ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1439 โบสถ์น้ำแข็งหิมะ

มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักที่จะไปอิลลูลิแซทในช่วงฤดูกาลนี้ ทำให้ห้องของโรงแรมโดยรวมแล้วว่าง ซึ่งเป็นอาคารที่ก่อขึ้นจากก้อนน้ำแข็งจริงๆ ฉินสือโอวเดินเข้าไปดูข้างในไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้เคาน์เตอร์ทางเดินระเบียงบันไดล้วนแล้วเป็นน้ำแข็งไสแวววาว!
“ว้าว นี่มันเหมือนกับปราสาทน้ำแข็งของเจ้าหญิงเอลซ่าเลย พวกคุณก็ใช้เวทมนตร์เสกน้ำแข็งหิมะพวกนี้เหรอคะ?” วินนี่ถามติดตลก
เจ้าหญิงเอลซ่าเป็นหนึ่งในตัวละครหญิงหลักของเรื่อง Frozen มีพลังควบคุมน้ำแข็งและหิมะ หลังจากเธอหนีออกมาจากอาณาจักรเอเรนเดลล์ ก็ได้มาสร้างปราสาทน้ำแข็งอยู่บนยอดเขา
ดอร์แมนคนนั้นจึงพูดว่า “ประมาณนั้นแหละ อย่างตอนที่พวกเราสร้างโรงแรมนี้ก็มีแต่คนหาว่าพวกเราบ้า สุดท้ายไม่เพียงแต่สร้างมันเสร็จยังหาน้องสาวให้มันด้วย”
“น้องสาว? พวกคุณจะสร้างโรงแรมน้ำแข็งหิมะอีกที่หนึ่งเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจ
แล้วดอร์แมนก็ชี้ไปยังด้านข้าง “ไม่ ที่ผมหมายถึงคือโบสถ์น้ำแข็งหิมะ มาสิ วางสัมภาระลงก่อนเดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปชมสักหน่อย พวกคุณโชคดีมากเลยนะเนี่ยรู้ไหม?”
“ทำไมถึงว่าอย่างนั้นล่ะ?” ฉินสือโอวทั้งถ่ายรูปทั้งถามไปเรื่อย
ดอร์แมนจึงตอบเขาไปว่า “โบสถ์ของพวกเราจะเปิดให้เข้าชมได้แค่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี นอกนั้นจะปิดทำการซ่อมแซมน่ะ และรูปลักษณ์ของโบสถ์จะได้รับการออกแบบใหม่ทุกปี ดังนั้นไม่ใช่ว่านักท่องเที่ยวทุกคนจะมีวาสนาได้เข้าไปนะ”
พูดจบ ดอร์แมนก็หันไปมองเสี่ยวเถียนกวาที่เหมือนกับหมีอ้วนที่วินนี่กำลังอุ้มอยู่ ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มออกมาและถามขึ้น “พวกคุณเป็นคู่แต่งงานใหม่ใช่ไหม? งั้นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่น่ะสิ พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ คุณพ่อจะทำการอธิษฐาน ผมว่าเขาต้องยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะอวยพรให้พวกคุณแน่ๆ”
ฉินสือโอวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม เขารู้เรื่องนี้ดีจึงเลือกที่จะมาเที่ยวที่นี่ในเดือนมกราคม เพราะรู้ว่าโบสถ์น้ำแข็งคริสทัลเป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดในโลก
หลังจากเข้ามาในโรงแรมแล้ว อุณหภูมิก็เพิ่มขึ้น ตอนนี้อุณหภูมิในห้องสูงกว่าข้างนอกสิบกว่าองศา ถึงแม้จะยังเป็นติดลบอยู่แต่ก็ไม่ถึงกับต้องใส่เสื้อกันหนาวหนังสัตว์หนาๆ  นอกจากนั้นในห้องไม่มีลมแม้อุณหภูมิจะต่ำก็ตามแต่ก็ไม่มีไอเย็นจากน้ำแข็งที่เย็นเข้าไปถึงกระดูก เมื่อเทียบกันแล้วถือว่าสบายมาก
หลังจากดอร์แมนยุ่งกับการเลือกห้องให้พวกเขาเสร็จแล้วก็พาพวกเขาเข้าไปในห้อง และบอกพวกเขาว่า “ในห้องมีไฟ หากรู้สึกหนาวสามารถใช้เตียงอุ่นได้ แต่กรุณาอย่าจุดไฟ ต้มกาแฟ และต้มน้ำร้อนมิเช่นนั้นหากมีไอน้ำลอยขึ้นไปจะก่อให้เกิดอันตรายได้ง่าย”
ฉินสือโอวพยักหน้าและบอกไม่มีปัญหา จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ และพบว่าห้องนี้มันช่างโทรมจริงๆ ข้างในมีแค่หนึ่งเตียงหนึ่งห้องน้ำ ไม่มีทีวี ไม่มีแอร์ แต่มี WIFI ให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้
พอวางสัมภาระอะไรเรียบร้อย เขาก็ให้ดอร์แมนไปหนึ่งร้อยโครนเดนมาร์กซึ่งเมื่อแลกกลับก็มีค่าประมาณหนึ่งร้องหยวน ซึ่งถ้าในเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็กนี่ก็ถือว่าเป็นรายรับที่น้อยประมาณหนึ่ง แต่เมื่อดอร์แมนรับเงินและเก็บมันเรียบร้อยใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มที่จริงใจกว่าเดิมขึ้น แถมยังให้เบอร์โทรศัพท์กับฉินสือโอวไว้และบอกว่าหากมีปัญหาอะไรให้โทรหาเขาแล้วเขาจะมาหาในทันที
ในขณะที่ฟ้ายังสว่างอยู่ ทั้งสองคนเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วก็จะพากันออกไปดูข้างนอก
ในตอนที่กำลังจะล็อกประตู ฉินสือโอวเลยเหลือบไปเห็นประตูโรงแรมที่เป็นแก้วคริสทัลธรรมดาจึงพูดขึ้น “พวกของมีค่ามีราคาอะไรทั้งหลาย พวกเราพกติดตัวไปด้วยนะ ประตูโรงแรมแบบเนี้ย? ผมใช้เท้าถีบก็แตกแล้ว!”
วินนี่พูดขึ้น “ใช่ ฉันเชื่ออย่างสนิทใจเลย แต่ถ้าคุณเป็นโจรขโมยของแล้วคุณจะไปหลบตรงไหนล่ะ? ในที่แบบนี้หาตัวได้ง่ายไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณจะกระโดดหนีล่ะ? กระโดดลงไปใส่พื้นที่มีหิมะน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วน่ะเหรอ?”
ได้ยินว่าพวกเขาจะออกไปเดินรอบๆ ดอร์แมนที่มีปฏิภาณไหวพริบก็ไปเปลี่ยนชุดพร้อมกับเดินออกมาเอามือทาบอกและพูดขึ้น “จ้างผมเป็นไง? ผมชื่อบิยอมโบ พวกคุณจะลองพิจารณาดูก่อนก็ได้นะ ผมเป็นหนึ่งในไกด์เด็กที่ดีที่สุดของที่นี่ ราคาก็เป็นกันเอง รอบรู้ทุกเรื่อง แถมผมนั้นเป็นเด็ก หากพวกคุณต้องการซื้อของผมก็สามารถช่วยพวกคุณต่อราคาได้อย่างแน่นอน”
ฉินสือโอวจึงถามขึ้น “แล้วนายไม่ต้องคอยอยู่เฝ้าโรงแรมงั้นเหรอ?”
ดอร์แมนน้อยยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวหรอกครับ ความจริงแล้วพวกคุณเป็นนักท่องเที่ยวล็อตแรกที่ผมเจอในช่วงอาทิตย์นี้เลย ดังนั้นถึงผมไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร อีกอย่าง พวกเราก็มีพนักงานคนอื่นคอยดูแลที่นั่นอยู่ด้วย”
อย่างนี้นี่เอง ฉินสือโอวตกลงจ้างดอร์แมนน้อย และที่แรกที่พวกเขาไปก็คือโบสถ์ข้างๆ นี่เอง
ซึ่งโบสถ์ทั้งหลังนี้สร้างจากน้ำแข็งทั้งหมด ไม่ว่าจะไม้กางเขน กำแพง ประตู ลูกบิดประตูล้วนแล้วแต่ทำจากน้ำแข็งทั้งนั้น
ดอร์แมนน้อยเล่าให้พวกเขาฟังว่า พวกที่มาโบสถ์นี้ส่วนใหญ่จะมาอธิษฐานขอเรื่องแต่งงาน เพราะนักท่องเที่ยวที่มานี่ส่วนมากจะเป็นคู่รักหรือไม่ก็คู่สามีภรรยามาเที่ยวฮอลิเดย์อะไรแบบนี้กัน ด้านบนของโบสถ์จะมีหิมะปกคลุมอยู่ เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่จงรักภักดีต่อกัน ส่วนประตูใหญ่มีสีฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล
ดูจากข้างนอกแล้ว โบสถ์มีแต่น้ำแข็งสีขาวโพลน แต่ถ้าเข้าไปดูข้างในจะเห็นสีสันมากมาย อีกทั้งโดมของโบสถ์ยังวาดฉากคลาสสิกบางฉากในพระคัมภีร์ด้วยสีสันสดใส แต่ลายเส้นค่อนข้างเรียบง่าย
ฉินสือโอวเลยถามว่าได้วาดลงไปไหม ดอร์แมนน้อยส่ายหัวแล้วบอกว่า ในการทำอิฐหิมะในตอนแรกพวกเขาจะใส่สีย้อมลงไปด้วยจากนั้นก็ทำการประกอบให้ดูเข้ากันก็ได้แล้ว
เวลานี้ก็เป็นเวลาเที่ยงควรทานอาหารแล้ว ดอร์แมนน้อยจึงถามขึ้น “พวกคุณทานปลากันไหมครับ? อาหารหลักของพวกเราที่นี่คือปลาทุกชนิด เนื้อกับผักเลยแพงมาก”
ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องไปสนใจราคาหรอก เด็กน้อย พาฉันไปร้านที่ขึ้นชื่อที่สุด แต่อย่าคิดจะหลอกฉันนะเพราะถ้าฉันมารู้ทีหลังฉันจะไม่ให้ทิปนาย”
ดอร์แมนน้อยหัวเราะขึ้น “ก่อนอื่นถ้าผมจะหลอกพวกคุณ พวกคุณไม่มีทางรู้หรอก อย่างที่สองพวกเราไม่ทำอย่างนั้นถ้าทำแบบนั้นจะถูกพระเจ้าลงโทษ และพระเจ้าก็จะโยนผมลงเหวลึกดำมืด สุดท้ายหากพวกคุณไม่สนราคางั้นก็ทานผัก แต่ถ้าพวกคุณอยากรู้จักกับของขึ้นชื่อของที่นี่งั้นก็ต้องเป็นอาหารทะเล”
“งั้นอาหารทะเลแล้วกัน พวกเราพกวิตามินและเกลือแร่มาด้วย ไม่กินผักก็ได้” วินนี่กล่าว
จากนั้นดอร์แมนน้อยก็โทรศัพท์ ไม่นานก็มีสโนว์โมบิลคันใหญ่ขับเข้ามา มีรูปลักษณ์คล้ายรถรางอยู่เหมือนกัน แต่ส่วนหัวเป็นสโนว์โมบิลและส่วนท้ายพ่วงโบกี้
แปดเหรียญต่อหนึ่งคน สโนว์โมบิลส่งเสียงดังครืนๆ พร้อมกับออกจากเขตใจกลางที่อยู่อาศัยไปถึงหน้าประตูร้านอาหารฝั่งตะวันตกอย่างเร็ว
ร้านอาหารร้านนี้ไม่ต่างจากร้านอาหารอื่นทั่วไป ไม่ว่าจะโต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ เครื่องไฟฟ้าครบครัน และอุณหภูมิอบอุ่นด้วยเครื่องทำความร้อน
ฉินสือโอวดูเมนูก็เห็นว่าส่วนใหญ่ใช้เนื้อแมวน้ำ เนื้อวาฬ เนื้อสิงโตทะเล และเนื้อฉลามประกอบอาหาร เขาและวินนี่ต่างก็ขัดแย้งต่ออาหารพวกนี้ สุดท้ายก็ผิดหวังกันยกใหญ่ ทำได้เพียงสั่งอาหารธรรมดามาสองสามอย่าง
ส่วนพวกทหารใหญ่มองเมนูอาหารตาไม่กะพริบ ฉินสือโอวเข้าใจพวกเขา จึงพูดขึ้นว่า “พวกนายจะสั่งอะไรฉันไม่ห้ามนะแต่อย่ามากินต่อหน้าฉันก็พอ”
ได้ฟังดังนั้น พวกทหารใหญ่ก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบลุกไปนั่งโต๊ะข้างๆ แล้วเริ่มโต้เถียงกัน “เอาอันนี้ เฆี่ยนแมวน้ำ ทั้งหอมทั้งมีความเหนียว เอาไปทอดในน้ำมันนะ อือหืออร่อยสุดๆ!” “เห้ย แบล็คไนฟ์ทำไมนายมันน่าขยะแขยงจังวะ คนดำอย่างพวกนายเนี่ยอะไรก็กินไปหมดเลยรึไง? กินเนื้อวาฬเถอะ นายดูขาวๆ นุ่มๆ เอามาจิ้มกับน้ำจิ้มนะ…”
“เบาเสียงหน่อยได้ไหม?” ฉินสือโอวขมวดคิ้วถาม ไอ้คนพวกนี้คุยกันเสียงดังพลางทำให้เขาอยากกินไปด้วยเลย
…………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset