ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1375 เรียนรู้ที่จะเดินอย่างล้มลุกคลุกคลาน

เหมาเหว่ยหลงตักขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หลังจากชิมแล้วก็หาชามมาใส่ทันที จากนั้นก็วิ่งออกไปด้วยความดีใจ
ฉินสือโอวยื่นหัวออกมาแล้วถามว่า “แกทำอะไร? พวกเรามาทำพายฟักทองกันเถอะ”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะและพูดว่า “ฉันจะเอาไปให้ภรรยากับลูกสาวของฉันกิน ตั๋วตั่วต้องชอบแน่ๆ”
ฉินสือโอวมองดู หลังจากเนื้อฟักทองนึ่งสุกแล้วจะนุ่มและเหนียว เหมาะสำหรับให้เด็กเล็กกินจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไปหาชามขนาดเล็กและตักไปครึ่งหนึ่งเพื่อให้เสี่ยวเถียนกวาและให้แม่ของเขาป้อนให้เธอกิน
ขณะนี้เสี่ยวเถียนกวากำลังคลานไปตามแผงลอยบนพื้นหญ้า เมื่อต้องการจะคลาน เธอจะยกแขนและขาสั้นๆ ขึ้น จนบางครั้งแม่ฉินก็ตามไม่ทัน
เมื่อฉินสือโอวเห็นเธอกำลังไล่ตามพี่น้องเฟอเรทอยู่รอบๆ ใต้ต้นไม้ พี่น้องเฟอเรทอยากจะปีนขึ้นต้นไม้ แต่พวกมันไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ เสี่ยวหมิงพากระรอกดินตัวน้อยมาด้วยและจ้องไปที่พวกมันอย่างเย็นชา
เขาเดาว่า ขณะนี้กระรอกดินตัวน้อยคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ความยุติธรรมอาจจะมาช้าแต่จะไม่พลาดแน่นอน! แปลเป็นภาษาจีนแปลว่า ความดีย่อมมีความดีตอบแทน ความชั่วย่อมมีความชั่วตอบแทน กรรมนั้นย่อมสนองแน่ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา!
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวหมิงไม่อยู่ กระรอกดินตัวเล็กนอนหลับด้วยความหวาดกลัวจนฉี่แทบราด พี่น้องเฟอเรทยังจำพวกมันได้ตลอด จึงถือโอกาสนี้กระโดดขึ้นไปบนตัวพวกมัน
แน่นอนว่าเฟอเรทพี่ชายและน้องสาวจะไม่กินพวกมัน แต่ต้องการฝึกฝนกับพวกมันมากกว่า ในอาหารของเฟอเรทแบลคฟุตมีกระรอกตัวน้อยดินรวมอยู่ด้วย
ทันทีที่เสี่ยวหมิงกลับมา กระรอกดินตัวน้อยจึงไปหามันเพื่อฟ้องร้อง จากนั้นเสี่ยวหมิงก็แสดงดาบแห่งการแก้แค้นออกมาและทำการแก้แค้นสามร้อยหกสิบองศาจากมุมมืด ทำให้พี่น้องเฟอเรทรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
แม่ฉินนั่งดูหลานสาวกำลังเล่นกับเฟอเรทตัวน้อยสองตัวบนสนามหญ้าด้วยรอยยิ้ม ฉินสือโอวจึงส่งฟักทองให้เธอป้อนเด็กหญิงตัวน้อยกิน
ตั๋วตั่วช่วยเด็กหญิงตัวน้อยล้อมรอบพี่น้องเฟอเรท ในอ้อมแขนก็ถือชามไว้และเมื่อเธอเห็นว่าเด็กหญิงชอบจึงยื่นให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่สวยงาม
“หนูกินของหนูเลย ของฉันก็มี” ฉินสือโอวบีบแก้มตั๋วตั่วและพูดด้วยความรักและทะนุถนอม
ตั๋วตั่วผลักมือของเขาออกอย่างเขินอายและซ่อนตัวอยู่ข้างๆ แม่ฉินพร้อมกับแอบกินฟักทองอย่างเงียบๆ
ในห้องครัวยังคงยุ่งอยู่และเนื้อฟักทองก็ใช้ได้แล้ว จึงสามารถนำมาทำพายฟักทองได้
โดยทั่วไปการทำพายจะต้องมีเนื้อ นี่เป็นหนึ่งในอาหารหลักของชาวแคนาดา จึงมีวิธีการและรสชาติที่หลากหลาย พายเนื้อฟักทองบด คุกกี้ฟักทอง พายฟักทองนึ่ง พายฟักทองทอด พุดดิ้งฟักทอง พายฟักทองฟูและอื่นๆ
ครั้งนี้ฉินสือโอวนำฟักทองกลับมาจำนวนมากพอ จึงสามารถทำได้สองสามอย่าง แต่ต้องเริ่มทำจากไส้เนื้อก่อนแล้วค่อยทำพายฟักทอง นี่เป็นวิธีทำที่ชาวแคนาดานิยมมากที่สุด
ไส้เนื้อทำได้ง่ายมาก ในตู้เย็นมีหมูอยู่ จึงโทรศัพท์ไปหาเบิร์ดให้รีบมาสับเนื้อหมู ไม่นานก็ได้ไส้เนื้อมาหนึ่งจาน
จริงๆ แล้วที่ฟาร์มปลาก็มีเครื่องบดเนื้อ แต่ปกติแล้วฉินสือโอวจะไม่ใช้มัน เนื้อที่ได้จากเครื่องบดเนื้อจะมีรสชาติไม่ค่อยดีเท่าไรและจะอร่อยไม่สู้เนื้อที่สับด้วยมีด อย่างไรก็ตามแค่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านการใช้มีดอย่างเบิร์ด เนื้อแค่จานเดียวเขาใช้เวลาไม่นานก็สับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบดเนื้อ
หลังจากผสมเนื้อ ขิงใหญ่และหอมให้เข้ากันแล้ว แซ็กก็เริ่มสอนฉินสือโอวทำพาย
สิ่งที่ฉินสือโอวไม่แน่ใจคืออัตราส่วนของส่วนผสมของฟักทองและแป้ง แซ็กบอกว่าปกติแล้วจะใช้สัดส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง ซึ่งก็คือฟักทองหนึ่งปอนด์ต่อแป้งหนึ่งปอนด์ หลังจากที่ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว เขาจะทำส่วนที่เหลือเองได้
นวดแป้ง หมักแป้ง จากนั้นก็ทำพายและผสมเนื้อลงไปก็ใช้ได้แล้ว
เหมาเหว่ยหลงเปิดกระทะอบไฟฟ้า นี่เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะที่สุดในการอบพาย แต่แลนซ์กลับส่ายหัวและปล่อยให้เขาใช้เตาอบไฟฟ้า
ชาวแคนาดากินเนื้อสัตว์และน้ำมันในปริมาณมาก ปัจจุบันผู้คนที่พอมีเงินอยู่บ้างจึงเริ่มใช้ชีวิตอย่างแข็งแรง ด้วยการพยายามกินอาหารทอดให้น้อยที่สุด แน่นอนว่าของทอดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะไก่ทอดและปลาทอด ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาที่นี่ก็ถึงกับประหลาดใจ เพราะชาวประมงกินปลาทอดและไก่ทอดเหมือนกับที่เขากินหมั่นโถว!
หลังจากชาวเอเชียอพยพเข้ามาที่แคนาดา ส่วนใหญ่จะไม่คุ้นเคยกับอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันสูงและแคลอรีสูง ระบบทางเดินอาหารของชาวเอเชียไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งนี้ได้ จึงทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย
ฉินสือโอวจำได้ว่าเขาเคยอ่านข่าวข่าวหนึ่ง จากสถิติหลังจากที่ผู้อพยพชาวเอเชียเข้ามาในแคนาดา อัตราการป่วยโรคต่างๆ เช่นโรคระบบทางเดินอาหารและโรคลมชักมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบในอาหาร
พายชุดแรกอบเสร็จอย่างรวดเร็ว หลายๆ คนพอได้ลองชิมเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติดีมาก หลังจากแซ็กทานเข้าไปแล้วก็ถึงกับเลียนิ้วมือและคุยโวว่า “ให้ตายเถอะ พระเจ้าเป็นพยาน ว่านี่คือพายฟักทองที่อร่อยที่สุดในชีวิตตั้งแต่ผมเคยกินมา”
ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจ และจู่ๆ เสียงกรีดร้องตกใจของแม่ฉินก็ดังมาจากข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงนั้นเขาก็ตกใจจนตัวสั่น ทันใดนั้นก็นึกถึงนกอินทรีทองบนภูเขาที่มุ่งทำร้ายเขาเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบออกไป
หลังจากวิ่งไปได้ไปหนึ่งก้าวเขาก็หันกลับมาหยิบมีดปลายแหลม เพื่อที่ว่าถ้าอินทรีทองอยู่ข้างนอก เขาจะใช้มีดจัดการฆ่ามันอย่างแน่นอน!
เมื่อวิ่งไปถึงประตูและมองออกไป ก็ไม่มีอะไรบนท้องฟ้าและเสี่ยวเถียนกวาก็ปกติดี ไม่ใช่แค่ปกติดีเท่านั้น แต่ฉินสือโอวถึงกับต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยกำลังยืนขึ้นและเดินไปที่วิลล่าท่าทางคดเคี้ยวไปมา
แม่ฉินร้องตะโกนตามหลังเด็กหญิงตัวน้อยว่า “มาดูนี่เร็ว เสี่ยวเวยเดินได้แล้ว! เสี่ยวเวยเดินได้แล้ว!”
เมื่อเห็นฉินสือโอว เสี่ยวเถียนกวาที่กำลังเดินเอียงไปมาก็พุ่งเข้าใส่ชามใบเล็กที่เขาถือไว้และพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลว่า “ป่าป๊า เอาอีกๆๆๆ!”
ฉินสือโอวจึงโยนมีดทิ้ง จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและลูบคางของเธอและใบหน้าที่อ่อนโยนของเธอแล้วตะโกนว่า “ลูกรัก หนูเดินได้แล้ว!”
พี่น้องเฟอเรทที่อยู่ด้านหลังก็ถอนหายใจ จบแล้ว จบแล้วชีวิต รีบหาทางออกไปเถอะ อย่ายอมแพ้เจ้าเสี่ยวหมิง ตามไปอยู่กับมันบนต้นไม้เลย
เมื่อก่อนเด็กหญิงตัวน้อยสามารถคลานได้อย่างเดียว แต่พวกมันที่ถูกทรมาณก็ถึงกับหน้าซีด ตอนนี้เธอเดินได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกมันจะโดนแกล้งอย่างไรอีก? และที่สำคัญกว่านั้นคือ นักกวีผู้ยิ่งใหญ่อย่างเชลลีย์เคยกว่าวไว้ว่า ถ้าเดินได้แล้ว คงจะวิ่งได้อีกไกลใช่ไหม?
ในอ้อมแขนของฉินสือโอว เด็กหญิงตัวน้อยพยายามใช้ขาสั้นๆ อ้วนๆ ถีบอย่างแรงพร้อมกับยื่นมือออกไปผลักหน้าฉินสือโอวและอุทานอย่างไม่พอใจว่า “บาบา! บาบา! บาบา!”
เสี่ยวเถียนกวาพูดคำว่าป่าป๊าหม่าม๊าสองคำนี้ได้รวดเร็วมาก แต่เธอไม่เคยเรียนรู้คำอื่นๆ เลย ไม่ใช่ว่าเรียนไม่ได้ แต่เธอไม่ยอมเรียน ฉินสือโอวเคยพาเธอไปพบแพทย์ และแพทย์ก็ยังบอกเช่นเดียวกันว่า เธอไม่ยอมเรียนรู้เอง
นี่เป็นเรื่องปกติ เด็กหญิงตัวน้อยถือได้ว่ามีความสามารถ ป่าป๊า หม่าม๊าสองคำนี้เธอสามารถใช้น้ำเสียงที่แตกต่างกันและแสดงความหมายที่แตกต่างได้ นี่อาจเป็นสาเหตุ เมื่อไม่มีความต้องการก็จะไม่มีการพัฒนา
สิ่งนี้จึงทำให้เธอออกเสียงน้อยอกน้อยใจได้ ซึ่งความหมายก็คือ ตัวเองไม่มีความสุข ตัวเองไม่พอใจน้อยใจ!
แม่ฉินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่ให้ชามฟักทองกับเสี่ยวเวย เธอกินแล้วก็อยากกินอีก แม่กลัวว่าเธอจะไม่กินข้าวตอนเย็นก็เลยไม่ได้เอาให้เธอ สุดท้ายเธอก็ไปหาแกแล้วไปเอาชามเล็กๆ ด้วยตัวเอง ฮ่าๆๆ”
ตอนนี้ลูกสาวก็เดินได้แล้ว ฉินสือโอวยังจะสนใจเรื่องการทำอาหารต่อได้อย่างไร? เขาพาชาวประมงที่กำลังว่างๆ เข้ามาและให้พวกเขาทำพายฟักทองแต่ละชนิด คืนนี้เขาจะมีงานเลี้ยงกินฟักทองด้วยกัน เพื่อเฉลิมฉลองให้กับลูกสาวที่สามารถเดินได้
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset