ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1421 ของขวัญคริสต์มาส

ตกเย็น ฉินสือโอวยังไม่นอนจนถึงเที่ยงคืน ถุงเท้าสีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่บนหัวเปลของลูกสาว เด็กหญิงตัวน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ย ใบหน้ากลมเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข มุมปากของริมฝีปากสีแดงยกขึ้นเบาๆ ราวกับว่ากำลังพบเรื่องราวดีๆ อยู่ในฝัน
ฉินสือโอวหอมแก้มเธอหนึ่งที จากนั้นก็นำกล่องของขวัญใส่เข้าไปในถุงเท้า
เขาออกจากประตูไปเบาๆ แล้วเข้าไปในห้องนอนทีละห้อง จากนั้นก็นำของขวัญที่เขาและวินนี่เตรียมไว้ไปวางไว้ในถุงเท้าสีแดง
ตลอดทางเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อถึงห้องของพ่อแม่ของตัวเอง เขามองไปตั้งแต่หัวเตียงจนถึงปลายเตียง แต่กลับไม่เจอถุงเท้า เขายกมือขึ้นเกาหัวและหาถุงเท้าต่อ
ปรากฏว่าในตอนที่เขาเริ่มหา จู่ๆ ก็มีแสงสว่างส่องเข้ามาที่ใบหน้าของเขา แสงไฟนั้นแพรวพราวเป็นอย่างมาก มันเข้าตาเขาจนทนไม่ไหวทำให้น้ำตาไหลออกมา เขารีบปิดหน้าและถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
เสียงพูดของพ่อเขาดังขึ้นมาว่า “ไอหยา เสี่ยวโอว แกกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงทำอะไรลับๆ ล่อๆ?”
ไฟสว่างขึ้นมาทั้งห้อง พ่อของฉินสือโอวลุกขึ้นมา ท่าทางถือไฟฉายราวกับกำลังถือปืนอยู่ แสงจากไฟฉายยังคงส่องอยู่ที่ใบหน้าของฉินสือโอว
ฉินสือโอวใช้มือบังแสงไฟไว้ แล้วพูดออกมาว่า “พ่อ แสบตาจะตายแล้ว รีบปิดไฟฉายสิครับ”
ตอนนั้นพ่อของฉินสือโอวจึงนึกขึ้นมาได้ เขาหมุนไฟฉายส่องเข้ามายังตาของตัวเอง พลางพึมพำออกมาว่า “ไอ้นี่มันแสบตามากเลยเหรอ? ไอหยา พระเจ้า แสบตาจริงๆ ด้วย ปวดตามากเลย”
ฉินสือโอวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่วงนี้พ่อของเขาดูเหมือนจะไอคิวน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อกี้เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอก ก็กลับเอาไฟไปส่องที่ตาของตัวเอง นี่เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่านะ?
เมื่อเปิดไฟแล้ว ฉินสือโอวก็เห็นว่าถุงเท้าแขวนอยู่ที่ไม้แขวนเสื้อ เขาทำอะไรไม่ถูก จึงถามออกมาว่า “พ่อ ทำไมเอาถุงเท้าไปแขวนที่ไม้แขวนเสื้อล่ะ? มันต้องแขวนไว้ที่หัวเตียงหรือปลายเตียงนะ”
เขาใส่กล่องผ้าไหมลงไปในถุงเท้า ถุงเท้าหนึ่งข้างใส่ของขวัญหนึ่งกล่อง
พ่อของฉินหัวเราะเหอะๆ ออกมา “นี่เป็นประเพณีในวันตรุษจีนเหรอ? พ่อเห็นในทีวีบอกว่าให้เอาของขวัญใส่ไว้ในถุงเท้า ไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปแขวนที่ไม้แขวนเสื้อ พ่อกับแม่อยากให้แกได้พักผ่อนบ้าง แต่ว่าตอนเย็นน่าจะลืมบอกแกไป”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนออกมาก หลังจากที่ใส่ของขวัญที่เตรียมไว้แล้วเขาก็เดินออกมา “พ่อ ดึกขนาดนี้ทำไมยังไม่นอนอีก? รีบนอนได้แล้ว”
พ่อของเขาตอบกลับว่า “ยังไม่ง่วงขนาดนั้น จะให้นอนเยอะได้ยังไง? แกรีบกลับไปได้แล้ว ตอนกลางวันก็เหนื่อยมากแล้ว ดึกดื่นยังทำงานอยู่อีก”
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน แม่ของฉินสือโอวที่กำลังนอนกรนอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เธอตื่นขึ้นมาแล้วมองมา พลางถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? พ่อลูกสองคนทำอะไรกันอยู่? เสี่ยวโอวทำไมร้องไห้แบบนั้นล่ะ?”
ฉินสือโอวรีบเดินออกมาด้วยความอับอาย ไม่อย่างนั้นคืนนี้พ่อกับแม่เขาคงไม่ได้นอนเป็นแน่
เมื่อปิดประตูลง เขาก็ได้ยินเสียงแม่ซักถามพ่อของเขาอยู่เบาๆ “ทำไมลูกถึงร้องไห้ล่ะ คุณพูดอะไรกับเขา?” “ผมไม่ได้พูดอะไรเลย ใครจะรู้ว่าทำไมเขาถึงร้องไห้ อาจจะเพราะง่วงล่ะมั้ง…”
เช้าวันคริสต์มาส ฉินสือโอวและวินนี่เริ่มอบขนมเค้กสำหรับเช้าวันหยุด เสี่ยวเถียนกวาใช้เท้าสั้นๆ ของตัวเองเดินเตาะแตะมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างพวกเขา ตอนนี้เธอตื่นพร้อมกับพวกเขาทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ไปนอนเล่นกับพวกหู่เป้าฉงหลัว
แม้ว่าสิ่งที่สำคัญในวันคริสต์มาสคือค่ำคืนวันคริสต์มาส แต่ว่าช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ มีความสุขมากที่สุด เพราะว่าของขวัญวันคริสต์มาสจะถูกเปิดในตอนเช้า
เด็กทั้งสี่คนเตรียมของขวัญไว้ให้เออร์บัก ฉินสือโอว วินนี่ และพ่อแม่ของฉินสือโอว พวกเขาร่วมกันลงทุน แม้ว่าจะมีคนจำนวนมาก แต่การให้ของขวัญทีละคนเป็นการกดดันมากเกินไป
ของขวัญของฉินสือโอวใหญ่ที่สุด หลังจากที่เขาเปิดของขวัญ ด้านในกล่องเป็นเสื้อขนเป็ดสีน้ำเงินกรมท่าบางๆ ตัวหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่ของแบรนด์เนมอะไร แต่ก็เป็นสไตล์ทันสมัย ฉินสือโอวถอดเสื้อแล้วลองสวมเสื้อตัวนั้น เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “เท่มากเลย เสื้อตัวนี้ทั้งอุ่นและก็เท่ด้วย”
ของวินนี่เป็นผ้าขนหนูผืนสวยผืนหนึ่ง ของขวัญของเออร์บักคือผลการเรียนที่สวยงามทั้งสี่ฉบับ ของขวัญชิ้นนี้ทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมาก เขามองผลการเรียนในมือและพยักหน้าไม่หยุด “ถ้าไม่มีของกอร์ดอน ของขวัญชิ้นนี้จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตฉันเลย”
กอร์ดอนหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขาพึมพำออกมาว่า “ผมก็ขยันมากแล้วนะ”
เออร์บักหัวเราะออกมาพลางเข้าไปกอดเขา “ฉันพูดเล่นหรอกน่า เพื่อน นายทำได้ดีมาก เก่งจริงๆ ฉันรักนายนะ รักพวกนายทุกคนเลย”
วินนี่ยกนมขึ้นดื่มพลางพูดว่า “ทำไมไม่แกะของขวัญที่พวกเราให้ล่ะ? เปิดดูสิ”
ของขวัญของพาวลิสกล่องเล็กที่สุด หลังจากที่เขาเปิดดูมันคือรีโมทรถยนต์ ด้านบนมีโลโก้พอร์ชอยู่
ฉินสือโอวชี้ไปที่รถพอร์ชรุ่นเก้าหนึ่งแปดที่จอดอยู่ที่สนามบิน จากนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “จากวันนี้ไปมันเป็นของนายแล้ว ปีนี้นายสามารถสอบใบขับขี่ได้แล้ว รอถึงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก่อน ฉันค่อยพานายไปสอบใบขับขี่ ต่อไปเส้นทางการเป็นนักขับรถที่ยิ่งใหญ่ของนายได้เริ่มขึ้นแล้ว”
พาวลิสเข้าไปกอดเขาด้วยความซึ้งใจ แล้วพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “สุดยอดไปเลย มันคือพอร์ชเลยนะ! รถคันที่สองของผมคือพอร์ชงั้นเหรอ? ช่างเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญจริงๆ!”
ของขวัญของมิเชลเป็นการ์ดเชิญสองใบ ใบแรกคือคำเชิญดูการแข่งขันบาสเกตบอลของแมคโดนัลด์แคนาดา ส่วนอีกใบเป็นคำเชิญเข้าร่วมจอร์แดนเทรนนิ่งแคมป์ในสหรัฐอเมริกา ฉินสือโอวพูดว่า “เหมือนกัน มิเชล เส้นทางอาชีพของนายก็ได้เริ่มขึ้นแล้วเช่นกัน”
ของขวัญของกอร์ดอนเป็นกล่องกระดาษที่ค่อนข้างหนัก ราวกับว่าเป็นกล่องโน้ตบุคก็ไม่ปาน เขารีบเปิดออกอย่างตื่นเต้น ข้างในมีบัตรอยู่หลายใบ เป็นการ์ดการเรียนและบัตรห้องสมุดอะไรพวกนั้น บัตรพวกนั้นรวมกันเป็นกองหนึ่งกอง
“ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ!” กอร์ดอนเบิกตากว้าง เขารู้สึกสับสนไปหมด “ฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
วินนี่พูดขึ้นมาอย่างสนิทสนมว่า “ดีใจไหม? ทั้งหมดเป็นบัตรของโรงเรียนกวดวิชา เริ่มตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังปีใหม่ ทุกสัปดาห์นายต้องไปเรียนกวดวิชา ฉันกับฉินอยากให้นายเป็นนักวิชาการที่ยิ่งใหญ่”
“เหมือนกับไอน์สไตน์ นิวตัน และเกาส์แบบนั้น” ฉินสือโองพูดเสริม
กอร์ดอนแทบจะร้องไห้ออกมา เขาพูดว่า “ไม่เอา นี่เป็นเทศกาลคริสต์มาสนะ ทำไมถึงมาบอกข่าวร้ายกับผมแบบนี้ล่ะ? ยังมีไอน์สไตน์คืออะไรกัน? นิวตันชื่อขนมปังเหรอ? แล้วเกาส์คือน้ำมันเครื่องใช่ไหม?”
ฉินสือโอวใช้มือลูบผมของเขาอย่างมีความสุข พลางพูดว่า “ดูสิ บัตรพวกนี้มีประโยชน์มากนะ ฉันไม่อยากให้ในอนาคตนายกลายเป็นคนโง่ที่รู้จักแค่กินดื่มเที่ยวเท่านั้น”
หลังจากที่แกล้งกอร์ดอนไปพอสมควรแล้ว ฉินสือโอวก็ช่วยเขาแกะกล่องบัตรต่างๆ ที่อยู่ด้านบนออก ส่วนของที่อยู่ด้านล่างเป็นแผ่นเกมยอดนิยมต่างๆ ทั้งหมด
แบบนี้กอร์ดอนจึงดีใจขึ้นมาอีกครั้ง เขาเขย่ากล่องและยิ้มออกมาพลางพูดว่า “ผมจะให้ชาร์คน้อยและคราเคนน้อยทั้งสองคนนั้นอิจฉาตายไปเลย”
กล่องของขวัญของเชอร์ลี่ย์นั้นใหญ่ที่สุด หลังจากที่เปิดดูของข้างในนั้นคือชุดอุปกรณ์ในการขี่ม้าครบชุดไม่ว่าจะเป็น บังเหียน อานม้า โกลนม้า เสื้อแจ็กเกตขี่ม้า ถุงมือและอื่นๆ ครบชุด
ของพวกนี้เป็นสิ่งที่โลลิต้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ลูกม้าอเมริกันเพนต์โตไวมาก มันโตจนกลายเป็นม้าโตเต็มวัยอย่างรวดเร็ว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเธอสามารถพามันไปวิ่งเล่นได้แล้ว
ไวส์กลับชิคาโกไปแล้ว ของขวัญของเขาอยู่ที่นี่ ฉินสือโอวให้อีวิลสันเตรียมของขวัญไว้ นั่นก็คือบัตรอ่านเขียน เขาพูดว่า “อีวิลสัน เอาบัตรใบนี้ไป ต่อไปนายอยากกินอะไร ก็ไปหาทานได้ในเมือง ทานเสร็จแล้วอย่าลืมให้บัตรใบนี้กับพวกเขาล่ะ รู้ไหม?”
อีวิลสันรับมันมาอย่างดีใจ แล้วพูดด้วยเสียงแหบว่า “ให้พวกเขา แล้วกินได้ตามสบาย”
ฉินสือโอวยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่แล้ว ให้บัตรนี้แก่พวกเขา ให้พวกเขาเขียนจำนวนเงินที่นายต้องจ่ายลงในนั้น หลังจากนั้นนายค่อยกินได้ตามสบาย ไม่ใช่ว่าใครไม่ให้นายกิน นายก็ไปตีเขา เข้าใจไหม?”
อีวิลสันพยักหน้าตามที่เขาทำ “ห้ามตีคน!”
ครู่หนึ่งเขาก็ถามขึ้นมาอย่างลังเลว่า “วัวนับว่าเป็นคนไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” ฉินสือโอวพูดขึ้นมาตามที่หมายความอย่างนั้น
วินนี่พูดขึ้นว่าอย่างตกใจว่า “พระเจ้า เขาหมายถึงบลูไม่ใช่เหรอ?”
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset