ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 192 วิถีของวินนี่

บทที่ 192 วิถีของวินนี่
โดย
Ink Stone_Fantasy

เนื่องจากวินนี่เพิ่งบินมาจากไฟล์ต่างประเทศ ฉินสือโอวอยากให้เธอได้พักผ่อนก่อนสักคืนหนึ่งจึงยังไม่ได้พาเธอกลับเซนต์จอห์น
ช่วงกลางคืนที่โทรอนโต พวกเขาไปเที่ยวที่ถนนคนเดินย่านคนจีนกัน
ย่านคนจีนในโทรอนโตนั้นโด่งดังมาก ได้มีการก่อตั้งตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จนในตอนนี้ได้กลายเป็นย่านคนจีนที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือแล้ว และไม่ได้มีเพียงแค่ถนนเส้นหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่ว่า ผู้คนที่นี่ไม่ได้มีเพียงคนจีนเท่านั้น ยังมีคนสิงคโปร์ คนเวียดนาม คนเกาหลี และคนญี่ปุ่นมากมายมาอยู่อาศัยและทำการค้าขาย ที่นี่คือที่ที่ลิ้มรสอาหารเอเชียได้ดีที่สุด ในเขตนี้เต็มไปด้วยร้านค้าและตลาดผักสดที่มีความเอกลักษณ์ของทวีปเอเชีย นอกเหนือจากคนผิวขาวที่อยู่น้อยคนแล้ว คนส่วนมากที่นี่จะใช้ภาษาจีนแมนดารินที่ออกเสียงไม่ค่อยชัดในการสื่อสาร
ฉินสือโอวเริ่มจากซื้อพุทราเชื่อมให้วินนี่สองไม้ ราคาแพงมาก หนึ่งไม้มีราคาถึง 4. 2 ดอลลาร์แคนาดาเลยทีเดียว วินนี่ลองกินไปลูกหนึ่ง ตาของเธอหยีจนกลายเป็นรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว พูดพร้อมรอยยิ้มอย่างพอใจว่า “รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยมากเลย”
ฉินสือโอวก็ชิมบ้างอย่างคาดหวัง อร่อยที่ไหนกัน น้ำเชื่อมหวานเกินไป แถมพุทรายังไม่ได้เลาะเม็ดออกด้วย เขาอยากจะพูดอวดว่าพุทราเชื่อมที่บ้านเกิดเขานั้นอร่อยแค่ไหน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนเด็กวินนี่เคยอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งถึงสิบปี เมื่อกี้ที่บอกว่าพุทราเชื่อมอร่อย น่าจะเป็นเพราะอยากเอาใจเขามากกว่า
เมื่อคิดได้อย่างนี้ เขาจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
ถนนคนเดินที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศสไตล์จีน มีขายขนมสายไหมด้วย ฉินสือโอวซื้อมาสองลูก วินนี่น่าจะไม่เคยกินมาก่อน เพราะตามข้างทางในเมืองปักกิ่งนั้นไม่ค่อยมีขายเจ้าสิ่งนี้
วินนี่ถามเขาว่ากินยังไง เขาสอนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองดูวินนี่แลบลิ้นสีแดงชุ่มฉ่ำนั้นเลียไปที่สายไหม แล้วเผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมา ถามว่า “นี่เรียกว่าอร่อยเหรอ?”
ทั้งสองต่างก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งคู่ วินนี่นั้นได้มีโอกาสพบคนมากหน้าหลายตามากกว่าชายที่ขลุกอยู่กับที่อย่างเขาเยอะ แค่เห็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยนัยยะของฉินสือโอวแล้วมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร? เธอจ้องมาที่เขา หัวเราะฮิๆแล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก อร่อยมากเลย คุณลองชิมดู”
ฉินสือโอวก้มหัวลงกำลังจะเลีย วินนี่ดันสายไหมไปด้านหน้า สายไหมทั้งก้อนติดอยู่บนหน้าเขา จากนั้นเธอก็หัวเราะแล้ววิ่งหนีไป
ทั้งสองคนเดินเล่นหยอกล้อกันบนถนน จนคุณลุงคุณป้าที่ตั้งแผงขายของอยู่ข้างทางเห็นแล้วยังยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู วัยหนุ่มสาวนี่ดีจริงๆเลย
มื้อค่ำวันนี้จบที่ร้านอาหารเวียดนามร้านหนึ่ง ฉินสือโอวไม่เคยทานอาหารเวียดนามมาก่อน วินนี่จึงแนะนำให้เขาลองชิมดู
ภายใต้คำแนะนำของพนักงาน ฉินสือโอวได้ลองอาหารเลิศรสของเวียดนามเช่น ปูผัดผงกะหรี่ ต้มแซ่บสไตล์เวียดนาม บะหมี่เนื้อสด และสลัดกุ้ง รสชาติออกไปทางเปรี้ยวเผ็ด ค่อนข้างถูกปากเขาเลยทีเดียว
พอตกกลางคืนฉินสือโอวกำลังสงสัยอยู่ว่าจะมีโอกาสได้นอนห่มผ้าผืนเดียวกันกับวินนี่หรือเปล่า แต่พอถึงโรงแรม วินนี่โบกมือแล้วพูดมาว่า ‘ขอให้ฝันดี’ จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆเข้าห้องตัวเองแล้วล็อกห้องทันที
ฉินสือโอวแบกหน้าตัวเองไปเคาะห้องบอกว่าพวกเรามาคุยกันสักพักค่อยนอนเถอะ วินนี่กลับตอบมาเพียงว่าเธอง่วงมากแล้ว จากนั้นก็เงียบไปเลย
คุณชายฉินยังคงคิดอยากจะลองดูอีกสักตั้ง แต่กลับมีเด็กสองคนที่อยู่ห้องข้างๆตัวพิงประตูแล้วมองมาที่เขาอย่างใคร่รู้ เขารู้สึกอายหน้าแดงขึ้นมา จึงรีบเดินดุ่มๆเข้าห้องตัวเองที่อยู่ตรงข้ามทันที
วินนี่ที่แอบมองอยู่ตรงตาแมวตลอดเวลายักคิ้ว แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมความรู้สึกที่โล่งใจแต่ก็แอบเสียดาย
เช้าวันที่สองหลังทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งสองคนนั่งเครื่องบินกลับไปที่เซนต์จอห์น จากนั้นก็ตรงไปฟาร์มปลา
กลับฟาร์มปลามาครั้งนี้ ห่างจากครั้งที่แล้วที่มาก็เดือนกว่าๆแล้ว ฟาร์มปลาในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ท่าเรือที่เคยเป็นแค่ท่าเล็กๆตอนนี้ได้กลายเป็นท่าเรือใหญ่สองท่าแล้ว ท่าเรือตั้งอยู่บนทะเลลึก เหมือนกับว่าฟาร์มปลากำลังยื่นแขนออกไป โอบกอดทั้งทะเล และผู้มาเยือน
ตอนนี้งานก่อสร้างท่าเรือใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว กำแพงท่าเทียบเรือถือได้ว่าสร้างเสร็จแล้ว เพราะเหลือก็เพียงแต่ทำความสะอาดเท่านั้น ส่วนท่าเทียบเรือบล็อกคอนกรีตตอนนี้ได้วางบล็อกฐานเสร็จแล้ว เหลือก็เพียงแต่ปูพื้นไม้ไว้ด้านบนก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น
พื้นที่รกร้างทั้งสองด้านของประตูทางเข้าตอนนี้ก็กลายเป็นสวนผักและสวนผลไม้ พื้นที่ทั้งสองด้านของประตูนั้นแต่ละด้านเต็มไปด้วยสวนผักขนาดประมาณสองเอเคอร์ ละลานตาไปด้วยผักทั้งสีเขียวและสีเหลืองที่โตวันโตคืนอย่างน่าประทับใจ ด้านหลังนั้นคือไม้พุ่มและต้นผลไม้ บนต้นผลไม้นั้นมีทั้งลูกสาลี่ แอปเปิลแดง และแอปเปิลออกลูกเต็มต้น ถึงแม้ว่าจะยังกินไม่ได้ แต่ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย การเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นต้องออกมาดีมากแน่ๆ
ฉินสือโอวพาวินนี่ไปที่ชายหาด ตัวที่รีบวิ่งมาก่อนใครเลยคือหู่จือกับเป้าจือ พอพวกนั้นเห็นวินนี่ก็รีบย่ำอุ้งเท้าปรี่เข้ามาหา เก็บหูใบใหญ่ไว้ด้านหลังแล้วอ้าปากร้องโฮ่งๆอย่างดีอกดีใจ หางก็กระดิกไปมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์สองตัวที่โตวันโตคืน วินนี่สะบัดมือที่โอบฉินสือโอวออก วิ่งไปกอดเจ้าสองตัวนั้นทั้งจูบ ทั้งลูบ แล้วพูดอย่างดีใจว่า “พระเจ้า เด็กๆของฉันโตขนาดนี้แล้วเหรอนี่? พวกนายโตไวกันจริง! หู่จือ สวัสดี นายคิดถึงฉันบ้างไหม? เป้าจือ หยุดเลียหน้าฉันได้แล้ว ฉันแต่งหน้าอยู่ มันมีสารพิษนะ…..”
ฉงต้าวิ่งหอบเฮือกๆเข้ามา มีต้าป๋ายเกาะอยู่บนหลังของมัน ส่วนเจ้ากระรอกน้อย เพราะอยู่กับฉงต้ามานานก็เริ่มขี้เกียจเหมือนฉงต้าแล้ว ปกติไม่ว่าไปไหน หากว่าเป็นทางเดียวกับที่ฉงต้าไป มันก็จะเกาะอยู่บนตัวฉงต้าแทน
วินนี่ที่เห็นหมีสีน้ำตาลตัวอ้วนกลม ตาก็เป็นประกายส่องสว่างราวกับแสงหลอดไฟ อ้าแขนออกอยากจะไปกอดมัน
แต่ฉงต้ากลับจ้องไปที่กระเป๋าในมือของฉินสือโอว มันเดาว่าข้างในต้องเป็นของกินแน่นอน จึงสะบัดวินนี่ออกอย่างแรงเพื่อไปดึงลากกระเป๋าใบนั้น
ฉินสือโอวอยากให้มันอยู่นิ่งๆในอ้อมกอดของวินนี่ จึงเปิดกระเป๋าให้มันดู แล้วอธิบายว่า “เจ้าตัวตะกละ วันๆเอาแต่กิน ดูสิ นายดู ข้างในนี้มีของกิน…ที่ไหน…”
คำพูดสุดท้ายเปล่งออกมาค่อนข้างลำบาก เพราะพอกระเป๋าเปิดออก ก็ได้เผยให้เห็นชุดชั้นในสีดำกับขาวสองชุดข้างใน แล้วยังมีถุงน่องสีดำกับสีเนื้อที่วางยุ่งเหยิงอยู่อีก สรุปคือเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของวินนี่ทั้งนั้น
วินนี่จ้องเขม็งไปที่ฉินสือโอว เขาลุกลี้ลุกลนรีบปิดกระเป๋า แล้วอธิบายว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันแค่อยากให้ฉงต้าดูว่าข้างในมีอะไรเท่านั้น”
 “คุณเองก็อยากดูด้วยใช่ไหมล่ะ?” วินนี่มองเขาอย่างสงสัย แล้วพูดหยอกต่อว่า “คุณผิดหวังเพราะไม่มีของปลุกอารมณ์เลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวคิดในใจว่าแค่ชุดชั้นในลูกไม้กับถุงน่องของเธอก็ทำปลุกอารมณ์ฉันได้แล้ว แต่คำพูดนี้พูดไม่ได้เด็ดขาด เขาจึงพูดออกไปอย่างเขินอายว่า “ก็มีผิดหวังบ้าง แล้วคุณได้เอาชุดยูนิฟอร์มแอร์โฮสเตสมาด้วยไหม?”
วินนี่ไม่สนใจเขา อุ้มฉงต้าขึ้นมาแล้วจับไปที่หูกลมๆขนฟูใบเล็กของมัน
หูของหมีสีน้ำตาลนั้นเป็นส่วนที่น่าเล่นที่สุดของพวกมัน เพราะมันก็คือก้อนเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยขนอันนุ่มนิ่ม จับแล้วรู้สึกนุ่มลื่นมาก แถมในฤดูหนาวยังอุ่นมากด้วย
ฉงต้ายังไม่หยุดสะบัดตัว ฉินสือโอวลากมันมาแล้วตบไปที่ก้นมันทีหนึ่ง แล้วพูดสั่งสอนมันว่า “เป็นเด็กดีหน่อย ทำไมนายถึงไม่ไว้หน้าฉันบ้างเลยนะ?”
วินนี่หัวเราะฮิฮิ แล้วพูดว่า “ฉิน ออกแรงตีมันเลย ทำให้ต่อไปมันแค่เห็นหน้าคุณก็กลัวแล้ว แบบนั้นคุณคงมีความสุขแน่เลย”
ฉินสือโอวเก็บมือออกมาอย่างไม่มีทางเลือก แล้วพูดว่า “ฉันอยากจะเล่นเป็นตำรวจเลวแล้วให้คุณเป็นตำรวจดีไง”
วินนี่ดึงฉงต้าขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นเลย อีกหน่อยถ้าฉันได้ใช้ชีวิตกับเจ้าหมีหวานใจฉันตัวนี้ มันก็จะยอมรับฉันเองแหละ”
ความจริงแล้วไม่ต้องถึงขั้นใช้ชีวิตด้วยกันหรอก พอถึงบ้านพัก หลังจากวินนี่ให้ฉงต้ากินผลไม้ราดน้ำเชื่อมแล้ว ฉงต้าก็มีความสุขเดินตามหลังเธอติดๆแล้ว
เออร์บักที่กลับมาจากการแช่น้ำร้อน ได้เจอกับวินนี่ที่เพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าเรียวสวยของวินนี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแจ่มใส แล้วพูดอยากนุ่มนวลว่า “คุณลุงเออร์ ฉันได้ยินฉินบอกว่าช่วงนี้สุขภาพคุณแข็งแรงดี ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆค่ะ ขอให้คุณสุขภาพแข็งแรงแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ”
 “ขอบคุณคำอวยพรของเธอนะ เด็กน้อย” เออร์บักพูดพร้อมเสียงหัวเราะเหอๆ
อากาศร้อนมาก หู่จือและเป้าจือวิ่งตามวินนี่ไปมาไม่หยุด พอวินนี่นั่งลงเท่านั้น พวกมันสองตัวก็เริ่มแลบลิ้นแล้วหายใจหอบกันไม่หยุด
วินนี่ยื่นมือลูบไปที่รักแร้ของพวกมัน พูดกับฉินสือโอวว่า “ฉิน บ้านคุณมีกรรไกรหรือมีดโกนไหมคะ?”
ฉินสือโอวถามอย่างงุนงง “ทำไมเหรอ?”
วินนี่ให้เขาลูบไปที่ขาหน้าหลังและท้องของพวกมันแล้วพูดว่า “อากาศร้อนอย่างนี้ ร่างกายพวกมันระบายความร้อนไม่ทัน คุณต้องตัดขนให้พวกมันด้วย ในหน้าร้อนนั้นไม่ควรให้สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ไว้ขนยาวขนาดนี้นะคะ”
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset