ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1390 ลูกชายของคุณ

ฉินสือโอวเอาตั๋วรางวัลส่งให้เชอร์ลี่ย์ จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า “เมื่อกี้เธอพลาดมาก เธอไม่ได้เห็นสีหน้าของเจ้าของร้าน มันตลกมาก เขาแทบจะตกตะลึงไปเลยล่ะ”
วินนี่ยักไหล่ใส่และพูดว่า “เจ้าของร้านคนนี้ก็ฉลาดเหมือนกันนะคะ เขารู้ว่าจะซ่อนตั๋วรางวัลที่หนึ่งไว้ที่ด้านบนของกล่องจับรางวัล สุดท้ายก็จะไม่มีใครจับรางวัลที่หนึ่งได้แน่นอน แต่การกระทำแบบนี้มันดูถูกคนอื่นเกินไป”
ฉินสือโอวมองไปที่เธอและพูดว่า “คุณล้อเล่นหรือเปล่า? แบบนี้เรียกว่าฉลาดเหรอ? นี่มันเรียกว่าโง่ต่างหาก!”
“ใช่ คนมีเล่ห์เหลี่ยมมักจะเอารัดเอาเปรียบใช่ไหมคะ?” เชอร์ลี่ย์พูดเสริม
ฉินสือโอวจึงมองไปที่โลลิต้าและสุดท้ายก็ถามเธอว่า “เธอไม่รู้มาก่อนใช่ไหมว่าสามารถทำแบบนี้ได้? นี่คือการโกงการสุ่มจับฉลากที่อยู่ในระดับต่ำสุด”
วินนี่พูดอย่างงุนงงว่า “ระดับต่ำเหรอ? ถ้าเป็นฉันล่ะก็ คงคิดไม่ออกแน่นอน”
เชอร์ลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “หนูรู้สึกว่านี่เป็นวิธีโกงที่ฉลาดมาก”
ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ใช่ว่ากองทัพของเขาแข็งแกร่งเกินไป แต่ศัตรูนั้นโง่เกินไปต่างหาก
มีกิจกรรมมากมายในสถานจัดแสดงแห่งนี้ และยังมีคอสเพลย์ที่ถ่ายภาพโดยช่างภาพมืออาชีพ และยังมีซุ้มเกมขายของ ทั้งได้เล่นเกมและยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนอีกด้วย แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มีไว้สำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ก็ยังมีการตั้งแผงขายสินค้าของใช้สำหรับเด็ก หลักสูตรชั้นเรียนที่น่าสนใจและอื่นๆ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วทุกขอบเขตสำหรับเด็กๆ
สุดท้ายฉินสือโอวก็ไปหากอร์ดอนและคนอื่นๆ เพื่อเตรียมเรียกพวกเขาให้ออกมา แต่เมื่อมาถึงที่ที่พวกเขาตั้งแผงขายของ ก็เห็นผู้ปกครองบางคนกำลังชี้นิ้วมาที่พวกเขา แต่เด็กทั้งสามคนก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและยังวิ่งเพ่นพ่านไปมาอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นฉินสือโอว กอร์ดอนชี้ไปที่ของเล่นและขนมกองหนึ่งที่วางตรงหน้าอย่างตื่นเต้นแล้วพูดว่า “ดูสิ พวกเรามีพรสวรรค์ในด้านธุรกิจใช่ไหมล่ะครับ?”
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะชื่นชมพวกเขา เชอร์ลี่ย์ที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “พวกนายนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ รังแกเด็กแบบนี้สนุกมากเหรอ? หลอกเอาของของเด็กไม่อายบ้างเหรอไง?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่พอใจว่า “หลอกอะไรกัน? เราเรียกมันว่าการล่อลวงต่างหาก!”
แผงขายของที่กำลังตั้งอยู่ข้างๆ พาวลิสและมิเชล เจ้าของแผงนั้นคือหนุ่มน้อยผมบลอนด์อายุประมาณห้าถึงหกขวบและมีรถขุดของเล่นขุดวางอยู่ตรงหน้าหนึ่งชิ้น
มิเชลหยิบอมยิ้มออกมาและอ้าปากเลีย ‘แผล่บๆ’ ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม จึงทำให้หนุ่มน้อยคนนั้นรู้สึกอยากกินไปด้วย พาวลิสจึงถือโอกาสหยิบออกมาอีกอันและถามหนุ่มน้อยคนนั้นว่าอยากได้ไหม ถ้าอยากได้ก็เอารถขุดมาแลกกัน
ในสายตาที่กังวลของพ่อแม่ หนุ่มน้อยจึงส่งรถขุดให้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จากนั้นถืออมยิ้มขึ้นมาเลีย หลังจากเลียได้คำสองคำก็เบื่อและส่งให้พ่อแม่กิน
ฉินสือโอวจึงมองอย่างตกตะลึง ไม่แปลกใจที่เชอร์ลี่ย์จะดูถูกพวกเขา ตอนนี้เขาเองก็ทนไม่ได้แล้วเหมือนกัน
เขาจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ทั้งสามคนเก็บข้าวของและกลับไป กอร์ดอนจึงพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไมนะ? ธุรกิจของเราเพิ่งจะเริ่ม ฉันก็ต้องการจะหารายได้อีกแล้ว”
ฉินสือโอวจึงส่งสายตาให้พวกเขาหันกลับมามองและกัดฟันพูดว่า “เจ้าเด็กโง่ ตอนนี้ผู้ปกครองที่อยู่ที่นี่อยากจะจัดการพวกนายจะแย่แล้ว เข้าใจไหม? จะทำอะไรอย่าให้มันมากจนเกินไปเข้าใจไหม? รีบไปเลย! ไม่อย่างนั้นคืนพรุ่งนี้พวกนายไม่ต้องแต่งตัวเป็นผีเลย!”
เด็กๆ วัยรุ่นทั้งสามคนจึงหันหน้ามองไปรอบๆ จากนั้นท่ามกลางสายตาอันเศร้าหมองของกลุ่มผู้ปกครองก็ทำให้พวกเขาตัวแทบสั่น จึงรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสามคนก็รวมตัวกันและพูดคุยปรึกษากันสักพัก และตามคืนของเล่นให้เด็กคนอื่นๆ ทีละคน
พ่อแม่ของเด็กๆ ต่างพากันประหลาดใจ ฉินสือโอเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันจึงถามว่า “ทำไมพวกนายถึงเอาของเล่นไปคืนล่ะ?”
กอร์ดอนยักไหล่และพูดว่า “เราก็แค่เล่นกับเด็กๆ พวกนี้ ไม่ใช่ว่าจะเอาของเล่นของพวกเขาจริงๆ นอกจากนี้ เรายังให้บทเรียนกับพวกเขาอีกด้วย ธุรกิจไม่ใช่แค่การสร้างรายได้ ถ้าพวกเขาต้องการเพิ่มประสบการณ์ทางธุรกิจจริงๆ ก็จะต้องทำธุรกิจกับคนอย่างเรา”
พ่อแม่ที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูด จึงแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา จากนั้นก็พูดกับฉินสือโอวว่า “นี่คุณ ลูกชายของคุณพูดถูก เขาเป็นเด็กดี วันนี้เขาได้ให้บทเรียนที่มีชีวิตชีวาแก่พวกเด็กๆ”
ฉินสือโอวกลอกตาไปมา นี่คุณตาบอดเหรอ? ผมยังอายุน้อยขนาดนี้ คุณคิดได้อย่างไรว่าผมจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว?
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ฉินสือโอวจึงขับรถไปหาแบรนดอนเพื่อทำเรื่องกู้ยืม แบรนดอนบอกเขาว่าเงินจากแร่ทองคำไม่สามารถจ่ายให้เขาได้จนกว่าจะถึงวันปีใหม่ ทองคำนี้ค่อนข้างลำบากในการจัดการ เขาและเบลคก็ช่วยกันหาสาเหตุมาจัดการแก้ไข
ฉินสือโอวไม่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่อดทนรอต่อไป
ชื่อที่ลงนามในชุดใบเสร็จและกดลายนิ้วมือ ในที่สุดก็จัดการเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวถอนหายใจพร้อมกับโยนเช็คจำนวนมากแล้วพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็จะเป็นลูกหนี้เหมือนกันแล้ว”
แบรนดอนเก็บเอกสารอย่างระมัดระวังพลางพูดไปด้วยว่า “ฉันพนันได้เลยว่า เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของชาวแคนาดาต้องการเป็นหนี้เหมือนกับนาย”
ฉินสือโอวตบเช็คเบาๆ ไปมาและพูดว่า “แต่ฉันไม่อยากเป็น รอก่อนเถอะ ขอเวลามากสุดแค่ครึ่งปี ฉันจะจ่ายหนี้ห้าร้อยล้านให้หมด”
ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้ แบรนดอนคงต้องคิดว่าคนโง่กำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่แน่ๆ แต่หลังจากได้ยินฉินสือโอวพูดแล้ว เขากลับรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาและพูดอย่างมีความสุขว่า “นายเตรียมไปขุดซากเรืออับปางหรือยัง?”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ หลังวันฮาโลวีนผ่านไปแล้ว ฉันจะรีบปล่อยวาฬเบลูกาตัวน้อยของฉันออกไปและพยายามหาเรืออับปางให้ได้มากที่สุดและหาเงินมาคืน”
แบรนดอนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับทุบหน้าอกเบาๆ และบอกว่าเขายินดีให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ตามสัดส่วน ถ้าฉินสือโอวได้เงินห้าร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา เขาก็จะได้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านด้วย
ในช่วงเย็นแบรนดอนจะจัดงานเลี้ยงจึงเชิญฉินสือโอวและวินนี่ด้วย เขาบอกว่าตั้งแต่ทั้งสองคนแต่งงานกัน เขาก็ยังไม่เคยได้เลี้ยงข้าวเลย
ฉินสือโอวปฏิเสธแบรนดอนอยู่หลายครั้ง เขาจึงทำได้เพียงทิ้งพวกเด็กๆ ไว้แล้วไปรับประทานอาหารราคาแพงในภัตตาคารสุดหรู
เขาไม่ค่อยชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้เท่าไรนัก นอกจากสภาพแวดล้อมจะหรูหราแล้ว เขายังไม่เห็นว่าร้านอาหารสามระดับมิชลินนี้จะมีรสชาติดีอะไรขนาดนั้น รสชาติของอาหารก็แค่นั้นและยังสู้อาหารที่พ่อแม่ทำอยู่บ้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริงนี่คือความแตกต่างของวัตถุดิบ เนื้อและผักเกือบทั้งหมดในฟาร์มปลาล้วนได้รับการปรับปรุงโดยพลังโพไซดอน รสชาติของตัวมันเองจึงอร่อยกว่าเนื้อและผักจากข้างนอกมาก
ในขณะที่ทานอาหารอยู่ เอ็นแอลซีซีก็โทรศัพท์เข้ามาและพูดแสดงความยินดีเรื่องที่ฟักทองของเขาได้สร้างสถิติการปลูกฟักทองของนิวฟันด์แลนด์ ครั้งนี้รางวัลจึงตกเป็นของเขาและขอให้เขามารับรางวัลในวันรุ่งขึ้น
ในวันที่ 31 ฉินสือโอวจึงขับรถไปที่ตลาดเกษตร จากนั้นประธานของเอ็นแอลซีซีจึงออกใบรับรองและเซ็นเช็คให้เขาด้วยตัวเองและเขาก็ได้รับเงินห้าพันดอลลาร์แคนาดา
หลังจากมอบรางวัลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีคนถามฉินสือโอวว่าฟักทองลูกนี้ขายไหม ฉินสือโอวจึงถามกลับว่าให้ราคาเท่าไร คนคนนั้นจึงบอกว่าหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดา
เดิมทีเขาขี้เกียจที่จะขนฟักทองกลับ ถ้าราคาเหมาะสมพอใช้ได้ แต่หนึ่งพันดอลลาร์แคนาดาราคานี้มันต่ำเกินไปไหม? ฉินสือโอวรู้สึกว่าขนกลับไปทำพายฟักทองยังจะดีกว่า ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธ
เขานำฟักทองขึ้นเรือข้ามฟากและกลับเข้าไปในเมือง ซึ่งขณะนี้ในเมืองก็จัดเตรียมงานฮาโลวีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากพากันเปลี่ยนเป็นชุดฮาโลวีนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทุกครัวเรือนจะนำฟักทองมาวางไว้ที่หน้าประตู พอตกกลางคืนก็จะสามารถใช้เป็นโคมไฟฟักทองได้
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset