ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1383 ที่บ้านมีแตงกวา

ฉินสือโอวโพสต์ภาพใบรับรองทางราชการของฟาร์มปลาลงบนเวยป๋อ วินนี่ก็เตรียมที่จะโพสต์เกี่ยวกับเมืองเล็กๆ ลงเวยป๋อเช่นกัน นักท่องเที่ยวบางคนก็พากันแย่งโพสต์ลงก่อนหน้านั้นแล้ว ทุกคนต่างสนุกสนานร่าเริงกันอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าการเป็นพยานในการบันทึกสถิติโลก เป็นเรื่องที่แปลกใหม่มาก
ตอนแรกที่กาวชีวภาพของฟาร์มปลาได้รับการรับรอง ผู้คนในเมืองก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ อีกทั้งยังเป็นการนำท่อเหล็กสองท่อนมาติดเข้าด้วยกัน จึงไม่มีอะไรสามารถเป็นพยานได้ ไม่เหมือนกับฟักทองขนาดใหญ่ที่สามารถไปถ่ายรูปได้
สิ่งของที่มีน้ำหนักแบบนี้ จะต้องอาศัยเครื่องชั่งอิเล็กทรอนิกส์และเครน เครื่องชั่งอิเล็กทรอนิกส์จะดีกว่า เพราะหลังชาวประมงจับปลาได้แล้วมักจะนำมาชั่งน้ำหนัก ซึ่งเครนมักจะมีปัญหา
เมื่อฉินสือโอวได้ยิน จึงโบกมือไปมาและพูดว่าปัญหาคืออะไร? เขาเรียกอีวิลสัน บูล ชาร์คและแบล็คไนฟ์เหล่าคนงานที่แข็งแรงบึกบึนให้เข้ามา ช่วยกันใช้เชือกมัดฟักทอง จากนั้นพวกเขาก็ยืนอยู่ที่ปลีกซ้ายและขวาของรถกระบะพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังขึ้น
ฟักทองวางลงและน้ำหนักก็ปรากฏขึ้น
“น้ำหนักของฟักทองลูกนี้” เคลลีหรี่ตามองไปที่เครื่องชั่งอิเล็กทรอนิกส์ ทันใดนั้นถึงกับต้องเบิกตากว้าง “ให้ตายเถอะ ฉิน ฟักทองของคุณหนักหนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบห้าปอนด์ ยังไม่ทำลายสถิติโลก!”
“โอ้!” เสียงร้องโห่ดังขึ้น ฉินสือโอวจึงหันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ คนอื่นๆ ก็หันหน้าไปด้วยความประหลาดใจเช่นกันและเห็นบูลกำลังอย่างกำหมัดชูขึ้นมาตื่นเต้นอยู่ตรงนั้น ขณะนี้แม้แต่หู่จือและเป้าจือยังวิ่งออกมาสังเกตดูสิ่งผิดปกติพร้อมกับนั่งลงอย่างเชื่อฟังอยู่ตรงนั้น
หลังจากชูหมัดขึ้นมาแล้ว บูลก็ค่อยๆคลายกำปั้นออกและถามอย่างระมัดระวังว่า “เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัด มีอะไรเหรอ?”
“งี่เง่า!” ชาร์คสบถคำด่าออกไป “ไสหัวออกไป!”
ฉินสือโอวมองบูลด้วยความอ่อนเพลีย เขาจึงถามเคลลีว่า “เคลลี คุณไม่ได้ดูผิดใช่ไหม น้ำหนักนี้ยังไม่ทำลายสถิติโลกอีกเหรอ?”
 “นี่มีน้ำหนักถึงหนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบห้าปอนด์ไม่ใช่เหรอ? ฉันจำได้ว่าสถิติโลกยังไม่ถึงหนึ่งพันเก้าร้อยปอนด์ด้วยซ้ำ ฉันได้ตรวจสอบฐานข้อมูลของพวกคุณก่อนที่จะมาแล้ว” วินนี่กล่าว
เคลลีพูดอย่างจนปัญญาว่า “คุณผู้หญิงคนสวย คุณควรจะตรวจสอบข่าวบ้าง หลังจากช่วงวันฮัลโลวีนในทุกๆ ปี จะเป็นช่วงจุดสูงสุดของสถิติโลกในการประกาศน้ำหนักฟักทอง จะมีฟักทองที่เหนือระดับทั่วไปจำนวนมากได้รับการรับรอง ความหมายของผมคือเมื่อสองวันที่ผ่านมา ที่เซนต์วินนิเพ็กในเมืองนอร์เบิร์ต เด็กอายุสิบสามปีคนหนึ่งได้ปลูกฟักทองที่มีน้ำหนักถึงสองพันสิบเก้าปอนด์!”
ฉินสือโอวไม่อยากจะเชื่อในโชคชะตาของตัวเอง “ห่างกันแค่สองวัน สถิติโลกก็ปลิวแล้วเหรอ?”
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีคนจำนวนมากกำลังมองดูอยู่และยังมีกล้องกำลังบันทึก ฉินสือโอวจึงมองไปที่เลนส์กล้องและมีตัวเองขนาดเล็กๆ อยู่ในนั้น ลักษณะที่กระวนกระวายใจช่างน่าขำสิ้นดี
แต่ฉินสือโอวหัวเราะออกมาไม่ได้
เคลลียักไหล่และพูดว่า “ต้องขอโทษจริงๆ คุณฉิน”
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ และถามว่า “เด็กคนนั้นปลูกฟักทองได้สองพันเก้าปอนด์เหรอ? เด็กอายุสิบสามปี?”
“ใช่ เขายังอยู่เกรดเจ็ด” เคลลีว่าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและหาข่าวให้ฉินสือโอวดู “นี่ไง เด็กคนนี้”
ฉินสือโอวจึงหยิบมาดู เป็นเด็กผมสีเหลืองที่มีฝ้ากระเล็กๆ บนใบหน้ากำลังยิ้มให้เขาอย่างสดใสบนหน้าจอโทรศัพท์เมื่ออ่านประวัติแนะนำตัวแล้ว เด็กคนนี้มีชื่อว่าคาคา ลักซ์ เขาได้ปลูกฟักทองในสวนหลังบ้านของเขา
“ให้ตายเถอะ เด็กคนนี้โชคดีจริงๆ” ฉินสือโอวพูดด้วยความอิจฉา
วินนี่ดึงข้อมือของเขาไว้และกระซิบว่า “กิริยา ระวังกิริยาท่าทางของคุณด้วย”
“ฉิน คุณประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป ลักซ์สามารถปลูกฟักทองจนได้รับรางวัลคงจะไม่ได้อาศัยแค่ความโชคดีหรอก เขาเริ่มปลูกฟักทองที่สวนหลังบ้านมาตั้งแต่อายุหกขวบ สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้ว คุณไม่คิดว่ามันเป็นตำนานเหรอ?” เคลลีกล่าว
ฉินสือโอวยิ้มเยอะและพูดว่า “ฟักทองในไร่ของผมก็ปลูกด้วยเด็กๆ เหมือนกันนะ”
ในขณะที่พูดอยู่ เขาจึงลากกอร์ดอนเข้ามาและชี้ไปที่เขาแล้วพูดว่า “เด็กคนนี้เป็นคนปลูก เขาเพิ่งอยู่แค่เกรดหก นี่จะไม่เรียกว่าตำนานมากกว่าเหรอ? แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?”
เดิมทีกอร์ดอนที่กำลังเฝ้าดูอย่างตื่นเต้น ก็ถูกฉินสือโอวลากออกไป เขามองไปที่ผู้คนรอบข้างและเห็นกล้องกำลังหันมาทางตัวเอง เขาจึงกระแอมแล้วพูดว่า “ใช่ๆ อะแฮ่ม สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ผมต้องยอมรับว่าการปลูกฟักทองเป็นงานที่ทั้งซับซ้อนและยากลำบากมาก ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากและยังต้องทำการศึกษาค้นคว้ามากมาย ต้องเสียสละความสนุกสนานอื่นๆ ไปอีกด้วย เช่นการไปเที่ยวกับครอบครัวในช่วงฤดูร้อน เพื่อที่จะไปปลูกฟักทองผมจึงไปไม่ได้…”
“นี่มันอะไรกัน?” เออร์บักถามด้วยความประหลาดใจ
ฉินสือโอวจึงกลอกตาใส่ เขาแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง คิดไม่ถึงว่ากอร์ดอนจะเอาจริงเอาจัง ยิ่งไปกว่านั้นท่าทีที่เจ้าเด็กคนนี้แสดงออกมาอย่างจริงจังก็หลอกเขาได้เล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาเป็นคนปลูกฟักทองลูกนี้จริงๆ
ไม่มีใครขัดกอร์ดอนเลย เขาจึงพูดอย่างฉะฉานอยู่ตรงนั้นว่า “พวกคุณก็รู้ว่าการดูแลไร่ฟักทองในพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ เป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง ผมต้องใส่ปุ๋ยให้ฟักทองและต้องรดน้ำลงท่อให้มัน สรุปแล้วต้องใช้เวลานานมาก เฮ้อ นี่จึงทำให้เกรดของผมไม่ผ่าน…”
“เจ้าเด็กคนนี้มีหน้ามาพูดเรื่องพวกนี้จริงๆ!” กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่รู้ไส้รู้พุงเรื่องเกรดของกอร์ดอนเป็นอย่างดีก็เริ่มถอนหายใจออกมา
กอร์ดอนไม่สนใจพร้อมกับฉีกยิ้มและเริ่มพูดไร้สาระว่า “เพื่อที่จะปลูกฟักทองออกมาให้ที่ดีที่สุด ในเดือนเมษายนของปีนี้ ก่อนที่จะปลูกฟักทอง ผมได้ไปเข้าร่วมการสัมมนาความรู้และทักษะการปลูกฟักทองที่โรแลนด์…”
“หยุด หยุด หยุด! หยุดเถอะกอร์ดอน นี่ไม่ใช่เรื่องของนาย” วินนี่ลากเขาออกไป
ชาวประมงและชาวเมืองพากันพูดคุยกันอยู่ตรงนั้นว่า “กอร์ดอนเก่งมาก คิดไม่ถึงว่าจะปลูกฟักทองได้ขนาดนี้ เขานี่สุดยอดจริงๆ”
“ฉันต้องยอมรับว่าฉันเคยประเมินกอร์ดอนต่ำไป ฉันเคยบอกว่าเขาจะเป็นฮิวจ์คนน้องคนต่อไป เพราะเขาเคยขว้างก้อนหินใส่สุนัขของฉันและฉันก็ด่าเขาไป ฉันอยากขอโทษเขา”
“เขาไปเข้าร่วมการบรรยายความรู้ด้วยเหรอ? ต่อไปจะต้องถามว่าเขาแล้วว่าจะปลูกฟักทองอย่างไร ถึงปลูกได้ลูกใหญ่แบบนี้ อีกทั้งยังได้ยินมาว่ามีรสชาติอร่อยอีกด้วย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้คนในเมืองพูดคุยกันแล้ว ฉินสือโอวจึงกุมขมับและนั่งยองลงกับพื้น นี่มันอะไรกัน เพ้อเจ้อกันไปหมดแล้ว! เขาก็ไม่ได้คิดว่ากอร์ดอนจะพูดเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ แล้วยังจะดึงเขาเข้ามาทำเรื่องไร้สาระตามใจอีก สุดท้ายเขาก็กลายเป็นตัวเอก
เหมือนกับที่โบราณเคยว่าไว้ ทองคำมักจะส่องแสง อุจจาระมักเกาะติดและกอร์ดอนก็เป็นตัวดีในเรื่องการพูดเรื่องไร้สาระ
และเรื่องนี้ก็จบลงแบบนี้ น้ำหนักไม่สามารถโกหกได้และเขาก็ไม่ได้ทำลายสถิติโลก
เคลลีกอดปลอบใจเขาและพูดว่า “ไม่เป็นไรฉิน พวกเราเข้าใจผิด ฟักทองของคุณดูเหมือนจะไม่ใช่แค่สองพันปอนด์ มันมีขนาดใหญ่มาก ผมคิดว่ามันหนักอย่างน้อยสองพันสองร้อยปอนด์ ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่เอากล้องมาด้วย”
ชาร์คพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฟักทองของเราไม่เหมือนกับของพวกเขา ของพวกเขาก็แค่ขนาดเท่านั้น แต่ข้างในเต็มไปด้วยน้ำมันถึงมีน้ำหนักมาก แต่ข้างในของฟักทองเราเป็นเนื้อปกติและยังมีรสชาติดีด้วย”
เคลลียักไหล่และพูดว่า “แต่นี่ก็ไม่มีประโยชน์แล้วไม่ใช่เหรอ สถิติโลกไม่ได้ดูที่คุณภาพเนื้อนะ”
ฉินสือโอวไม่ยอม จุดสำคัญก็คือเขาไม่สามารถลงจากเวทีในขณะที่มีผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงชี้ไปข้างหลังเขาและพูดว่า “เคลลี สถิติโลกของพวกคุณมีน้ำหนักของฟักทองทั้งหมดที่ปลูกบนพื้นที่หนึ่งเอเคอร์ไหม? ผมคิดว่าเรื่องนี้ผมต้องได้สถิติโลกแน่นอน”
เคลลี่ส่ายหัวอย่างจนปัญญาและพูดว่า “ขอโทษนะฉิน ไม่มีหรอก”
“โอเค” ฉินสือโอวไม่พูดอะไรต่อ
ทุกคนจึงเก็บข้าวของและทยอยกลับ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น “คุณเคลลี ทำไมคุณไม่ไปที่สวนหลังบ้านของผมล่ะ? ที่นั่นมีแตงกวาลูกใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง…”
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset