ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1409 โครงสร้างสี่ระดับ

เมื่อก่อนฟาร์มปลาต้าฉินมีเพียงคนงานไม่กี่คน ฉินสือโอวคนเดียวสามารถดูแลได้ทั่วถึง ใครที่ทำงานหนัก ทำงานดี ใครที่ทุ่มเท เขาก็สามารถให้โบนัสตามใจ อีกอย่างมันก็ไม่ใช้เงินมากมาย
แต่ว่าตอนนี้หลังจากที่ขยายกิจการแล้ว จำนวนคนเปลี่ยนมามากถึงสี่ห้าสิบคน ถือว่าเป็นบริษัทขนาดเล็กแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ก่อตั้งบริษัทแบบเป็นที่แบ่งเป็นเจ็ดแผนกผู้นำสามระดับเหมือนบริษัทที่เป็นทางการ แต่อย่างไรเขาก็มีการสร้างโครงสร้างพนักงาน
ในฐานะที่ทำงานด้านบุคคลในบริษัทรัฐวิสาหกิจมาสี่ปี ฉินสือโอวค่อนข้างมีประสบการณ์ในด้านนี้ โครงสร้างการทำงานจะขึ้นอยู่กับทักษะเป็นหลัก หลังจากที่ผ่านการทำงานมาแล้วสามเดือน ต่อไปก็จะแยกเป็นแต่ละระดับ นักประมงระดับต้น นักประมงระดับกลาง นักประมงระดับสูง และนักประมงอาวุโส
เขาตั้งใจที่จะทำแบบนี้ เขาจะให้เงินเดือนตามระดับความสามารถ หลังจากนั้นทุกๆ ไตรมาสจะมีการประเมิน โดยมีเขา ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ แลนซ์ บลู นีลเซ็นและเบิร์ดเป็นผู้ประเมิน การประเมินไม่เพียงแต่จะเป็นการเลื่อนขั้น แต่ยังเป็นการลดขั้นด้วย
หลังจากสร้างโครงสร้างนี้ออกมาแล้ว ฉินสือโอวก็จะสามารถมอบฟาร์มปลาให้ชาวประมงเหล่านี้ได้อย่างสบายใจมากขึ้น
ด้วยความสามารถในการสร้างผลผลิตของฟาร์มปลา เขาสามารถเลี้ยงชาวประมงนับร้อยคนได้อย่างสบายๆ แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น ที่ฟาร์มปลามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ ถ้าใครสักคนสังเกตเห็น แบบนั้นจะเป็นปัญหาแน่
ชาวประมงสิบคนหาได้ง่ายจากในเมือง เขาได้รับกองจดหมายสมัครงานมากองหนึ่ง เป็นกองจดหมายที่รวบรวมชาวประมงนับสิบกว่าคนเอาไว้แล้ว เพียงแค่ปรึกษากันว่าสิบคนไหนที่จะเหมาะสมที่สุดก็ใช้ได้แล้ว
“ที่สำคัญคือนิสัย เหล่าสหาย ฉันอนุญาตให้คนใหม่ที่จะเข้ามามีนิสัยมุทะลุเหมือนกับบลู แต่เขาจะต้องขี้เล่นเหมือนบลูด้วยถึงจะใช้ได้”
บลูยกมือขึ้นกางออกพลางพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “อย่าทำแบบนี้เลย กัปตัน ที่แท้ภาพของผมที่อยู่ในใจของคุณเป็นแบบนี้เหรอ? ผมคิดมาเสมอว่าผมนั้นภักดีและกล้าหาญมาก”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดออกมาด้วยความเสียดายว่า “ขอโทษทีนะ แต่นายคิดมากเกินไปหน่อย”
เหล่าชาวประมงต่างกันหัวเราะออกมา บลูทุบโต๊ะด้วยความขมขื่น แต่จากนั้นก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
ตอนนี้ในมือของฉินสือโอวมองชาวประมงผู้ที่จริงจังและเข้มงวดอยู่คือชาร์ค ซีมอนสเตอร์และกลุ่มของบลูสิบคน ทั้งหมดรวมกันเป็นสิบสองคน ไม่รวมนีลเซ็นและเบิร์ด หน้าที่หลักของพวกเขาทั้งสองคนคือการประสานงานระหว่างชาวประมงและทหาร ที่ไหนที่จำเป็นต้องไปพวกเขาก็จะไปที่นั่น
ชาวประมงทั้งยี่สิบคนนี้ ฉินสือโอวกำหนดไว้แล้วว่าชาวประมงอาวุโสจะมีสี่คน นั่นคือชาร์ค ซีมอนสเตอร์ บลู และแลนซ์ ส่วนคนอื่นอีกแปดคนเป็นชาวประมงระดับสูง และชาวประมงที่รับสมัครเข้ามาใหม่จะเป็นชาวประมงระดับเริ่มต้น แม้ว่าจะมีทักษะทางทะเลเป็นอย่างดีก็จะยังคงเป็นชาวประมงระดับเริ่มต้น เขาได้ทำการตรวจสอบอารมณ์ของชาวประมงเหล่านี้แล้ว หากพบว่าไม่เหมาะที่จะทำงานเป็นทีมได้ เขาก็จะคัดออกทันที
ชาวประมงทั้งสิบคนถูกเลือกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างเป็นมือดีบนทะเล นิสัยก็ดีด้วย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพวกอารมณ์ร้อน แต่ก็รู้จักว่าอะไรดีไม่ดี แค่นั้นก็พอแล้ว มีชาวประมงที่ไหนบ้างที่ไม่อารมณ์ร้อน?
หลังจากที่เลือกชาวประมงทั้งสิบคนได้แล้ว ฉินสือโอวก็ให้ชาวประมงอาวุโสสองคนเตรียมทีมขึ้นมา ตอนนี้ที่เกาะแฟร์เวลมีพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ อีกแปดคนทำงานอยู่ข้างนอก ยังไม่กลับเข้ามา
เรื่องชาวประมงชาวจีน ฉินสือโอวได้ประกาศรับสมัครและได้รับข้อมูลผู้สมัครมาแล้ว เขาจึงพาชาร์ค แลนซ์และเบิร์ด รวมถึงนีลเซ็น บินจากมหานครเซนต์จอห์นไปยังเมืองออตโตวา เพราะว่าเอี๋ยนตงเหล่ยทำงานอยู่ที่นั่น
แม้ว่าเขาจะเป็นประธานสมาคมช่วยเหลือคนแคนาดาเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเลสาขานิวฟันด์แลนด์
ฉินสือโอวที่ล้อมรอบไปด้วยชาร์คเบิร์ด ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในห้องประชุมของโรงแรม ข้างในมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งรออยู่ เมื่อพวกเขาเห็นฉินสือโอวก็มีคนตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็พากันลุกขึ้นยืน แล้วมองไปยังเขาด้วยความอิจฉา
ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านชายฉินจะเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ชาร์คเบิร์ดทั้งสี่คนเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำ เมื่อพวกเขาทั้งสี่ล้อมรอบฉินสือโอวไว้ ทำให้ฉินสือโอวดูเต็มไปด้วยอำนาจ
ฉินสือโอวมองไปยังพวกเขาผ่านๆ คนที่เอี๋ยนตงเหล่ยเลือกมานั้นไม่เลวเลย คนพวกนี้เป็นชายหนุ่มอายุน้อย แต่ละคนเต็มไปด้วยพละกำลัง หลังจากที่พวกยืนขึ้นก็สามารถเห็นร่างกายตั้งตรงของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการฝึกทหารมาอย่างหนักหน่วง
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ คนพวกนี้ดูเหมือนกับทหารผ่านศึก ไม่มีความเป็นชาวประมงอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย
ชาวประมงนั้นเรียนรู้ได้ ตราบเท่าที่ผิวพรรณและรูปร่างดีก็ใช้ได้แล้ว พวกเขาตากแดดตากฝนประจำ ทำให้ผิวหนังดำและหยาบกร้าน ปกติร่างกายจะไม่มีทางยืนหลังตรงได้ หลังจะค่อมลงเล็กน้อย ท่าทางแบบนี้เกิดจากการที่ร่างกายปะทะกับลมทะเลบ่อยๆ
เมื่อเข้ามาในห้องประชุมแล้ว ฉินสือโอวก็ดูข้อมูลของคนพวกนั้น ปรากฏว่าพวกเขาเป็นทหารผ่านศึก ในสิบคนนั้นมีคนที่เป็นทหารเกษียณจากกองทัพของแคนาดา ส่วนคนอื่นๆ เป็นแรงงานจากในประเทศจีนที่ถูกส่งมา
นี่ทำให้ฉินสือโอวสงสัยเป็นอย่างมาก จึงถามออกมาว่า “เคยทานอาหารทะเลไหม?”
เอี๋ยนตงเหล่ยหัวเราะออกมาพลางพูดว่า “ไม่เคย ตอนนี้แคนาดาเศรษฐกิจไม่ดี อาหารทะเลเลยไม่อร่อยเท่าไหร่ ชาวประมงฝีมือดีในประเทศ ส่วนใหญ่เลยไม่ออกมา แต่คนพื้นที่ที่นี่ข้อเรียกร้องสูง เรื่องมาก ฉันเลยคัดออกให้นายแล้ว”
ฉินสือโอวพยักหน้า แบบนี้ก็ดีแล้ว ทหารผ่านศึกก็ดีเข้าไปใหญ่ จัดการง่าย มีวินัยที่แข็งแรง
เอี๋ยนตงเหล่ยและผู้ช่วยของเขาแนะนำพวกเขาคร่าวๆ ให้ฉินสือโอวอย่างรวดเร็ว เขาเลือกคนคนหนึ่งออกมาแล้วแนะนำว่า “คนคนนี้ชื่อเกิงจุนเจี๋ย เป็นคนที่น้องชายคนหนึ่งของผมแนะนำ เขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อตอนที่เป็นทหารเขาได้เป็นหัวหน้าสายชั้นมาตลอด เพื่อที่จะให้คนไม่มีปัญหา เขาสามารถที่จะอดทนทำงานหนักได้”
ฉินสือโอวมองเขา แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นเริ่มสัมภาษณ์จากคนนี้แล้วกัน”
ผู้ช่วยของเอี๋ยนตงเหล่ยออกไป จากนั้นร่างผอมสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเมตรของชายวัยกลางคนก็เข้ามาในห้อง ท่าทางดูกระฉับกระเฉง ท่าทางการเดินดูกระตือรือร้น ไม่มีท่าทีอืดอาดเลยสักนิด
หลังจากที่เดินเข้ามาเกิงจุนเจี๋ยก็ได้ทำความเคารพแบบทหาร ฉินสือโอคิดว่าเขาน่าจะอายุสามสิบห้าปี จากนั้นจึงให้เขาแนะนำตัว
ลักษณะการพูดจาของชายคนนี้เหมือนกับท่าทางนิสัยของเขา กระตือรือร้นกระฉับกระเฉง เขาแนะนำตัวเพียงไม่กี่ประโยค อย่างพวกเรื่องบ้านเกิด นิสัย อายุ และเกียรติยศต่างๆ ในระหว่างที่ปฏิบัติงาน เขาพูดแนะนำออกมาทีละข้อๆ
ฉินสือโอวถามเขาว่า “คุณเคยรับราชการในกองทัพมาก่อน ทำให้อายุเท่านี้ถือเกษียณออกมาแล้วล่ะ? อีกอย่างเพื่อนของผมก็บอกด้วยว่าคุณนั้นเก่งกาจมาก คนมีความสามารถแบบคุณ ทำไมถึงไม่ทำงานในบ้านล่ะ? คุณน่าจะหางานดีๆ ได้นะ?”
เกิงจุนเจี๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เพราะว่าผมต้องการเงินครับ ภรรยาของผมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เงินช่วยเหลือของกองทักไม่เพียงพอที่จะรักษาเธอได้ อีกอย่างเมื่ออยู่ในประเทศ ระดับการศึกษาของผมต่ำเกินไป ทำได้เพียงงานพนักงานรักษาความปลอดภัย บอร์ดี้การ์ดที่ได้เงินเดือนต่ำ ดังนั้นผมจึงคิดอยากจะมาทำงานหาเงินที่แคนาดา”
จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกขึ้นมาได้ เขาจึงให้เอี๋ยนตงเหล่ย แล้วก็พวกของชาร์คถามคำถามของแต่ละคนออกมา หลังจากที่สัมภาษณ์เกิงจุนเจี๋ยจนพอใจแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจจ้างเกิงจุนเจี๋ย
แน่นอนว่าเขาก็มีข้อเสีย นั่นคือระดับการศึกษาที่ค่อนข้างต่ำ เขาเป็นทหารก่อนที่จะจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย แบบนี้การที่จะเรียนเรื่องงานบนทะเลจึงค่อนข้างลำบาก เรื่องที่สองคือภาษาอังกฤษของเขาค่อนข้างแย่ สามารถสื่อสารได้เพียงประโยคง่ายๆ เท่านั้น ทำให้ฉินสือโอวต้องกลายเป็นล่ามให้เขา
แต่นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เรื่องอื่นๆ ของเขานั้นถือว่าสมบูรณ์แบบ มีความรับผิดชอบ ทำงานหนัก ซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย มีความยืดหยุ่นในตัว ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นหัวหน้ามาแล้วสิบกว่าปี นั่นเป็นประสบการณ์ที่มากพอที่จะนำทีมเล็กๆ ได้ ทำให้สามารถช่วยฉินสือโอวจัดการเรื่องต่างๆ ได้
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset