ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1418 ติดพิษทั้งหมด

กิจกรรมในครั้งนี้มีความหมายจริงๆ เมื่อกลับมาฉินสือโอวก็ดูข่าวภาคค่ำ พวกเขาทุกคนอยู่ในโทรทัศน์ แต่อย่างไรก็ตามพวกเด็กๆ ที่ถูกแช่แข็งก็ดูมีความสุขมากเช่นกัน
ตอนที่กำลังเก็บข้าวของกันอยู่ ฉินสือโอวพบว่ายังมีเทียนเหลืออีกสองเล่ม เขาคิดจะทิ้งมัน แต่เมื่อเออร์บักเห็นมัน เขาก็พูดออกมาว่า “เฮ้ ฉิน อย่าพึ่งทิ้ง เก็บไว้ก่อน ใกล้ถึงวันคริสต์มาสพอดี มันสามารถใช้ในการแสดงแสงสีจากเรือในวันคริสต์มาสได้”
ในแคนาดาแต่ละที่จะฉลองวันคริสต์มาสแตกต่างกัน เหมือนที่คนจีนฉลองวันปีใหม่ งานเฉลิมฉลองมีลักษณะคล้ายกัน แต่ความแตกต่างอันเล็กน้อยนี้ค่อนข้างใหญ่ ทุกพื้นที่ต่างก็มีกิจกรรมการเฉลิมฉลองที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
ที่เกาะแฟร์เวลมีกิจกรรมหนึ่ง ปกติแล้วจะจัดคืนก่อนวันคริสต์มาส โดยการปล่อยเรือไฟเข้ามาในทะเลสาบเฉินเป่า
เรือไฟนี้ ไม่ใช่เรือที่ตกแต่งด้วยไฟต่างๆ แต่เป็นแสงไฟเล็กๆ ที่รวมกันเป็นรูปเรือลำหนึ่ง งานนี้ฉินสือโอวเคยเห็นมาก่อน คนส่วนมากเคยเห็นมันมาก่อน ที่ผับดาราประกายก็มีเรือไฟสองสามลำ แต่ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดมาตลอดว่าของพวกนี้คือเรือจำนวนมากที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง ไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะการตกแต่งไฟแบบนี้
เวลาผ่านไปเรื่อย ปกติฉินสือโอวมักจะยุ่งอยู่กับการเตรียมการตกปลาและส่งสินค้าให้บัตเลอร์ เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของเดือนธันวา ที่อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันคริสต์มาสแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มเตรียมต้นคริสต์มาส
ทรัพยากรป่าไม้ของแคนาดานั้นอุดมสมบูรณ์มาก แค่ไปที่ป่าและตัดต้นสนเล็กๆ มาต้นหนึ่งก็พอแล้ว ฉินสือโอวใช้เครื่องตัดไม้น้ำมันดีเซล เขาพาพวกเด็กๆ และหูเป่าฉงหลัวไปยังป่าเล็กๆ ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของฟาร์มปลา
ในป่าเต็มไปด้วยหิมะ สองวันมานี้อากาศค่อนข้างดี หิมะในฟาร์มปลาละลายจนเกือบหมดแล้ว แต่ในป่ายังคงมีหิมะหนาแน่น ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ ทั้งบนต้นไม้แต่พื้นดินต่างมีแต่หิมะปกคลุม
พวกฉงต้าค่อยๆ เดินไปบนพื้นหิมะช้าๆ ฉินสือโอวเดินไปใต้ต้นสนต้นหนึ่งพลางมองไปรอบๆ ทุกคนต่างพากันเดินมาอยู่ข้างๆ เขา
กอร์ดอนด้อมๆ มองๆ ไปยังพวกเขา จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปที่หลังต้นไม้ เขาแสยะยิ้มและใช้เท้าเตะเข้าไปที่ต้นไม้ แต่ว่าฉินสือโอวสังเกตเห็นเขาตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังมีความคิดเดียวกัน ฉินสือโอวยกเท้าขึ้นมา ฝั่งของฉินสือโอวนั้นเตะไปบังลำต้นของต้นไม้ จากนั้นเขาก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
‘สวบ ซ่า’ ทันใดนั้นต้นสนต้นเล็กก็สั่นไหวไปมา หิมะที่อยู่ตามกิ่งไม้ร่วงลงมาทันที ก่อนหน้านี้หิมะตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บนต้นไม้มีหิมะปกคลุมอยู่ไม่น้อย หลังจากที่หิมะร่วงลงมาพวกเขาก็ไม่สามารถเห็นตำแหน่งที่กอร์ดอนได้ ทำให้ต้องแยกกันหากอร์ดอน
ในกองหิมะที่เดียวกัน สีหน้าของฉงต้านิ่งเฉย บนหัวของมันมีกองหิมะอยู่ มันยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบนิ่ง หู่จือและเป้าจือส่ายหัวไปมาอย่างรวดเร็ว หิมะที่อยู่บนร่างของมันกระเด็นไปถูกร่างของกอร์ดอน ราชาเจ้าป่าซิมบ้าปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว ตูดอ้วนๆ ของมันนั่งอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง ท่าทางดูสบายเป็นอย่างมาก
สีหน้าของกอร์ดอนเหมือนจะร้องไห้มา เขาถอดเสื้อออกและกระโดดไปมา เกล็ดหิมะจำนวนหนึ่งตกเข้ามาใส่คอของเขา ตอนนี้หิมะพวกนั้นกลายเป็นน้ำและไหลเข้าไปในเสื้อของเขาแล้ว มันทำให้เขาอึดอัด
ไวส์พูดกลั้วหัวเราะว่า “นายนี่หาเรื่องจริงๆ ไปหาเรื่องใครไม่หา มาหาเรื่องอะจารย์งั้นเหรอ?”
กอร์ดอนเดินเข้าไปหาไวส์ด้วยท่าทีอุกอาจ ไวส์ชี้ไปที่เขาและพูดเตือนว่า “นายมองแบบนี้อยากโดนพิษใช่ไหม?”
ฉินสือโอวให้ทั้งสองคนเงียบๆ เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าแห้งยัดเข้าไปในเสื้อของกอร์ดอน แล้วเช็ดตัวกอร์ดอนจนแห้งพลางพูดออกมาว่า “ฉันพาพวกนายมาเพื่อหาต้นคริสต์มาส พวกนายจริงจังกันหน่อย เข้าใจไหม?”
กอร์ดอนที่รู้สึกสบายขึ้นแล้ว เมื่อฉินสือโอวหันไป เขาก็หยิบหิมะที่ตกลงมายังพื้นก่อนหน้านี้ขึ้นมาปั้นเป็นก้อน แล้วขว้างใส่ไวส์
ไวส์ไม่ทันได้เตรียมตัว เขาถูกบอลหิมะกระแทกใส่พอดี เขาตะโกนออกมาด้วยความโมโหว่า “ฉิน คุณดูเขาสิ…”
กอร์ดอนพูดแทรกขึ้นมา พร้อมรอยยิ้มเย็นว่า “นายแค่หาเรื่องฟ้องผู้ใหญ่เท่านั้น ใช่ไหม? ว่าไงจอมยุทธไวส์?”
คำสบประมาทพวกนั้นสำหรับไวส์ก็เหมือนกับการตะโกนบอกว่า ‘ฟัคยู’ จอมยุทธไวส์ไม่พูดอะไรสักคำ เขาก้มตัวลงและเริ่มปั้นลูกบอลหิมะ จากนั้นก็ขว้างกลับไปโจมตีกอร์ดอน
ทั้งสองคนตะโกนโวยวายไล่กันไปมา ไวส์วิ่งตามกอร์ดอนไม่ทัน เลยขอให้มิเชลมาช่วย ลูกบอลหิมะบินไปมาทั่วทั้งป่า เป็นการยากที่กอร์ดอนจะเอาชนะมือทั้งสี่ได้ เขาทำได้เพียงไปขอความช่วยเหลือจากพาวลิส
ฉินสือโอวตะโกนเรียกพวกเขาทั้งสองคนแต่ไม่มีใครฟัง เขาจึงเลิกสนใจ เด็กๆ เล่นสงครามหิมะกัน เป็นเรื่องปกติ
เขามองดูต้นสนเล็กๆ ในป่าแห่งนี้อย่างละเอียด เชอร์ลี่ย์เดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่เดินไปหยุดอยู่ใต้ต้นสนอีกต้นหนึ่ง เธอก็แอบยิ้มออกมาแล้วคิดอยากจะเข้าไปเตะต้นไม้ต้นนั้น
ฉินสือโอวคิดเงียบๆ ว่ายิ่งโลลิต้าโตขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ใช้ความคิด บทเรียนจากกอร์ดอนก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ในความทรงจำแล้วใช่ไหม? เขารอจนเชอร์ลี่ย์เดินมาจนถึงใต้ต้นไม้ จากนั้นก็เขาก็เตะเข้าไปยังลำต้นของมัน และหิมะก็ร่วงหล่นลงมา
ผมสีบลอนด์ของเชอร์ลี่ย์เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน เธอปัดหิมะที่อยู่บนเสื้อด้วยท่าทีเสียใจ เธอเดินเข้ามาฉินสือโอวแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางน่ารักว่า “ฉิน คุณแกล้งหนู”
ฉินสือโอวกลอกตาแล้วพูดว่า “เธอมาหาฉันเองโอเคไหม? ปกติแล้วฉันจะสอนพวกเธออยู่เสมอไม่ใช่เหรอ? ไม่หาเรื่องก็ไม่เกิดเรื่อง…”
เชอร์ลี่ย์มองเขาด้วยท่าทีปั้นปึ่ง พลางสะบัดเสื้อของตัวเอง หลังจากนั้นจู่ๆ เธอก็แสดงท่าทีทุกข์ใจออกมา เธอพูดขึ้นว่า “มีหิมะตกเข้าไปในเสื้อของหนู มันเริ่มละลายแล้ว”
ระหว่างที่พูด เธอก็คว้าแขนเสื้อของฉินสือโอวไว้ พลางพูดขึ้นมาอย่างอายๆ ว่า “คุณช่วงหนูเช็ดมันหน่อยได้ไหมคะ? เหมือนที่คุณทำให้กอร์ดอนเมื่อกี้….”
ฉินสือโอวเกือบจะสำลักออกมาเพราะคำพูดเหล่านั้น เขาก้มหน้าลงมองหน้าอกของโลลิต้า เมื่อครู่ที่เชอร์ลี่ย์ปัดหิมะที่อยู่บนร่างกายของตัวเอง เธอได้รูดซิปเสื้อโค้ตขนเป็ดลง เผยให้เห็นร่างกายที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งปรากฏออกมา โดยเฉพาะที่หน้าอก ที่เห็นขึ้นมาอย่างชัดเจน
ท่านชายฉินที่กำลังคิดหาวิธีปลอบใจโลลิต้า ก้อนหิมะก้อนใหญ่ก็ร่วงลงมาอีกครั้ง คราวนี้มันโดนเข้าที่หัวของโลลิต้าเต็มๆ
กอร์ดอนหัวเราะอยู่ด้านหลังอย่างมีความสุข “เชอร์ลี่ย์ มา มาเล่นสงครามหิมะกัน เธอกับฉินกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?”
ท่าทางขี้อายของเชอร์ลี่ย์เมื่อครู่นี้ถูกแทนที่ด้วยท่าทางเศร้าหมองทันที เธอกัดฟันกรอด เธอหันกลับมาแล้วยิ้มให้ “เอาล่ะ ฉันกำลังไป…”
เธอพูดพลางก้มตัวลงไปปั้นลูกบอลหิมะ หลังจากที่ปั้นหิมะอย่างดี จากนั้นก็วิ่งไล่กอร์ดอนราวกับกวางน้อย
ไม่นาน เสียงหัวเราะชอบใจของกอร์ดอนก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง ฉินสือโอวจ้องมองไปยังร่างอันมีเสน่ห์ของโลลิต้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
ไม่นานหลังจากที่เชอร์ลี่ย์เข้าร่วมสงคราม สงครามหิมะอันสนุกสนานของพวกเด็กๆ ก็สิ้นสุดลง หัวของกอร์ดอนมีรอยปูดอยู่สองลูก ไวส์และพาวลิสมีคนละหนึ่งลูกใหญ่ ใบหน้าของมิเชลบวมข้างหนึ่ง พวกเขาเข้ามาช่วยตัดไม้อย่างเงียบๆ
ฉินสือโอวทนมาสักพักแล้ว เขาถามออกมาว่า “ทำไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้? นี่เล่นสงครามหิมะหรือว่าใช้ปืนใหญ่กันแน่?”
เชอร์ลี่ย์โบกมือปัดไปมา “อย่าไปสนใจพวกเขาเลยค่ะ พวกเขาทุกคนโดนพิษกันหมดเลยค่ะ”
พวกเขาตัดต้นสนที่มีขนาดสูงกว่าคนหลายเท่า ฉินสือโอวและพวกเด็กๆ พามันกลับไปยังฟาร์มปลา หลังจากนั้นก็เตรียมของขวัญและนำมาแขวนบนต้นไม้เพื่อตกแต่งอย่างระมัดระวัง
พวกชาวประมงเก็บรวบรวมเปลือกหอยและของที่คล้ายกันมา ฉินสือโอวพูดติดตลกด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายคิดจะใช้เปลือกหอยพวกนี้ตกแต่งต้นคริสต์มาสเหรอ?”
ชาร์คยักไหล่พลางพูดกลั้วหัวเราะว่า “ไม่ใช่ พวกเราจะเอามาพวกมันมาทำเรือไฟ”
ฉินสือโอวเคยเล่นเรือไฟตอนเด็กๆ มันคือเรือเล็กๆ ที่ทำขึ้นจากกระดาษ แค่ใส่เทียนเล็กๆ ลงไปก็ใช้ได้แล้ว ทำไมต้องใช้เปลือกหอยด้วยล่ะ?
อันที่จริงมันง่ายมาก หลังจากที่พวกชาวประมงขัดเปลือกหอยให้บางลง พวกเขาก็เอาเทียนเล่มเล็กมาติดลงบนเปลือกหอย แบบนี้หลังจากที่จุดไฟแล้วมันก็จะกลายเป็นเรือไฟทันที
วัสดุในท้องถิ่นพวกนี้ ทั้งสวยงามและราคาไม่แพง
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset