ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1419 เรือไฟล่องสู่ทะเล

พูดกันตามความจริงแล้ว ฉินสือโอวเคยเห็นเรือไฟมาก่อน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพวกมันจะถูกปล่อยออกมาก่อนคืนวันคริสต์มาส ดังนั้นเขาจึงถามชาร์ค
ชาร์คบอกว่า เมื่อก่อนการตกปลาในทะเลเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงมาก คนส่วนมากที่ออกทะเลไปแล้วไม่ค่อยได้กลับมา เพราะแบบนี้ ทุกปีในคืนวันคริสต์มาสอีฟ พวกชาวประมงจะพาครอบครัวไปปล่อยเรือไฟ หนึ่งเพื่อเป็นการอธิษฐานขอให้ราบรื่น และสองเพื่อเป็นแสงไฟนำทาง ถ้าหากว่าหลังจากนี้พวกเขาตายในท้องทะเลลึก ดวงวิญญาณก็จะสามารถตามเรือไฟพวกนี้กลับมาได้
ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทันท่วงที ประเพณีนี้ในหลายๆ ที่ก็ได้หายไป อีกที่จริงแล้วที่เกาะแฟร์เวลก็ไม่ได้มีกิจกรรมปล่อยเรือไฟในคืนคริสต์มาสอีฟมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
“เหมือนที่ฉันบอก ปีที่แล้วไม่มีกิจกรรมนี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ปีนี้ถึงคิดอยากจะจัดมันขึ้นมาล่ะ?” ฉินสือโอวเล่นกับเปลือกหอยขัดเงาในขณะที่พูดออกมา
ชาร์คตอบกลับว่า “ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ นายกเทศมนตรีวินนี่จัดขึ้นมาน่ะ ดูเหมือนว่าจะร่วมมือกับงานถ่ายภาพยนตร์ ที่คาเมรอนกำกับมีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเพณีนี้ พวกเราจะเจอเข้ากับพายุเฮอริเคนหลังจากวันคริสต์มาสไม่กี่วันไม่ใช่เหรอ? ผมได้ยินมาว่า ภาพยนตร์ได้มีการเปิดกล้องแล้ว งั้นพวกเรามาร่วมอธิษฐานให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นกันเถอะ และขอให้เป็นการนำทางเราไปสู่เรืออับปางที่จะเจอในอนาคตด้วย”
ฉินสือโอวนึกขึ้นมาได้ในทันที ที่แท้ลูกเรือที่มายังเมืองแฟร์เวลนี้ ก็เป็นดาราภาพยนตร์ที่ดูสดใสพวกนั้นนั่นเอง ในตอนที่ถ่ายภาพยนตร์กันจริงจังพวกเขาก็ลำบากกันไม่น้อย อีกไม่นานก็จะวันคริสต์มาสแล้ว พวกเขาไม่สามารถกลับบ้านไปเฉลิมฉลองได้ พวกเขาจำเป็นต้องมาถ่ายภาพยนตร์ในช่วงที่สองที่เกาะแฟร์เวล
การปล่อยเรือไฟเป็นประเพณีดั้งเดิม ฉินสือโอวต้องการที่จะเข้าร่วมและเป็นผู้จัดด้วย พอถึงเวลานั้นพวกเขาต้องออกงานด้วยกัน ต้องเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก
เมื่อคนมากงานก็สำเร็จเร็ว ไม่นานเปลือกหอยจำนวนมากก็ได้กลายมาเป็นเรือขนาดเล็ก
พวกชาวประมงใช้เครื่องขัดในการขัดเปลือกหอย เด็กๆ เข้ามาช่วยกันติดเทียนที่ด้านบน พวกเขาแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ไม่นานงานก็สำเร็จเรียบร้อย
ชาร์คให้ฉินสือโอวพาพวกเด็กๆ ไปติดเทียน ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างดูถูกว่า “ให้ฉันขัดเปลือกหอยเถอะ”
บลูที่ทำงานอยู่พูดขึ้นมาว่า “บอส คุณอย่างคิดว่าของพวกนี้มันง่ายเลย อันที่จริงแล้วมันต้องใช้ทักษะ เปลือกหอยที่ไม่เรียบ เมื่อวางลงไปในน้ำมันจะจมได้ง่าย ดังนั้นคุณต้องขัดเปลือกหอยจากด้านนอกเข้ามาด้านใน ยิ่งขัดมันเท่าไหร่ก็จะยิ่งโค้งลง แบบนี้ก้นของเรือก็จะลึกพอ ทำให้จมได้ยาก”
ในขณะที่พูด บลูก็สาธิตให้เขาดู หลังจากที่ขัดเสร็จ เปลือกหอยอันนั้นก็มีรูปร่างเหมือนกับเรือลำเล็ก ขอบของมันบางราวกับปีกจักจั่น ฉินสือโอวเอามันส่องกับแสงอาทิตย์ หลังจากนั้นเขาก็มองอะไรไม่เห็นอีกเลย…ขอร้องละ บลูก็เป็นแค่ชาวประมง ไม่ใช่หลู่ปันเสียหน่อย
ฉินสือโอวขัดเปลือกหอยเองหนึ่งอัน หากไม่สามารถคุมเครื่องขัดไว้ได้ และหากประมาทเพียงครั้งเดียวก็อาจจะทำให้มันแตกได้ เขาลองอยู่หลายครั้ง เปลือกหอยแตกไปแล้วสี่อัน พอขัดเปลือกหอยอันที่ห้าจึงสำเร็จ
ปรากฏว่าเมื่อวางมันลงบนทะเล เปลือกหอยขนาดใหญ่ก็ลอยขึ้นมา ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะได้ดีใจ เมื่อคลื่นทะเลพัดมามันก็หายไป
“ชาร์ค!” ท่านชายฉินด่าออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด จากนั้นเขาก็หยิบเปลือกหอยขึ้นมาอีกอันและทำต่อไปอย่างเงียบๆ
ชาร์คพูดโน้มน้าวออกมาว่า “บอส คุณไปช่วยติดเทียนได้นะ แบบนั้นมันง่ายกว่าเยอะเลยไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวยังคงยืนยันตอบกลับไปว่า “ไม่ ฉันทำมันได้ ฉันไม่อยากทิ้งมันไป เพียงเพราะว่ามันลำบาก โอเคไหม?”
ในเมื่อเขาแสดงออกถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่แล้ว พวกชาวประมงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาทำได้เพียงให้ฉินสือโอวขัดเปลือกหอยด้วยตัวเอง อีกอย่างหอยที่ชาวประมงจับมาได้ก็มีจำนวนมากอยู่
ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ฉินสือโอวขัดเปลือกหอยด้วยตัวเองอยู่หนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ทำมันได้อย่างเชี่ยวชาญ จนในที่สุดขัดเปลือกหอยใบหนึ่งใช้เวลาเพียงสองนาทีเท่านั้น ก็สามารถทำมันออกมาได้สวยงาม
เขาติดเทียนลงบนเปลือกหอย ฉินสือโอววางมันลงไปในน้ำด้วยความมั่นใจ ปรากฏว่ามีคลื่นลูกหนึ่งพัดมา เปลือกหอยใบนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะผ่านชะตากรรมอันน่าเศร้าไปได้!
“พระเจ้าเฮงซวย ผมจะไม่เชื่อท่านอีกแล้ว” ท่านชายฉินโมโหเป็นอย่างมาก เขากัดฟันและมุ่งมั่นในการทำงานอย่างมาก
แต่ไม่ว่าเขาจะขัดเปลือกหอยอย่างไร แม้ว่าเปลือกหอยที่ออกมาจะสวยงามสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงคลื่นลมทะเลได้
เพราะแบบนี้เขาเลยต้องยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้ เขาบอกกับชาร์คว่าเขาไม่สามารถทำเรือไฟจากเปลือกหอยได้ “ฉันไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากตรงไหน เปลือกหอยพวกนี้ไม่สามารถฝ่าคลื่นทะเลไปได้ ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ”
พวกชาวประมงมองเขาอย่างตกตะลึง ชาร์คถามออกมาว่า “คุณล้อเล่นหรือเปล่า เปลือกหอยพวกนี้ ไม่ใช่เรือจริงๆ แล้วมันจะสามารถผ่านคลื่นไปได้อย่างไร? ตราบใดที่เป็นคลื่น มันสูงกว่าเปลือกหอยแน่นอน เปลือกหอยที่พวกเราขัดมาทำเรือไฟ ก็ไม่สามารถฝ่าคลื่นทะเลไปได้เหมือนกัน”
“ใช่แล้ว เรือไฟของพวกเราใช้ที่ทะเลสาบเฉินเป่า ที่ทะเลสาบจะมีคลื่นขนาดใหญ่ได้อย่างไร” ซีมอนสเตอร์พูดออกมาอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ฉินสือโอว “…”
นอกจากเรือไฟเปลือกหอยแล้ว พวกชาร์คยังทำเรือไฟหอยสังข์แบบพิเศษอีกด้วย
พวกชาวประมงเลือกหอยสังข์ขนาดเท่าฝ่ามือมา หลังจากนั้นก็ทำการขีดเปลือกหอยอย่างละเอียด ทำให้หอยสังข์กลายมามีรูปร่างเหมือนเรือลำเล็กที่กำลังลอยอยู่ในน้ำ สุดท้ายพวกเขาก็เติมน้ำมันขี้ผึ้งลงในหอยสังข์ แล้วเสียบไส้ตะเกียงเข้าไป หลังจากที่น้ำมันแข็งตัวก็จุดไฟ ทำให้ดูสวยงามเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวไม่สามารถเรียนทำอันนี้ได้ การจะทำสิ่งนี้ได้ต้องใช้ประสบการณ์และทักษะ ในหมู่ชาวประมงมีเพียงชาร์ค ซีมอนสเตอร์ แลนซ์ แซ็กไม่กี่คนเท่านั้นที่มีฝีมือทำออกมาได้ดี ส่วนคนอื่นๆ ไม่สามารถทำได้
หลังจากที่ลองอยู่หลายครั้ง เขาก็พบว่าเปลือกหอยที่เขาทำนั้นลอยขึ้นมา แม้แต่ความสมดุลของน้ำก็ยังไม่สามารถรักษาไว้ได้ ในการต่อสู้ครั้งนี้เขาคงต้องยอมแพ้ ครั้งนี้ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไปจริงๆ
พวกของแบล็คไนฟ์อยู่ในวงการประมงมาเป็นเวลานาน ฉินสือโอวให้พวกเขาหยุดงานช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน รวมวันพักร้อนทั้งหมดสิบวัน ทำให้พวกเขาสามารถกลับไปดูแลคนที่บ้านได้ พวกเขาสามารถพักผ่อนได้จนถึงวันปีใหม่
ชาวประมงได้เตรียมของขวัญไว้มากมาย ของขวัญล้วนเป็นอาหารทะเลแห้ง เช่น ปลาโอแถบแห้ง พวกเนื้อล็อบสเตอร์แห้ง ส่วนพวกทหารสามารถเอาของพวกนี้กลับไปได้เท่าไหร่ ฉินสือโอวก็ให้พวกเขาเอากลับไปเท่านั้น
ตอนนี้ที่ฟาร์มปลามีคนมากขึ้น โดยเฉพาะทหารจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่มีสิบห้าคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมสงครามจริงๆ ได้เหมือนกับพวกของแบล็คไนฟ์ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ผ่านการฝึกมาอย่างหนัก มีการจดบันทึก มีความระมัดระวังตัวสูง พวกเขาสามารถทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยได้เวลาที่เหล่าทหารไม่อยู่
ช่วงค่ำคืนของวันที่ยี่สิบสามธันวาคม วันคริสต์มาสอีฟที่มีปีละครั้งก็มาถึง
ฉินสือโอวขับรถ ในขณะที่วินนี่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาไว้ พวกเขากำลังพาพวกเด็กๆ ไปยังริมทะเลสาบเฉินเป่าอย่างมีความสุข ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้เริ่มจุดเรือไฟที่นั่นกันแล้ว
พอตกกลางคืน แสงไฟก็ค่อยๆ เปล่งประกายในความมืดมิดของยามค่ำคืน วันนี้ลมไม่ค่อยแรง เหมาะแก่การวางเรือไฟในทะเลสาบเป็นอย่างมาก
“ขอให้พระเจ้าอวยพร” เออร์บักทำเครื่องหมายกากบาทที่หน้าอก “คืนวันคริสต์มาสอีฟในสิบครั้ง มีเพียงวันที่จะอากาศดีแบบนี้มากสุดเพียงสองวันเท่านั้น ดูเหมือนว่าปีนี้พระเจ้าจะอารมณ์ดีนะ”
แสงไฟจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนไหวไปตามสายลม แสงสว่างไหวไปมาทำให้ค่ำคืนอันมืดมิดเหน็บหนาวไม่ได้ดูมืดมนขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรือไฟพวกนั้นถูกปล่อยลงไปในทะเลสาบ แสงสว่างจากเทียนเหล่านั้นที่ถูกจุดตัดกับความมืดของทะเลสาบ ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงาม
ฉินสือโอววางเรือฟักทองลงไปในน้ำ เรือฟักทองเล็กๆ นั้นสามารถเข้าไปนั่งได้สองคน พวกเด็กๆ แยกกันไปนั่งเรือเหล่านั้น แล้วพากันพายเรือไปยังกลางทะเลสาบ หลังจากที่จุดไฟในเรือไฟเปลือกหอยแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆ วางพวกมันลงในทะเลสาบอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้ที่ทะเลสาบเฉินเป่า น่านน้ำขนาดใหญ่มีแสงไฟสว่างไสวอยู่ทั่ว เรือไฟขยับไปมาตามแรงคลื่นที่พัดเข้ามา แสงไฟไม่เพียงแต่จะส่องสว่างในท้องฟ้าอันมืดมิดเท่านั้น แต่ยังเกิดเงาสะท้อนในน้ำอีกด้วย นอกจากนี้คลื่นทะเลที่พัดไปมายังทำให้แสงไฟสลัวๆ นั้นเคลื่อนไหวไปมา
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset