ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1391 คุณคือสิงโตตัวน้อย

ฉินสือโอวยังวางโคมไฟฟักทองไว้ที่ทางเข้าฟาร์มปลาและทางเข้าของวิลล่า ก่อนหน้านี้พวกเด็กๆ ทำโคมไฟมากกว่ายี่สิบอัน ฟักทองถูกขวักเอาเนื้อออกและส่วนด้านนอกก็จะมีรู หลังจากจุดเทียนไว้ข้างใน พอตกกลางคืนก็จะดูเหมือนสัตว์ประหลาดกำลังแสยะยิ้มอยู่จริงๆ
พ่อฉินและแม่ฉินจึงมองดูอย่างสงสัยและพูดว่า “คนแคนาดานี่แปลกจริงๆ พวกเขาไม่กลัวผีกันเหรอ? คิดไม่ถึงว่าเทศกาลผีที่นี่มีอะไรแปลกๆ มากมายเลย ไม่กลัวว่าจะเรียกผีมาจริงๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวจึงตอบว่า “พวกเขาก็กลัวผีเหมือนกัน แต่นี่เป็นเทศกาล พวกเขาไม่เชื่อว่าจะเจอผีจริงๆ ในวันนี้หรอก ขอแค่ไม่เจอผี แล้วจะกลัวอะไร?”
ในช่วงเย็น เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งรีบพุ่งไปที่ฟาร์มปลาราวกับสายลม พวกเขาแต่งตัวแตกต่างกัน โดยสวมหน้ากากที่วาดด้วยสีสำหรับทาหน้า หลังจากพวกเขาก็วิ่งมาถึงประตูวิลล่าและเริ่มเคาะประตูก๊อกๆ พร้อมกับตะโกนว่า “ทริกออร์ทรีต! ทริกออร์ทรีต! ทริกออร์ทรีต!”
ทริกออร์ทรีตหมายถึงการก่อความวุ่นวายเมื่อไม่มอบลูกอมให้ สโลแกนที่เด็กๆ พากันตะโกนออกมาในคืนวันฮาโลวีนเป็นวิวัฒนาการจากประเพณีการพูดต่อกันมาในแต่ละช่วง อันที่จริงเด็กๆ ในปัจจุบันไม่ใช่ว่าไม่มีลูกอม พวกเขาแค่พูดเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
ฟาร์มปลาจัดเตรียมลูกอมไว้จำนวนหนึ่ง ฉินสือโอวจับมันยัดใส่ให้พวกเขา เด็กวัยรุ่นที่สวมหน้ากากเป็นสไปเดอร์แมนคนหนึ่งก็ยกหน้ากากขึ้นอย่างผิดหวังและพูดว่า “ฉิน ทำไมคุณถึงเตรียมลูกอมล่ะ?”
ฉินสือโอวจึงเห็นว่าเป็นชาร์คน้อยและพูดว่า “นายทำตัวละครที่ไม่สร้างสรรค์แบบนี้ได้อย่างไร? สไปเดอร์แมนหมายความว่าอะไร?”
ซีมอนสเตอร์น้อยจึงยกหน้ากากขึ้นแสดงใบหน้าเช่นกัน จากนั้นก็ตะโกนว่า “เชอร์ลี่ย์ กอร์ดอนรีบออกมาเถอะ พวกเราไปในเมืองด้วยกัน”
มีเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้นที่บันได เด็กวัยรุ่นทั้งสี่ก็วิ่งลงมา เชอร์ลี่ย์สวมหมวกพระ สวมเสื้อคลุมพระสีแดงเหลืองและถือไม้เท้ายาวไว้ในมือ เธอแต่งตัวเป็นผู้ชาย ม้วนผมยาวขึ้น โกนคิ้วและดวงตาดูแข็งกร้าว ดูแล้วเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญทั้งหล่อดูดีและยังมีลักษณะอันสง่างามของพระถังซำจั๋ง
กอร์ดอนแต่งตัวเป็นซุนหงอคง แบกห่วงสีทองไว้บนบ่า พาวลิสเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ จึงแต่งตัวเป็นซัวเจ๋ง มีเคราดำอยู่ใต้คางและห้อยโครงกระดูกหนาๆ ที่เหมือนกับลูกประคำไว้ที่คอ ดูแล้วเขาทรงพลังมากที่สุด
มิเชลแบกคราดตะปูเก้าซี่เดินตามหลังมาติดๆ ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง เขาแต่งตัวน่าสมเพชมากที่สุด มีหูหมู จมูกหมูและมีพลาสติกคลุมท้อง ซึ่งดูเหมือนกับเต่ามะเฟืองตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนท้องของเขา
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ชาร์คน้อยและพรรคพวกก็หัวเราะเสียงดังขึ้นและชี้ไปที่มิเชลแล้วพูดว่า “นายเป็นหมูเหรอ?”
มิเชลชูคราดฟันตะปูเก้าซี่ใส่แล้วพูดว่า “หุบปากซะชาร์ค! ตามกฎของวันฮาโลวีน ใครก็ตามที่หัวเราะเยาะชุดของคนอื่นจะต้องถูกวิญญาณชั่วร้ายครอบงำอย่างแน่นอน!”
ชาร์คพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผีมาหลอกฉันเลยสิ กลัวซะที่ไหน? ใช่สิ นายยังไม่ได้ตอบเลยว่านายเป็นหมูหรือเปล่า?”
มิเชลหันคราดกลับมาและตะโกนว่า “หุบปาก ถ้านายยังพล่ามไม่หยุด ฉันจะเอาคราดนี่แทงนายจนเป็นรูเลย”
ชาร์คน้อยโบกมือไปมาและเชือกสีขาวเส้นหนึ่งก็ออกมาจากแขนเสื้อของเขา มิเชลจึงออกห่างจากเขาได้เพียงสองหรือสามเมตรและถูกยิงเข้าที่หน้า
“ยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!” ในขณะที่ชาร์คน้อยตะโกนดังลั่น กอร์ดอนก็ใช้ข้อศอกชนกับแขนของมิเชลอย่างสะใจและพูดว่า “น้องชาย นายโดนเขาโจมตีแล้ว นายมันน่าสมเพชเกินไปแล้วจริงๆ”
มิเชลฉีกเชือกเหนียวๆ ด้วยความไม่พอใจจนขาดแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฟังนะกอร์ดอน นายมันก็แค่คนงี่เง่าคนหนึ่งที่ไม่ควรแต่งตัวเป็นซุนหงอคงและฉันก็ต้องมาทนทุกข์กับนาย! ตอนนี้นายต้องแก้แค้นให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เล่นด้วย!”
กอร์ดอนรีบโบกมืออย่างรีบร้อนและพูดว่า “ใจเย็นน้องชาย นายต้องใจเย็น ทำไมถึงไม่เล่นล่ะ? ตอนนี้นายหล่อมากเลยนะ เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล ฉันจะแก้แค้นให้นายเอง!”
เมื่อพูดจบ เขาหันกลับไปวิ่งเป็นวงกลมและชูกระบองพลาสติกสีทองขึ้นแล้วตะโกนว่า “สิ่งชั่วร้ายภายใต้ท้องนภาอันกว้างใหญ่!”
ทั้งสี่คนต่างมีอาวุธอยู่ในมือ ชาร์คน้อยและคนอื่นๆ ไม่มี ดังนั้นชาร์คน้อยและพรรคพวกที่ติดตามทั้งสี่คนจึงตื่นตระหนกตกใจและแตกกระเจิงกันเข้าไปในตัวเมือง
จากนั้นไวส์จึงรีบวิ่งออกมา ชุดของเขาเรียบง่ายมาก ท่อนบนของเขาเปลือย ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวและรองเท้าส้นแบน ที่ด้านซ้ายของเอวใช้ลิปสติกสีแดงวาดรอยแผลสองสามจุด หลังจากที่เขาออกมาเขาก็ร้องตะโกนว่า ‘อะๆๆๆ’ เขาตะโกนสองสามครั้งและมองไปรอบๆ อย่างงุนงงและถามว่า “อาจารย์ กอร์ดอนกับคนอื่นๆ ล่ะครับ?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่ตัวเมืองพร้อมพูดว่า “พวกเขาหายไปแล้ว”
ไวส์จึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทั้งวิ่งทั้งโกรธไปด้วย “เป็นเพื่อนที่ไม่น่าไว้วางใจจริงๆ ผมบอกให้พวกเขารอผมด้วยแท้ๆ…”
ฉินสือโอวเรียกเขาและพูดว่า “ข้างนอกหนาวขนาดนี้ นายจะใส่แบบนั้นเหรอ? ไม่ได้ ต้องจะกลับไปใส่เสื้อผ้าหนาๆ นะ!”
ไวส์ปฏิเสธว่า “ไม่ครับอาจารย์ คุณดูไม่ออกเหรอว่าผมเป็นใคร?”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “ฉันรู้จัก บรูซ ลี  หลี่เสี่ยวหลงใช่ไหม? แต่ต่อให้จะเป็นหลี่เสี่ยวหลงจริงๆ ก็ตาม อากาศแบบนี้เขาคงไม่ปลือยท่านบนออกไปอยู่ข้างนอกหรอก!”
วินนี่หยิบเสื้อกันลมของฉินสือโอวออกมาแล้วสวมให้เขาพร้อมกับจัดแต่งแขนเสื้อให้ จากนั้นมัดดาบไม้ลูกท้อไว้ที่หลังของเขาและพูดว่า “ดูสิ ตอนนี้นายก็ไม่ได้กลายเป็นหยางกั้วจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดาแล้วเหรอ?”
เมื่อไวส์ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีและเขามองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “แล้วนกอินทรีของผมล่ะครับ?”
ฉินสือโอวกลอกตาไปมาและพูดว่า “นายตัวเล็กแบบนี้จะไปเอานกอินทรีมาจากไหน? นายมีนกน้อยเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นแหละ!”
วินนี่ตีเขา ไวส์ไม่เข้าใจที่เขาพูด แต่เธอกลับเข้าใจ จึงผิวปากเรียกแคลร์มา วินนี่จึงเอามันให้ไวส์และพูดว่า “ดูสิ จะไม่มีนกอินทรีได้อย่างไร? รีบไปเล่นเถอะ แต่ห้ามถอดเสื้อผ้านะ!”
ไวส์วิ่งออกไปพร้อมกับกอดแคลร์ไว้อย่างมีความสุขและพูดว่า “ไม่ถอดเสื้อผ้าแน่นอนครับ!”
ฉินสือโอวมองไปที่วินนี่พร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณไม่ไปเปลี่ยนเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเปลี่ยนก่อน”
วินนี่ยิ้มอย่างมีเสน่ห์พร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วพูดว่า “เราเปลี่ยนด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแหะแหะและแอบบีบสะโพกของเธอแล้วพูดว่า “คุณนี่สวยจริงๆ เลยนะ”
หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว ฉินสือโอวก็หัวเราะแทบไม่ออก เขามองไปที่ของที่วินนี่ยื่นมาให้และถามว่า “นี่มันอะไรกัน? ให้ตายเถอะ เราจะไปแสดงถล่มสิงโตคำรามกันเหรอ?”
วินนี่ถักผมเปียสองข้างแล้ววางไว้ที่ไหล่ซ้ายและขวา จากนั้นสวมกระโปรงแม่บ้านสีฟ้าอ่อนและเสื้อเชิ้ตสีขาวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ‘ถล่มสิงโตคำราม’ มันคือ ‘พ่อมดมหัศจรรย์แห่งเมืองออซ’ ฉันคือโดโรธี ส่วนคุณคือสิงโตตัวน้อยผู้น่ารัก ไม่ดีเหรอคะ?”
‘พ่อมดมหัศจรรย์แห่งเมืองออซ’ เป็นนิทานสำหรับเด็กที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา เล่ากันว่าโดโรธีเด็กหญิงตัวเล็กๆ จากแคนซัสถูกพายุทอร์นาโดพัดเข้าสู่โลกมหัศจรรย์และในที่สุดก็กลับบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากได้พบกับการผจญภัยใน ‘เมืองออซ’
หนึ่งในนั้น โดโรธีจะเป็นตัวเอก เป็นหญิงสาวที่น่ารักและจริงใจแล้วสิงโตตัวน้อยล่ะ? ฉินสือโอวไม่สนใจว่าสิงโตตัวน้อยจะเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่ได้ต้องการเป็นสัตว์ร้าย!
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset