ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1373 ฟักทองลูกใหญ่เหล่านั้น

นักท่องเที่ยวพากันพกของกินมาด้วย เมื่อเห็นฉงต้าแสนน่ารัก จึงหยิบขนมออกมาให้มันกิน
ฉงต้ารู้สึกตื่นเต้นทันที จากเดิมที่ดวงตากลมเล็กอยู่ก็หรี่ตาพร้อมกับแบะปากยิ้มตลอดเวลา จากนั้นก็รีบกินอาหารที่อยู่ในอุ้งเท้าให้หมดอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวจนปัญญา จึงทำได้แค่ยิ้มรับพร้อมขอบคุณนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า “เจ้าหมีของเรากำลังลดน้ำหนักอยู่ ขอบคุณสำหรับความรักและความเอ็นดู กรุณาอย่าให้ขนมมันอีกเลย มันไม่รู้ว่าอิ่มแล้ว ถ้ากินมากเกินไปอาจจะทำให้มันแน่นเกินไปได้”
ฉงต้ากำลังกินอย่างมีความสุข สำหรับคำพูดนี้มันจึงแสดงออกได้เพียงเท่านี้ แย่จริงๆ ฉงต้าไปปีนเขาเป็นเพื่อนนายสองวัน ทั้งขึ้นทั้งลง บนเขาไม่มีเนื้อสัตว์ที่เหมาะกับความอยากอาหารของฉงต้าเลย มีแค่ผลไม้ให้กินแล้วตอนนี้จะหิวบ้างไม่ได้เหรอ?
ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาเห็นฉงต้าไม่ยอมไป จึงลากมันออกไปแทน ฉงต้านั่งลงบนพื้นอย่างไม่พอใจและทำท่าทางออดอ้อน ฉินสือโอวโกรธและต้องการที่จะทำให้มันกลัว แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่โยนมันลงในทะเล ซึ่งเป็นการทำร้ายจิตใจอันอ่อนไหวและเปราะบางของมัน เขาจึงลังเลอีกครั้ง
ฉงต้าเห็นว่ามีโอกาส จึงดื้อไม่ยอมมากขึ้นเรื่อยๆ มันนอนลงบนพื้นและเริ่มกลิ้งไปมา จากนั้นกล้องถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นและมีคนอุทานอย่างต่อเนื่องว่า “พระเจ้า ความฉลาดของเจ้าหมีตัวนี้นี่สุดยอดจริงๆ!” “ใครบอกว่าหมีโง่ฉันจะตีเขาให้ตายเลย!”
สุดท้าย แขนของเขาก็ยังไม่สามารถดึงต้นขาของมันได้ ฉินสือโอวจึงขับรถมาและเอาฉงต้ายัดเข้าไปในรถ ปิดประตูและขับออกไป ฉงต้ายื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่พอใจพร้อมกับมองดูขนมในมือของนักท่องเที่ยวแล้วกรีดร้องอย่างหมดหวัง…
หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉงต้าก็เริ่มไม่พอใจฉินสือโอว มันไม่สนใจฉินสือโอวอีกครั้ง จึงวิ่งไปหาพ่อฉินและแม่ฉิน ชาวประมงและพวกเด็กๆ สุดท้ายเมื่อเห็นพวกเขามันก็ฉีกยิ้มให้ทันที
แต่คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นฉงต้าจึงทำไปเสียแรงเปล่า มันทำตัวน่ารักเปล่าประโยชน์และไม่ได้กินอะไรเลย
แต่ใช้เวลาไม่นาน ก็มีคนเข้าใจว่าเกิดขึ้นเรื่องอะไรขึ้น เฉินเหลยและคนอื่นๆ ที่เล่นอินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถืออยู่ก็พากันไปหาฉินสือโอวโดยไม่ได้นัดหมายและพูดอย่างมีความสุขว่า “มาดูเร็ว ฉิน นี่คือฉงต้าของนายใช่ไหม? ฉงต้าของนายกำลังดังแล้ว!”
ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มาดู ซึ่งนั่นเป็นวิดีโอสั้นๆ ที่กำลังได้รับความนิยมในเว่ยป๋อและมีชื่อคลิปว่า “หลังจากหมาและแมวตามมา เจ้าพวกโง่ก็บุกโลก” เมื่อเปิดวิดีโอขึ้นมาก็เป็นเหตุการณ์ที่ฉงต้ากำลังยิ้มอย่างน่ารักและกลิ้งออดอ้อนไปมา
นอกจากนี้ด้านล่างของวิดีโอก็ยังมีคำแนะนำ เห็นได้ชัดว่าคนโพสต์วิดีโอเป็นนักท่องเที่ยว เขาอธิบายว่าทำไมฉงต้าถึงแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและทำไมต้องออดอ้อนไม่ยอมกลับบ้าน ต่อไปจะเรียกว่าหมีไม่ได้แล้วต้องเรียกว่าหมีโง่ เพราะส่วนใหญ่จะเรียกว่าเจ้าพวกโง่
ฉงต้าน่ารักจริงๆ หลังจากที่วิดีโอที่ถูกเผยแพร่ก็มีการรีโพสต์ใหม่เป็นจำนวนมากและมีการแสดงความคิดเห็นหลายร้อยข้อความ ซึ่งนี่เป็นเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่วิดีโอจะเผยแพร่ จึงถือว่าเป็นจำนวนมากจริงๆ
แน่นอนว่าไม่กี่วันต่อมาก็มีผู้รีโพสต์วิดีโอนี้ใหม่และแสดงความคิดเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินเหลยและคนอื่นๆ ยังคงรวบรวมข้อมูลและรายงานผลกับเขาอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘วิดีโอถูกรีโพสต์ห้าพันครั้ง’ ‘วิดีโอถูกรีโพสต์ใหม่ห้าหมื่นครั้ง’ ‘มีการแสดงความคิดเห็นมากกว่าสองพันครั้ง’ และอื่นๆ
ฉินสือโอวไม่สนใจเรื่องนี้และพูดว่า “พวกนายสนใจแค่เรื่องตัวเองก็พอแล้ว ถ้าชอบมากก็ถ่ายวิดีโอและโพสต์ต่อได้เลย”
เฉินเหลยและคนอื่นๆ มองหน้ากันแล้วตอบสนองทันที โดยคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี “เก๋งจีนที่ใกล้น้ำมักได้จันทร์ก่อน¹ พวกเราและฉงต้าอยู่ใกล้กันจริงๆ ถ้าไม่ได้เผยแพร่ออกไปคงพลาดโอกาสนี้แน่”
พวกเขาไม่ได้ถ่ายวิดีโอ แต่ใช้ขนมหลอกล่อฉงต้าให้โพสท่าโง่ๆ จากนั้นก็ถ่ายรูปและโพสต์ลงเว่ยป๋อและก็มีคนติดตามพวกเขามากขึ้นจริงๆ
สุดท้ายเฉินเหลยก็คิดวิธีการเล่นแบบใหม่ได้นั่นคือการเพิ่มแคปชันให้กับภาพถ่ายของฉงต้า ฉินสือโอวมองมันที่ดูเหมือนจะอาเจียน ความน่ารักนี่มันน่าอายจริงๆ!
เฉินเหลยขอให้ฉินสือโอวร่วมมือ ฉินสือโอวจึงพูดว่า “นายคิดว่าฉันมีเวลาเหรอ? พืชผลในไร่ก็สุกแล้ว ฟักทองก็ถึงช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว พวกนายเล่นกันไปเถอะ ฉันจะทำงาน”
“นายปลูกฟักทองด้วยเหรอ? ปลูกทำไม จะทำพายฟักทองกับโจ๊กฟักทอง?” เหยียนตงถามด้วยความประหลาดใจ
“ซื่อบื้อเอ๊ย ก็เพื่อวันฮาโลวีนไงล่ะ” ฉินสือโอวกล่าว
เดิมทีเขาแค่จะรับมือกับเฉินเหลยและคนอื่นๆ เท่านั้น แต่หลังจากพูดจบเขานึกขึ้นได้ว่า จริงๆ แล้วเขาละเลยไร่ฟักทองมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่งแล้ว ดังนั้นจึงต้องรีบไปดูสักหน่อย ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับฟักทองคงจะไม่ดีแน่
หนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา ถ้าฉินสือโอวไม่ไปสหรัฐอเมริกาก็ต้องกำลังยุ่งกับการเตรียมงานแต่งงานอยู่ แม้แต่องุ่นก็ยังไม่ได้เก็บ นับประสาอะไรกับไร่ฟักทอง
ช่วงหลังฟักทองจะมีความต้องการน้ำมาก ส่วนการกำจัดวัชพืช กำจัดแมลงและการใส่ปุ๋ยไม่ได้มีความจำเป็นมากนัก ในเดือนกันยายนที่เซนต์จอห์นยังคงมีฝนตกชุกและยังเป็นฝนตกชุกครั้งแรกในรอบสิบปี ดังนั้นฉินสือโอวจึงเดาไว้ว่าไร่ฟักทองคงมีปัญหาไม่มาก จึงไม่ได้ไปจัดการดูแล
นี่ก็เป็นข้อเสียของพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นกัน ไร่ฟักทองไม่ได้อยู่ในฟาร์มปลาต้าฉิน แต่อยู่ในฟาร์มปลาแกธเธอริงที่ไกลออกไป ฉินสือโอวจึงต้องขับรถไปหลังจากที่เขาทำงานเสร็จเรียบร้อย
เมื่อขับรถไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง ฉินสือโอวมองไปที่ไร่อันเขียวขจีและตกใจทันทีว่าสิ่งเหล่านี้ที่อยู่ในไร่ฟักทองคืออะไร? มันมีขนาดใหญ่เกินไปหรือเปล่า?!
ในสวนผักเห็นแค่เถาฟักทองและใบไม้ที่ยังคงเป็นสีเขียวอยู่และในระหว่างนั้นฟักทองขนาดใหญ่แต่ละลูกยืนต้นอยู่บนพื้นเหมือนกับมีเนินเขาเล็กๆ อยู่บนพื้นดิน
นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริง ฉินสือโอวตะลึงเมื่อเห็นฟักทองเหล่านี้ เขาเดินไปดูฟักทองลูกที่ใหญ่ที่สุด นอนราบอยู่บนพื้นและมีเส้นโค้งที่ยาวมาก ตามรูปแบบการเติบโตของฟักทอง สิ่งนี้จะเติบโตในแนวนอน…
ฉินสือโอวลงไปที่ไร่และลองสัมผัสฟักทองเหล่านี้ แต่ละลูกเหมือนจริงมาก ผิวสีเหลืองอ่อนเกลี้ยงเป็นมันเงา เนื้อฟูและเต่งตึง เขาใช้มือตบเบาๆ และมีเสียงทุ้มดังออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันสุกแล้ว
ฟักทองลูกใหญ่กว่าปกติ ฉินสือโอวได้เตรียมใจไว้แล้ว เพราะการรดน้ำสองสามครั้งแรก เขารดน้ำที่เต็มไปด้วยพลังโพไซดอนลงไปและไม่จำเป็นต้องปล่อยพลังโพไซดอนลงในทะเล นอกจากนี้เขายังรดน้ำที่เพิ่มพลังโพไซดอนให้กับองุ่น ฟักทอง พืชผลและผักเป็นพิเศษ
แต่นี่ไม่ควรจะเกินจริงแบบนี้ เขาวัดฟักทองลูกที่ใหญ่ที่สุดด้วยสายตา ดูท่าว่ามันอาจจะหนักถึงหนึ่งตันกว่า!
ฉินสือโอวขับรถกลับมาอย่างรวดเร็วและเรียกพ่อแม่ เออร์บักและชาวประมงให้มาดูฟักทองลูกใหญ่ที่ผิดปกตินี้
ระหว่างทางพ่อฉินขมวดคิ้วและพูดว่า “แกบอกว่าแกแต่งงานเป็นพ่อคนแล้ว แล้วทำไมถึงใจร้อนขนาดนี้?”
“พ่อ อย่าเพิ่งว่าผม พ่อจะต้องตกใจแน่นอน ฟักทองลูกนี้ใหญ่มากจริงๆ พระเจ้า!” ฉินสือโอวกล่าว
พ่อฉินพูดอย่างเหยียดหยามว่า “เรื่องนี้มีอะไรให้ตกใจกัน? ก็แค่ฟักทองลูกใหญ่ มันจะใหญ่แค่ไหนกันเชียว? ในหมู่บ้านของเราก็เคยปลูกฟักทองลูกหนึ่งหมื่นชั่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินสือโอวก็แทบจะเหยียบคันเร่งด้วยความตกใจ หนึ่งหมื่นชั่งก็จะประมาณห้าตัน เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “ปลูกได้อย่างไร?”
พ่อฉินไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็พูดอย่างเอ้อระเหยว่า “ด้วยการก้าวไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่ ข้าวสาลีสามารถให้ผลผลิตได้ถึงหนึ่งแสนชั่งต่อหมู่ แล้วฟักทองที่ปลูกหนึ่งหมื่นชั่งจะมีเท่าไรล่ะ?”
รถคาดิลแลควันตรงไปที่ไร่ฟักทองอย่างรวดเร็ว พ่อฉินเปิดประตูลงจากรถและมองไปรอบๆ จากนั้นถึงกับต้องอ้าปากค้าง “พระเจ้า มีฟักทองยักษ์ด้วยเหรอ?”
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset