ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1411 วันแย่ๆ

ดูออกว่า เบิร์ดมีพลังในการปราบปรามความใจร้อนของแม็ตต์มาก หลังจากเขาพูดจบ แม็ตต์มองไปยังเบิร์ดจากนั้นก็ปลีกตัวออกมา เขาเดินไปที่โต๊ะด้วยความหงุดหงิด ทหารคนหนึ่งที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานยื่นเบียร์ให้เขาหนึ่งขวด เขายกขวดขึ้นแล้วเทเบียร์เข้าปาก
เบิร์ดแสดงท่าทีเหมือนหาที่นั่งให้ฉินสือโอว ในโทรทัศน์เริ่มฉายสารคดีเกี่ยวกับสงครามสมัยใหม่ของอังกฤษ โดยบรรยายจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เหล่าทหารต่างดูสารคดีนั้นด้วยสายตานิ่งสงบ หลังจากนั้นก็พากันหัวเราะสนุกสนานต่อไป
“งานวันรำลึกเริ่มตอนสิบเอ็ดโมง” เบิร์ดพูดอย่างสงบนิ่ง “นี่ยังเร็วไปอยู่เลย”
ฉินสือโอวมองดูเวลา ตอนนี้พึ่งจะเก้าโมงครึ่งเอง ยังเช้าไปจริงๆ แต่ว่าทหารเหล่านี้ดื่มเบียร์กันเร็วไปหรือเปล่านะ? ตอนนี้พวกเขาเริ่มดื่มกันแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถผ่านไปถึงตอนเย็นได้
ฉินสือโอวกวาดสายตามองดูทหารเหล่านั้น เขาเห็นว่าพวกเขาดูไม่ค่อยคุ้นชินกันมากนัก มีบางคนกำลังแนะนำตัวเอง เขาจึงถามเบิร์ดออกมาด้วยความสงสัย
เบิร์ดพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้ทำงานด้วยกัน แต่เมื่อผ่านการแนะนำใครสักคน พวกเราก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ เช่นพวกแบล็คไนฟ์ พวกเขาไม่เหมือนกับผมที่ถูกย้ายไปยังแคนาดา พวกเขาเป็นเพียงทหารรับจ้างเท่านั้น ทำให้มีสหายชาวแคนาดา…”
เบิร์ดกางแขนออก แสดงท่าทีว่าเป็นที่รู้ๆ กันอยู่
เฟอร์กูสันหยิบขวดเบียร์มาให้ฉินสือโอว พลางถามว่า “ดื่มสักแก้วไหม?”
ฉินสือโอวรับขวดเบียร์มา “ดื่ม”
เฟอร์กูสันนั่งอยู่ตรงข้ามกับฉินสือโอว เขายกขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ดื่มแรกแด่คุณที่ดูแลเพื่อนของพวกเรา เวลาที่ผมกับแบล็คไนฟ์คุยกัน ผมมักจะได้ยินชื่อของคุณ เพื่อนของผมไม่ค่อยเคารพใครง่ายๆ แต่ว่าเขาดูเคารพคุณมากเลยนะ”
“ผมเป็นหัวหน้าของเขา ผมให้เงินเดือนเขา เขาก็ต้องเคารพผมเป็นธรรมดา” ฉินสือโอวยิ้มออกมา “พวกเราควรจะเคารพคนทุกคนที่สามารถจ่ายเงินเดือนให้เราได้ ไม่ใช่เหรอ?”
เฟอร์กูสันยักไหล่ “คงงั้นล่ะมั้ง? แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนคุณ ที่จะยอมปฏิบัติตัวด้วยความใจกว้างแบบนี้ อย่าโทษแม็ตต์เลยนะ คุณก็เห็น เมื่อพวกเราทุกคนอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร”
เฟอร์กูสันพูดพลางส่ายหัวไปมา นีลเซ็นพูดต่อจากเขาว่า “ใช่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่บอส ผมคงได้เป็นคนขายปืนไปตลอดชีวิตแน่ หรือไม่ก็เป็นทหารจนเกษียณอายุ ได้รับเงินบำนาญมาก้อนหนึ่ง จากนั้นก็ตายไปทั้งแบบนี้”
เบิร์ดพูดว่า “ใช่แล้ว ไม่ว่าจะที่แคนาดาหรือว่าอเมริกา สุนัขที่ออกจากบ้านมาแล้วไม่มีใครสนใจ แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ล่ะ? พวกเราไปเป็นทหาร ก็เพราะว่าพวกเราหางานไม่ได้ แต่ไม่ได้รักประเทศจริงๆ พวกคุณรักประเทศไหม?”
เฟอร์กูสันใช้มือข้างขวาที่พิการทำท่ากำลังนับธนบัตร “ฉันรักแค่ของพวกนี้ ประเทศน่ะเหรอ? ปล่อยแม่งไปเถอะ”
ฉินสือโอวไม่อยากขัดจังหวะ เขาฟังพวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องชีวิตในระหว่างที่เป็นทหารและชีวิตในช่วงสองปีก่อนหน้านี้ เรื่องในอดีตกลายเป็นเรื่องตลกขบขัน ส่วนอนาคตกลับเต็มไปด้วยความเศร้า
“ใช่แล้ว นายยังจำเลคเลิร์คได้ไหม? ไอ้ตัวเล็กที่ขับรถถังนั่นน่ะ?” เฟอร์กูสันถามเบิร์ด
เบิร์ดขมวดคิ้วจากนั้นก็ส่ายหน้า เขาหันไปถามแบล็คไนฟ์ “เฮ้ เพื่อน เลคเลิร์คคนไหนที่ขับรถถังนะ? ฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย?”
แบล็คไนฟ์หัวเราะออกมา “แน่นอนว่านายจำเขาไม่ได้ ระหว่างพวกนายไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เฟอร์กูสันมาก่อนหน้าพวกนายใช่ไหม? ไอ้นี่เมาแล้วสับสน เขาสับสนความสัมพันธ์ระหว่างพวกนายน่ะ”
เฟอร์กูสันพูดขึ้นว่า “มันไม่สำคัญหรอก อีกอย่างเพื่อนที่ดีคนนี้ เขาตายไปเมื่อปีที่แล้ว เขาถูกคนทำร้ายจนตายตอนที่ไปต่อสู้กับชาวเม็กซิกันที่ชายแดน ฉันและเพื่อนอีกสองคนไปรับศพของเขามา สภาพศพของเขาเหมือนกับสุนัขเลย”
เบิร์ดพูดออกมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ก็ยังดี ไม่ได้ฆ่าตัวตายใช่ไหม? ดูแม็ตต์สิ ฉันกล้าพนันเลย สาเหตุการตายของเขาจะต้องเป็นเพราะกลืนลูกปืนลงไปแน่”
ฉินสือโอวนั่งฟังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง คนพวกนี้พูดเรื่องความตายออกมาได้ง่ายดายมาก แม้กระทั่งคาดเดาการตายของเพื่อนร่วมรบอีกด้วย เอาใจเราไปวัดกับคนอื่น หากเพื่อนที่พูดถึงเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย คงไม่พูดออกมาได้ง่ายๆ แบบนี้แน่
ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาไม่สามารถหลบซ่อนจากสายตาของเหล่าทหารได้ เฟอร์กูสันถามออกมาว่า “คุณฉิน คุณรู้ไหมว่าพวกเราเสียใจเรื่องอะไรมากที่สุดหลังจากที่พวกเราเกษียณ?”
ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาว่า “ไม่น่าเกษียณเลยเหรอ?”
เฟอร์กูสันหัวเราะออกมา “เกือบถูกแล้ว หรือพูดได้ว่าพวกเราควรจะตายตั้งแต่อยู่ที่สนามรบแล้ว ไม่ใช่พยายามที่จะเอาชีวิตรอดต่อไป! ถ้าหากว่าพวกเราตายที่นั่น เหมือนกับทหารที่อิรัก อัฟกานิสถาน และที่เม็กซิโกพวกนั้น ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยก็มีค่าทำศพและเงินชดเชย แล้วหลังจากเกษียณล่ะ? แม่งเอ๊ย ชีวิตยังดีไม่เท่าสุนัขเลย ส่วนตายก็ตายเหมือนกับสุนัข!”
เขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาเสียงดัง คนที่อยู่ด้านหลังได้ยินทุกคน คนส่วนใหญ่ยกขวดเบียร์ขึ้นมาพลางตะโกนออกมาว่า “แม่งเอ๊ย มาๆ เฉลิมฉลองชีวิตที่เหมือนกับสุนัขของพวกเรากัน!”
ฉินสือโอวยกขวดเบียร์ขึ้นมาเหมือนกับพวกเขา หลังจากที่อยู่กับพวกทหารในครั้งนี้เขาก็ค้นพบว่า พวกเขาเหล่านี้โดนดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย ประเทศจีนเป็นที่แห่งความโกรธแค้นของนักศึกษา ส่วนที่แคนาดาเป็นที่แห่งความโกรธแค้นของทหารที่เกษียณ เรื่องพวกนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทั้งสองประเทศ
เขาพูดเรื่องนี้ให้เบิร์ดและนีลเซ็นฟัง เบิร์ดถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ไม่เหมือนกันครับ พวกเราทุกคนเคยผ่านสนามรบมาก่อน เห็นคนตายมานับไม่ถ้วน ถ้าหากว่าเป็นทหารมือใหม่เหล่านั้น งานของพวกเราไม่มีอะไรนอกจากหัวเราะกันในงานเลี้ยง”
นีลเซ็นเห็นว่าฉินสือโอวไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายว่า “ในวงเพื่อนสังคมเล็กๆ ของพวกเรา ต่างเคยอยู่ในสงครามมาก่อน เคยฆ่าคนและเคยเกือบโดนฆ่า ทหารมือใหม่คือทหารที่ประจำกันการอยู่ในประเทศเท่านั้น ฝึกไม่กี่ปีก็ได้กลับบ้านแล้ว สำหรับพวกเขาแล้ว อาชีพทหารเป็นเพียงอาชีพที่สามารถเอาไปโอ้อวดในช่วงชีวิตหนึ่งได้ สำหรับพวกเราแล้ว มันคือฝันร้าย”
เรื่องนี้ฉินสือโอวเข้าใจ แคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่นเคยออกอากาศเรื่องนี้ นายพลจัตวาฮิวจ์แมคเคย์หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแทย์ของกองทัพแคนาดากล่าวว่า อัตราการฆ่าตัวตายของทหารแคนาดาสูงกว่าทหารแคนาดาที่ถูกส่งตัวไปยังอัฟกานิสถานอย่างมีนัยสำคัญ
ฉินสือโอวมองไปยังเบิร์ดและนีลเซ็น แล้วพูดออกมาว่า “เท่าที่ฉันเห็นสภาพจิตใจของพวกนายทั้งสองคนไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม? เพราะอะไรล่ะ? พวกนายมีเคล็ดลับอะไร?”
ในทางตรงกันข้าม ท่าทางของแม็ตต์เมื่อครู่รวมถึงเฟอร์กูสันในตอนนี้ อันที่จริงสามารถมองเห็นความผิดปกติของสภาพจิตใจของพวกเขาได้ อย่างแม็ตต์เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเขามีปัญหาทางสุขภาพจิต ฉินสือโอวรู้สึกว่าในอนาคตชายคนนี้อาจต่อต้านสังคมได้
เมื่อได้ยินคำถามของเขา นีลเซ็นก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ง่ายมากเลย ฆ่าคนให้เยอะ ฆ่าจนรู้สึกชินชาไปแล้ว”
ฉินสือโอวมองไปยังคนทั้งสองด้วยความตกใจ เบิร์ดกลอกตาพลางโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ขอร้องล่ะ ไอ้โง่ จะล้อเล่นก็ให้มันรู้สถานการณ์บ้าง โอคไหม?”
เขามองไปยังฉินสือโอว แล้วพูดออกมาว่า “เรื่องนี้มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งคือเรื่องของหน้าที่ของทหาร ผม นีลเซ็นและพวกแบล็คไนฟ์ เมื่อตอนที่ปฏิบัติภารกิจต่างเป็นพลซุ่มยิง ประสบการณ์ที่ทำให้กระทบจิตใจมีไม่มาก จึงไม่ได้ถูกกระตุ้น อีกอย่างคือทัศนคติ พวกเราสามารถปล่อยวางได้ ดังนั้นสภาพจิตใจจึงดีขึ้น”
นีลเซ็นพูดออกมาว่า “แต่พูดกันตามจริงแล้ว ที่ดีขึ้นมาเพราะว่าพวกเราได้มาอยู่ในที่อย่างฟาร์มปลาแห่งนี้ สภาพแวดล้อมสวยงาม ใช้ชีวิตไปอย่างช้าๆ รอบข้างเจอแต่เพื่อนที่เข้าใจกัน เงินเดือนก็ดี ความกดดันน้อย พวกเราไม่ได้รับแรงกดดัน นี่คือสาเหตุหลัก”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset