเดียวกันหมด ซื้อเยอะลดเยอะ ผมลดให้พวกคุณได้เลย 20% ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ อยากได้อะไรก็ซื้อเลย”
เหมาเหว่ยหลงมองไปที่เพื่อนร่วมชั้นที่มีสีหน้าหมองคล้ำด้วยความสงสาร “มีดของหวงครั้งนี้แทงได้เจ็บมาก”
แต่ทว่าการฝึกฝนในวันนี้ได้ผลดีมาก เพราะวันที่สองตอนที่จะเตรียมขึ้นเขา ทุกคนใส่เสื้อแจ็คเก็ตลายพราง แบกเป้ขึ้นเขาเหมือนกัน จิตวิญญาณแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก
ฉินสือโอวถือคันธนูของเขาตามปกติ เขาเอาปืนกลเบาเบรนและ A-15 ให้กับอีวิลสัน พาหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอไปด้วย บนบ่ายังมีบุช นิมิตส์ และแคลร์ เดินเปิดทางอยู่ด้านหน้า
เขายังแบกปืนไว้อีกหนึ่งกระบอกซึ่งเป็น AWP ขึ้นชื่อ ครั้งนี้เขาคิดไว้ดีแล้ว หากมีโอกาสเจอครอบครัวอินทรีทอง เขาจะใช้ปืนไรเฟิลฆ่าพวกมันทั้งหมด ครั้งที่แล้วที่เจอการโจมตีของอินทรีทองในทะเลยังคงทิ้งความกลัวให้เขาอยู่ภายในใจจนถึงตอนนี้
เขาไม่ได้กลัวว่าอินทรีทองจะโจมตีตัวเอง แต่กลัวว่ามันจะโจมตีเสี่ยวเถียนกวา!
พอหู่จือและเป้าจือขึ้นเขาก็ทำเหมือนเคย ออกไปล่ากระต่ายสโนว์ชูตัวอวบอ้วนกลับมาก่อน
ในที่สุดหัวหน้าห้องจงต้าจวิ้นที่เงียบขรึมก็เอ่ยปาก ดวงตาของเขาเป็นประกาย “เพื่อนฉิน หมาสองตัวนี้ที่นายเลี้ยงไว้นี่ไม่เลวจริงๆ มันเรียกว่าอะไรนะ? กลับไปฉันจะไปเลี้ยงบ้าง”
“สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก” ฉินสือโอวลูบไปที่หัวเจ้าสองตัวตอบด้วยความภาคภูมิใจ เหมือนพ่อที่กำลังชมลูกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
อีวิลสันยกกระต่ายสโนว์ชูขึ้นมาคว่ำไปมา ปรากฏรอยยิ้มเรียบง่ายบนใบหน้า “สองชาม”
เฉินเหลยที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความสงสัยว่า “แปลว่าอะไร สองชาม?”
ฉินสือโอวอธิบายว่า “อีวิลสันหมายถึงกระต่ายตัวนี้สามารถเอามาต้มเนื้อได้สองชาม ทุกคนรีบหน่อย เดี๋ยวพวกเราจะไปล่าหมูป่ากัน วันนี้ตอนกลางวันพวกเรากินหมูป่าย่างดีไหม?”
ทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มมีพลังกลับมา เฉินเหลยพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เชี่ย เมื่อก่อนเห็นไอ้ฉินมันโชว์อยู่ในไทม์ไลน์ คราวนี้พวกเราจะได้ออกล่าหมูป่ากันจริงๆ ละ เดี๋ยวพอล่าออกมาได้ใครก็ไม่ต้องแย่งฉันทั้งนั้น เข้าใจไหม?”
จำนวนของหมูป่าบนเทือกเขาเคอร์บัลเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุเพราะว่าเทศบาลท้องถิ่นได้ดำเนินการเลี้ยงหมูป่าเทียม ปีนี้นักท่องเที่ยวมีมาก ถ้าไม่เลี้ยงเทียมแล้วปล่อยให้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ก็จะตามไม่ทันจำนวนของนักล่าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อให้เทศบาลจะกำหนดปริมาณจำกัดในการล่าสัตว์ต่อนักท่องเที่ยวแล้วก็ตาม
นี่ก็คือความเก่งกาจของคนจีน เมื่อก่อนไม่มีนักท่องเที่ยว จำนวนของหมูป่ามีมากเกินจนเกิดเป็นเหตุเภทภัย ทุกปีเมื่อถึงฤดูหนาวพวกชาวประมงจะต้องผลัดกันป้องกันไม่ให้หมูป่าลงมาจากเขา ปรากฏว่าใช้เวลาอยู่สองปี จำนวนหมูป่าก็อยู่ในอันตรายเสียแล้ว…
เป็นครั้งแรกที่คนทั้งกลุ่มขึ้นเขาเคอร์บัล ดังนั้นพอเห็นอะไรก็สงสัยใคร่รู้ไปหมด
เทือกเขาเคอร์บัลในฤดูใบไม้ร่วงช่างงดงามและอุดมสมบูรณ์ มีต้นเชอร์รี่ขึ้นแซมเป็นระยะๆ ในกลุ่มวัชพืชตามทาง ใบเมเปิลทั่วทั้งเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม ลมทะเลพัดหวิว ส่งเสียงสวบสาบ ในบางครั้งก็เห็นต้นสนยักษ์ที่ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า เป็นระบบนิเวศวิทยาแบบดั้งเดิม
เดินไปบนพื้นดินที่ราบเรียบ ไม่มีสัตว์ร้ายออกหาล่าเหยื่อแถวนี้ ทุกคนสามารถเก็บผลเบอร์รี่กินได้ ซึ่งไม่มีพิษ และเป็นธรรมชาติมาก แค่เอามาเช็ดนิดหน่อยก็สามารถกินเข้าปากได้
กินบลูเบอร์รีที่สามีเด็ดมาให้ ซ่งจวินเหมยมองไปรอบข้างแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ฉิน ไม่น่านายถึงย้ายถิ่นมาอยู่ที่นี่ ที่นี่สวยมากจริงๆ เหมือนกับสวรรค์เลย”
ฉินสือโอวยิ้ม “เดินขึ้นไปบนภูเขาอีก จนถึงทางลาด นั่นแหละคือสวรรค์จริงๆ”
ในขณะที่เขาพูดอยู่ ฝูงนกอวบอ้วนตัวสีแดงก็โบยบินมา ห้อยหัวส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว
หม่าจินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “โอว นี่ไม่ใช่นกขี้โมโหเหรอ?”
ฉินสือโอวแนะนำว่า “นี่คือนกนอร์ธเธิร์น คาร์ดินาล เป็นนกประจำถิ่นประเภทหนึ่ง พวกมันหวงอาณาเขตของตัวเองมาก ถ้าใครรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของมันก็จะต่อต้าน นิสัยรุนแรง ถ้าบอกว่ามันเป็นนกขี้โมโหก็ไม่ผิดหรอก”
เขาเพิ่งพูดจบได้สักพัก นกน้อยตัวหนึ่งก็เดินเป็นวงกลมอยู่บนหัวของหม่าจิน หลังจากนั้นขี้นกของตกลงบนหน้าผากของหม่าจินดัง ‘แปะ’
ตอนนี้หม่าจินแทบคลั่ง เฉิยเหลยที่เดินอยู่ด้านหลังเขาหัวเราะเสียงดัง “เชี่ย ไอ้หม่านายน่าสมเพชจริง นี่เรียกว่าอะไรดี? ขี้นกนำโชค?”
คนอื่นๆ ก็หัวเราะเช่นกัน แต่หัวเราะได้ไม่เท่าไรก็หัวเราะไม่ออก เพราะว่าฝูงนกขี้โมโหพวกนี้กำลังบินไปแล้วก็ปล่อยขี้นกออกมา เหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ทิ้งระเบิดลงมา ทุกคนต่างคลุมหัวตัวเองวิ่งหนีกันใหญ่
เหมาเหว่ยหลงยกปืนขึ้นแล้วถาม “ยิงปืนขู่พวกมันดีไหม?”
ฉินสือโอวห้าม หลังจากนั้นก็เป่านกหวีดขึ้นมา เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ร่างสองร่างไม่ไกลออกไปโผล่ออกมาจากในพุ่มไม้ บินมาหาด้วยความเร็วสูงดุจสายฟ้า กระพือปีกเหล็กของมันจนพวกนกคาร์ดินาลแดงตกใจกลัววิ่งพล่านไปทั่วทุกทิศ
หลังจากแคลร์ไล่นกคาร์ดินัลแดงไปได้ก็บินไปอยู่ด้านหน้าฉินสือโอว กรงเล็บที่หยาบกร้านของมันหนีบไก่ป่าตัวหนึ่งไว้อยู่ ดูลักษณะแล้วค่อนข้างอวบอ้วน อย่างน้อยก็น่าจะมีสองกิโลกว่าได้
พวกสัตว์ต่างๆ ได้เหยื่อมาไม่น้อย แต่คนกลุ่มนี้กลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง เก็บได้เพียงผลเบอร์รี่หนึ่งถุง จึงทำให้รู้สึกอับอายขึ้นมา จึงส่งเสียงโหวกเหวกขึ้นมา “ล่าสัตว์! ล่าสัตว์!” “พวกเราแยกกัน เป็นสองฝั่ง จะต้องล่าหมูป่ากวางป่าให้ได้!”
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset