ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1372 ฉงต้าแสนฉลาด

วินนี่ที่กำลังอุ้มเสี่ยวหมิงและแสดงความรักกับมันอยู่นั้นก็มองเขาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “ทำไมถึงเดาแบบนั้นล่ะ? หลังจากศาสตราจารย์แซนเดอร์สเข้าไปดูเธอใกล้ๆ สักพัก ก็พูดกับฉันว่าเธอดูเหมือนจะตั้งท้องเหมือนกัน”
แซนเดอร์สพูดแปลกๆ ว่า “ผมแค่เดา ยังไม่แน่ใจ แต่พอได้ยินบอสพูด ดูเหมือนว่าจุดอ่อนอาจจะอยู่ตรงนี้?”
ผู้คนรอบๆ ตัวจึงต่างพากันมองมาที่ตัวเขาเองด้วยสายตาสงสัย ฉินสือโอวตกใจ สมองจึงประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและหัวเราะตอบสนองออกมาทันที “ผมก็เดาเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะตั้งท้องจริงๆ เพราะตอนที่วินนี่ตั้งท้องเสี่ยวเถียนกวา ปฏิกิริยาของเธอก็เหมือนกับราเชล คืออ่อนไหว หงุดหงิด วิตกกังวลและไม่ชอบเข้าสังคม”
แซนเดอร์ส ฮานี่ย์และคนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะขึ้นมาอย่างตั้งใจ วินนี่ก็หัวเราะเช่นกัน เธอทั้งหัวเราะและพูดกับฉินสือโอวว่า “ที่รัก ที่แท้ตอนที่ฉันตั้งท้องก็ได้ทิ้งความประทับใจแบบนี้ไว้กับคุณเองหรอกเหรอ? ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย หลังจากกลับถึงบ้านต้องคุยกับคุณจริงๆ จังๆ แล้ว”
ทุกคนหัวเราะดังขึ้น ฮานี่ย์ขยิบตาให้ฉินสือโอวและพูดว่า “จากประสบการณ์ของผม เมื่อไรที่ภรรยาของคุณพูดแบบนี้ จะต้องเกิดสงครามขึ้นในบ้านแน่นอน”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อน “ไม่ๆ วินนี่เป็นผู้หญิงที่ดี มีเหตุผล ครอบครัวของฉันจึงสงบสุขมาตลอด”
วินนี่ส่ายหัวปฏิเสธทันทีว่า “ไม่หรอกที่รัก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี แต่ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาที่ดีของคุณไม่ใช่เหรอ?”
“แน่นอน!” ฉินสือโอวพยักหน้าเหมือนทุบกระเทียม
มือซ้ายของวินนี่อุ้มเสี่ยวหมิงส่วนมือขวาก็จับฉินสือโอวไว้ เธอมองไปที่ฮานี่ย์ที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ครอบครัวของเราสงบสุขมาก ฉินเป็นผู้ชายที่ดีมาก เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับฉัน เราเป็นครอบครัวที่โชคดี…”
“ถูกต้องแล้ว พ่อ พระอาทิตย์ขึ้นแล้วพระจันทร์กลับบ้านแล้วใช่ไหม? ไม่นะ ดวงดาวออกมาแล้วดวงอาทิตย์จะไปอยู่ที่ไหน? บนท้องฟ้า ฉันหาอย่างไรก็หามันไม่เจอ? กลับบ้านแล้ว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวเป็นสิ่งมงคล…”  ฉินสือโอวร้องเพลงสลับน้ำเสียงไปมา
กลุ่มคนใช้สายตาใช้สายตาแปลกประหลาดใจมองไปที่เขา วินนี่จึงถามอย่างลังเลว่า “ที่รัก นี่คุณกำลังทำอะไร?”
ฉินสือโอวจึงพูดอย่างมั่นใจว่า “ ‘มงคลไตรรัตนะ’ ไง คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเราเป็นครอบครัวที่โชคดี?”
วินนี่ “…”
ฉินสือโอวโบกมือและพูดว่า “เอาล่ะ ไม่ล้อเล่นแล้ว เรามาปรึกษาปัญหาเรื่องราเชลกันดีกว่า เธอน่าจะท้องหรือเปล่า? ใช่ไหม?”
 “ช่วงแรกของการตั้งท้องลูกโลมา จะมองไม่ออก สามารถทำได้แค่ตรวจผ่านอัลตร้าซาวด์บีเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงทำได้แค่รอเวลาตรวจผลเท่านั้น” แซนเดอร์สกล่าว
แต่เครื่องอัลตร้าซาวด์บีชนิดนี้มีจำหน่ายเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น ฉินสือโอวเห็นว่าโอดอมก็อยู่ จึงถามว่า “เฮ้ คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
โอดอมยิ้มเจื่อนๆ “พวกเขาบอกว่ามีปลาโลมาป่วย แต่ไม่มีสัตวแพทย์ในเมือง จึงทำได้เพียงให้คนไม่รู้เรื่องอย่างผมมาดู อันที่จริง ผมต้องเสียใจด้วย เหมือนว่าผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก”
 “ถ้าอย่างนั้นมีวิธีตรวจโลมาด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์บีไหม?” ฉินสือโอวกล่าว
โอดอมพูดว่า “จะต้องใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์บีใต้น้ำ แต่เครื่องอัลตร้าซาวด์บีที่ใช้สำหรับคนยังไม่มีใช้ในเมืองของเราเลยด้วยซ้ำ ใต้น้ำก็อย่าหวังเลย นอกจากนี้ ผมเดาว่าทั่วทั้งเซนต์จอห์นก็ไม่น่าจะมีหรือเปล่า? ดังนั้นจึงต้องไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่เท่านั้น”
เมื่อได้ยินโอดอมพูดแบบนั้น ฉินสือโอวถอนหายใจและพูดว่า “ดูเหมือนว่าโรงพยาบาลชุมชนของเราจะขาดแคลนเครื่องอัลตร้าซาวด์เป็นจำนวนมาก”
โอดอมมองออกไปและพูดว่า “ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นแค่โรงพยาบาลชุมชนเท่านั้น”
ฉินสือโอวตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเอง”
“บอส ถึงจะมีเครื่องอัลตร้าซาวด์บีใต้น้ำก็ใช้ไม่ได้ สิ่งนี้ไม่เหมาะกับโลมา สัญญาณจากอัลตราซาวนด์บีเป็นเสียงความถี่สูงและโลมาสามารถได้ยินมันได้ เสียงของอัลตราซาวนด์เป็นสิ่งที่อันตรายต่อโลมา” แซนเดอร์สกล่าว
“แล้วจะทำอย่างไรล่ะ? จะให้รอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ไปตลอดคงไม่ได้หรอกจริงไหม?” ฮานี่ย์พูดอย่างกลุ้มใจว่า “ถ้าป่วยจริงๆ คงรับการรักษาได้ไม่ทัน มันจะยิ่งไม่ลำบากเหรอ?”
“เราทำได้แค่สังเกตการณ์เท่านั้น แต่คุณต้องบันทึกรายละเอียดและแบ่งเป็นรอบๆ ถ้าสถานการณ์ของราเชลยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็จะสามารถยืนยันการคาดเดานี้ได้ นอกจากนี้ ฉันจะติดต่อศูนย์วิจัยชีววิทยาทางทะเลโตรอนโตและขอให้พวกเขาส่งผู้เชี่ยวชาญด้านโลมามาตรวจวินิจฉัย” วินนี่กล่าว
ตอนนี้ไม่มีการตัดสินใจที่ดีไปกว่านี้แล้ว ต้องทำแบบนี้เท่านั้น
ฉินสือโอวจึงกลับไปเตรียมตัว เขาหันกลับไปและเห็นฉงต้าก็ลงจากรถเช่นกันและมันกำลังนอนอยู่บนท่าเรือมองดูปลาโลมาอย่างเคลิบเคลิ้ม มีคนถ่ายรูปอยู่รอบๆ ตัวมันและยังมีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาหาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ให้เพื่อนถ่ายรูปให้
วินนี่คิดว่าฉงต้าได้ค้นพบอะไรบางอย่าง จึงเดินไปดูและพบว่าเจ้าตัวนี้ขมวดคิ้ว ทำหน้าอ้วนมองไปที่โลมาที่นักท่องเที่ยวให้อาหารพร้อมกับสีหน้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ฉินสือโอวผลักฉงต้าให้ออกไป แต่ฉงต้ากลับนั่งลงติดกับพื้นและเงยหน้าขึ้นมองเขา จากนั้นจึงทำตาหยีและแบะปากออกมาเหมือนกับว่ากำลังยิ้มอยู่
เหตุการณ์นี้ทำให้ฉินสือโอวสับสน นี่มันอะไรกัน? เจ้าตัวนี้ยังทำท่ายิ้มได้อีกเหรอ?
หลังจากคิดดูแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าฉงต้าอาจจะทำตัวดีใส่เขา เขาจึงหัวเราะ หลังจากหัวเราะแล้วเขาก็ดึงฉงต้าให้ลุกขึ้นยืนและจากไป
ฉงต้าทำเสียงพึมพำพร้อมกับลุกขึ้นยืนและกดไหล่ของฉินสือโอวลงแล้วมองไปที่เขา มันยังคงทำตาหยีและแบะปากที่ดูเหมือนกำลังยิ้มอยู่อย่างต่อเนื่อง
“โอเค ฉันรู้ว่าแกเป็นเด็กดี รอยยิ้มอันแสนหวานนี้ฉันก็เห็นแล้วโอเคไหม? เราควรจะกลับบ้านกันได้แล้ว” ฉินสือโอวกล่าว
เมื่อฉงต้าเห็นว่าเขากำลังจะไป จึงรีบนั่งลงและเหยียดอุ้งเท้าอวบอ้วนออกมากอดขาของเขาไว้พร้อมกับส่งเสียงครวญครางลำคอ ขมวดใบหน้าอันอ้วนกลมขึ้นและทำดวงตาเศร้าสร้อย ดูท่าทางเหมือนกำลังน้อยใจ
เดิมทีความสนใจของนักท่องเที่ยวรอบๆ จะมุ่งไปที่ฉงต้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังทำตัวขี้อ้อนน่ารักๆ เรียกความสนใจเหมือนกับปืนกลของศัตรูที่ถูกค้นพบและอำนาจการยิงทั้งหมดก็กลับมาเป็นของตัวเอง
มีคนพูดขึ้นว่า “หมีตัวนี้น่ารักมาก ฉันอยากถ่ายรูปโพสต์ลงเวยป๋อ”
“ถ้าโพสต์ลงเวยป๋อ ต้องถ่ายใกล้ๆ หน่อยสิถึงจะสวย แล้วใช้รูปหมีอ้วนตัวนี้เป็นรูปประจำตัวด้วยนะ ต้องมีคนชอบมากแน่ๆ”
ฉินสือโอวอยากจะออกไปแต่ก็ออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากวินนี่ วินนี่จึงเดินเข้ามานั่งยองๆ ลงและลูบหน้าผากของฉงต้า แล้วพูดปลอบโยนว่า “เอาล่ะๆ ฉงต้าเด็กดี เรากลับบ้านกันก่อนนะ…”
เมื่อเห็นวินนี่กำลังมา ฉงต้าก็ทำตาหยีพร้อมแบะปากทำท่าทางเหมือนกับกำลังยิ้มให้วินนี่
“หมายความว่าอะไร?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
วินนี่มองไปที่ฉงต้า จากนั้นก็มองไปที่โลมาปากขวดที่ลอยอยู่บนผิวน้ำต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาให้อาหาร ทันใดนั้นเธอก็ทำท่าทางโต้ตอบและพูดว่า “มันเรียนรู้ท่าทางจากโลมา ถึงยิ้มออกมาแบบนั้น แล้วก็อยากจะกินด้วยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวคิดอยู่พักหนึ่งว่านี่มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอ แม้ว่าฉงต้าจะค่อนข้างไร้เดียงสาแทบจะตลอดเวลา แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับการกินดื่มนอนและความขี้เกียจแล้ว มันก็ฉลาดขึ้นมาได้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวบางคนได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง หญิงสาวคนหนึ่งจึงเดินเข้ามาใกล้ๆ อย่างระมัดระวังและยื่นน้ำเชื่อมเมเปิลสีส้มให้พวกเขา แล้วพูดว่า “พวกคุณลองให้อาหารมันดูไหม?”
ไม่ต้องลองหรอก แค่เห็นน้ำเชื่อมเมเปิล ดวงตาของฉงต้าก็กลมโตสดใสขึ้นทันที มันก็ปล่อยอุ้งเท้าอันอวบอ้วนที่กอดขาของฉินสือโอวออกแล้วคลานไปยิ้มให้กับหญิงสาวคนนั้น
ไม่นานกลุ่มนักท่องเที่ยวก็กระเจิงออกมา พวกเขาแทบทุกคนต่างพากันกำลังส่งเสียงร้องตะโกนว่า “เจ้าหมีตัวนี้นี่จะฉลาดอะไรขนาดนี้นะ?!”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset