ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1369 ลงยันต์จับปลา

มองฝูงกวางที่หายเข้าไปในป่า ฉินสือโอวก็ทอดถอนใจว่า “ดูท่าแล้ว ฉันจะไม่มีลาภปาก”
เป้าจือยังคงตื่นตัวอยู่ตรงนั้น พอเห็นแพะป่าวิ่งหนี มันก็อ้าปากร้องเห่าโฮ่งๆ ลักษณะท่าทางเหมือนไม่พอใจ ราวกับว่าถ้าฉินสือโอวสั่งมันสักคำมันจะไล่ล่าไปเดี๋ยวนั้นเลย
ฉินสือโอวเบะปาก พูดกับมันว่า “โอเคล่ะ ไม่ต้องตามแล้ว ดูขาสั้นๆ ของแกสิ ถ้ากลิ้งลงไปจากเขาจะทำยังไง?”
ถ้าเป็นพื้นเรียบ เป้าจือสามารถไล่ตามฝูงแพะป่าได้สบาย แต่บนเขาไม่ใช่ถิ่นของมัน แพะป่าสามารถกระโดดไปมาบนโขดหินขรุขระได้ดี ดังนั้นพวกมันจึงสามารถใช้ชีวิตบนภูเขาได้ดี แม้แต่หมาป่าเองในบางครั้งก็รู้สึกทนไม่ได้กับพวกมัน
เดินวนรอบภูเขาไปอีกรอบ ครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไปนอกจากล่ากระต่ายป่าได้สองสามตัวกับไก่ฟ้าสีทองก็ไม่สามารถล่าอะไรอย่างอื่นได้อีก ฉินสือโอวรู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อมองไปด้านหลังแล้วเห็นเพื่อนกลุ่มสมัยเรียนเหนื่อยหอบ เขาจึงทำได้แค่พาทีมไปริมแม่น้ำ
“นี่เชื่อถือได้ใช่ไหม?” หม่าจินถามไปหอบไป
ฉินสือโอวบอกว่า “รอเหยื่อมาหา เชื่อถือได้แน่นอน เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะไม่ดื่มน้ำ”
แล้วก็เป็นจริงดั่งคาด ผ่านไปไม่นานก็มีสัตว์ป่าโผล่มา แถมพวกเขายังโชคดีมากๆ ด้วย เพราะเป็นฝูงกวางหางขาวฝูงหนึ่งและกวางอูฐคู่หนึ่งที่มีเขาใหญ่บนหัวมันเดินมาจากในป่าอย่างสบายๆ มาที่ริมน้ำ
พอเห็นเขาใหญ่บนหัวของกวางอูฐ หม่าจินและคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นมาก รีบยกปืนอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายเล็งเป้าไปที่กวางอูฐ
ฉินสือโอวโบกมือเพื่อบอกพวกเขาเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งรีบทำอะไรลงไป หลังจากนั้นก็กระซิบบอกว่า “อย่า อย่ายิงไปที่กวางอูฐสองตัวนั้น ให้ยิงไปที่กวางหางขาว”
เฉินเหลยพูดขึ้น “กวางอูฐหัวทั้งใหญ่เนื้อก็เยอะ แล้วอีกอย่างนายดูเขากวางใหญ่นั่นของพวกมัน น่าจะมีถึง 10 กิ่ง? เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นกวางป่าแบบนี้”
ฉินสือโอวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เนื้อเยอะพวกเราก็กินไม่หมด ทั้งหมดแล้วมีกี่คนเอง? 14 คนใช่ไหม? แล้วอีกสักพักต้องไปล่าหมูป่าอีก กินเนื้อเยอะแยะขนาดนั้นได้ยังไง? ยิงไปที่กวางหางขาวฝูงนั้นดีกว่า แล้วต้องเป็นกวางขนาดใหญ่ระดับหนึ่งด้วย อร่อยที่สุด”
นอกจากเหตุผลที่ว่าหัวของกวางอูฐมีขนาดใหญ่ เนื้อเยอะเกินไปกินไม่หมด เสียดายของแล้ว การที่ฉินสือโอวเลือกกวางหางขาวอีกเหตุผลหนึ่งก็คือปัญหาของจำนวนของกวางหางขาวในเทือกเขาเคอร์บัลที่มากเกินไป จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่เกาะแฟร์เวล ทั้งแคนาดาหลายต่อหลายที่จำนวนกวางหางขาวมีมากจนล้น
อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี อะไรที่แพร่พันธุ์มากจนเป็นภัยพิบัติย่อมไม่ก่อผลดีทั้งนั้น  การแพร่ขยายพันธุ์ของกวางหางขาวอาจทำให้เกิดการแย่งอาหารของสัตว์ชนิดอื่น และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ พวกมันสามารถแพร่กระจายศัตรูพืชและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ที่ร้ายแรงที่สุดคือการแพร่ระบาดของโรคระบาดทุกๆ ฤดูหนาว ผู้คนในแคนาดาจะติดโรคลายม์จากกวางหางขาว
ดังนั้นจึงมีปรากฏการณ์แปลกๆ ในแคนาดา นั่นคือสัตว์ป่าบางชนิดต้องมีนโยบายในการลดจำนวนของพวกมัน อย่างเมื่อก่อนคือหมาป่าสีเทา และปัจจุบันคือกวางหางขาวและกระต่ายเทา
ฉินสือโอวจำได้ตอนที่เขาดูข่าวเมื่อปีที่แล้ว กรมอุทยานแห่งชาติของแคนาดาจัดสรรเงิน 1.8 ล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อรับสมัครนักล่าสัตว์เพื่อทำการล่ากวางหางขาวสามตัว
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ตามกฎหมายและข้อบังคับของแคนาดาที่เกี่ยวข้อง คนธรรมดาไม่สามารถล่ากวางในอุทยานได้ ดังนั้นจำนวนของพวกมันจึงเพิ่มขึ้น อย่างที่ราบแพร์รีแคนาดามีความหนาแน่นของกวางถึง 230 ตัวต่อตารางไมล์ ซึ่งค่าปกติคือ 15 ถึง 20 ตัวต่อตารางไมล์ เมื่อจำนวนยิ่งมากจะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ต่อพืชพรรณ
แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนกวางอูฐกลับช้า จึงไม่ได้เป็นวิกฤตในเรื่องของจำนวน
ฉินสือโอวไม่ยอมให้ทุกคนยิงโดยตรงเลย เขาบอกว่าเขาขอหาที่ซ่อนก่อน และรอจนเขาส่งสัญญาณในเครื่องรับส่งวิทยุ หม่าจินและคนอื่นๆ ค่อยยิงออกไป
 เขาพาเป้าจืออ้อมไปที่ต้นน้ำอย่างรวดเร็ว พอเป็นแบบนี้เมื่อหม่าจินและคนอื่นๆ ที่อยู่ทางปลายน้ำยิงปืน โดยพื้นฐานแล้วไม่น่าโดนกวางหางขาว พอฝูงกวางตกใจก็จะวิ่งไปทางต้นน้ำ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ยิงได้
เพื่อให้ทุกคนสนุกสนาน ฉินสือโอวก็เหนื่อยไม่น้อย
ฝูงกวางจะหยุดอยู่ริมน้ำดื่มน้ำโดยใช้เวลาค่อนข้างนาน นอกจากจะดื่มน้ำแล้วพวกมันยังเล่นน้ำด้วย แม้กระทั่งทำความสะอาดปรสิตตามร่างกาย ดังนั้นเมื่อเห็นกวางที่มีขนเปียกอย่าไปยุ่งด้วยเป็นอันขาด เพราะกวางพวกนี้จะมีปรสิตและแบคทีเรียอยู่เยอะที่สุด เพราะพวกมันเพิ่งล้างตัวมาจากในน้ำ
เมื่อรอเขาซุ่มโจมตีเสร็จ เขาก็ออกคำสั่ง ฝั่งตรงข้ามเสียงปืนดังขึ้นทันใด แล้วยังยิงรัวๆ ราวกับต้องการให้มันตายหมด ฉินสือโอวยังได้ยินเสียงร้องแปลกๆ ของเฉินเหลยและหม่าจินอีกด้วย
ฝูงกวางถูกทำให้ตกใจกลัวดั่งที่ฉินสือโอวคาดการณ์ไว้ พวกมันวิ่งไปตามกระแสน้ำตามสัญชาตญาณแล้วจึงค่อยเลี้ยวเข้าป่าไป
ฉินสือโอวเห็นฝูงกวางที่กำลังจะวิ่งเข้าไปในป่าพอดี เมื่อเขาเลือกตัวที่จะยิงได้ ก็ยืนขึ้นมาทันที ดึงคันธนูออกโค้งเหมือนพระจันทร์เต็มดวง เมื่อปล่อยมือ ลูกธนูดัง ‘ฟิ้ว’ ปลิวออกไปไกล พุ่งผ่านด้านข้างทะลุไปที่คอของกวางตัวใหญ่ประมาณหนึ่ง
ฝูงกวางไปแล้วไม่กลับมา เพียงพริบตาเดียวก็หายตัวไปหมด เหลือเพียงกวางป่าตัวหนึ่งที่พยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายแล้วก็ตายจากไป
หม่าจินและคนอื่นๆ ตามมาจากทางด้านหลัง ฉินสือโอวพอเห็นลักษณะที่พวกเขาถือปืนก็ตกใจ “พวกนายทำอะไรกันอยู่? เก็บปืนให้เรียบร้อย เชี่ยพวกนายไม่กลัวปืนลั่นหรือไง?”
เฉินเหลยยิ้มเยาะ “แม่งเอ๊ย เมื่อกี้เล็งไม่ดี ทำให้ฝูงกวางหนีไปหมดเลย เหอๆ โชคดีที่มีนายอยู่”
ฉินสือโอวโบกมือ เพื่อบอกให้คนทั้งกลุ่มช่วยกันมัดกวางตัวนี้ขึ้นมา ใช้ไม้ดามไว้แล้วเดินไปด้านหลัง
ขณะที่เดินทาง เฉินเหลยก็นำทีมและเริ่มตะโกนว่า ‘พระราชาเรียกข้าไปลาดตระเวนบนภูเขา’ คนอื่นพอได้ยินเขาตะโกนแล้วก็รู้สึกสนุกตามไปด้วย จึงตะโกนตาม เสียงมีขึ้นมีลง ตะโกนไปตลอดทาง
ฉินสือโอวกลับไป แล้วค้นพบว่ากลุ่มของเหมาเหว่ยหลงและคนอื่นๆ ตกได้แค่ปลากะพงดำปากใหญ่สองตัวและปลาไพค์อีกสองตัว ซึ่งทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก จึงถามขึ้น “พวกนายจะทำอะไรกิน หายไปตั้งนานจับมาได้แค่ปลาไม่กี่ตัว?”
เหยียนตงพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ตกในแม่น้ำนะ นายนึกว่าเป็นฟาร์มปลาของนายหรือไง มีปลาเยอะขนาดนั้นที่ไหนล่ะ?”
สถานที่ที่พวกเขาตกปลาฉินสือโอวตั้งใจเลือกไว้ ลำห้วยส่วนใหญ่บนภูเขาทั้งตื้นและแคบ ตรงกลางภูเขามีมุมอยู่มุมหนึ่งที่กลายเป็นอ่างเก็บน้ำเล็กๆ ในนั้นมีปลาอยู่ไม่น้อย
เขาใช้จิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนตรวจดู ก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่ามีปลาดุกว่ายไปมาอยู่ตรงริมฝั่ง
ปลาดุกเป็นชื่อเรียกทั่วไปของคนแคนาดา ฉินสือโอวก็ลืมแล้วว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์คืออะไร อย่างไรก็ตามมันเป็นปลาตัวใหญ่ที่พบเห็นได้น้อยในกลุ่มปลาน้ำจืด ปลาที่นี่หลายตัวมีขนาดยาวครึ่งเมตรกว่า
ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและโหดเหี้ยมตอนที่ออกล่าเหยื่อ มันชอบกินปลาขนาดเล็ก ดังนั้นจึงสามารถโตจนมีขนาดตัวที่ใหญ่ได้ขนาดนี้ แต่นี่ก็หมายความว่าพวกมันเหมาะกับที่จะตกปลาด้วยวิธีเดียว
ดังนั้นฉินสือโอวจึงหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า “ตัวเองแพ้ก็ยอมรับมา ไม่ต้องอ้างเหตุผล ฉันถ้าตกปลาที่นี่ไม่ต้องใช้คันเบ็ดด้วยซ้ำ ทำยังไงดีล่ะ? แล้วเป็นปลาตัวใหญ่ด้วย!”
“ไร้สาระ” เหยียนตงหัวเราะใหญ่
ฉินสือโอวชี้ไปที่เขา “พนันไหมล่ะ ทุกคนเป็นพยาน”
ขณะที่พูดไป เขาก็นั่งยองๆ ที่ริมฝั่งแล้วเอามือค่อยๆ กวักไปมาบนผิวน้ำ ทุกคนไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร เฉินเจี้ยนหนานพอเห็นก็หัวเราะใหญ่ “นี่กำลังร่ายมนตร์อยู่มั้ง”
เหยียนตงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่ายุ่งนะ พี่ฉินโซ่วกำลังลงยันต์ รู้เปล่าลงยันต์จับผี? พี่ฉินโซ่วลงยันต์จับปลาได้…”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็เอื้อมมือลงไปจับอย่างรวดเร็ว เสียงดัง ‘ซู่’ ตอนเขาชูมือขึ้นมาในมือเขาก็คือปลาดุกยาวครึ่งเมตรกว่าจริงๆ ด้วย!
”เชี่ย!” ทุกคนจ้องด้วยความตะลึง
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset