ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 198 จะเจาะหาช่องทางอย่างไร

บทที่ 198 จะเจาะหาช่องทางอย่างไร
โดย
Ink Stone_Fantasy

ผู้คนมากกว่าครึ่งที่อยู่ตรงนั้นได้ใช้สายตาที่แปลกประหลาดใจมองมาที่ฉินสือโอวทันที เหลือเพียงไม่กี่คนที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก เพราะว่าแฮมเล็ตพูดด้วยความเร็ว ดังนั้นคนที่ฟังไม่ออกจึงเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเบาๆว่า “ทำไมเหรอ ทำไมพวกเธอทำหน้าแบบนี้กันหมดล่ะ?”
“พ่อหนุ่มคนนี้มาจ่ายค่าภาษี และต้องจ่ายภาษีมากกว่าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา!”
“ไอ้หยา อะไรเนี่ย มากกว่าสิบล้านเลยเหรอ ค่าภาษีในแคนาดาช่างโหดร้ายจริงๆ เงินจำนวนนี้สามารถซื้อบ้านสองหลังในเมืองหลวงได้เลย”
“เธอล้อฉันเล่นใช่ไหม เงินมากกว่าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา ซื้อวิลล่าสองหลังยังได้เลย!”
ฉินสือโอวแอบคิดอยู่ในใจ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ที่อยู่ในประเทศจีน ถ้าเขาสามารถชำระค่าภาษีสิบล้านได้ เขาแทบอยากที่จะให้คนรอบข้างทุกคนรู้
แต่ในตอนนี้เมื่อเขาได้มาอยู่ที่เกาะแฟร์เวล เขากลับไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ซึ่งเหตุผลข้อแรกเป็นเพราะว่าเมืองเล็กๆ มีประเพณีนิยมของสังคมที่ธรรมดาและเรียบง่าย ทำให้อารมณ์ที่ดุร้ายของเขาสงบลง ข้อที่สองคือการที่เขาได้ใช้ชีวิตแบบคนรวยมาหลายเดือน ทำให้ระดับชนชั้นของเขาสูงขึ้นมาก จึงเรียนรู้ที่จะซ่อนเร้นความสามารถของตัวเองได้ และชอบที่จะจัดการความฟุ้งเฟ้อหรูหราอย่างเงียบๆ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยจึงยิ้มออกมาและไม่ได้ขานรับคำพูดของแฮมเล็ต
ในขณะนั้นเอี๋ยนตงเหล่ยก็ยิ้มมุมปากออกมาเช่นกัน จากนั้นจึงเอ่ยถามฉินสือโอวออกมาอย่างตรงไปตรงมา “คุณฉิน คุณสนใจการเมืองบ้างไหม? มีความเข้าใจเกี่ยวกับพวกพรรคเสรีนิยมไหม?”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเก้อเขินและเอ่ยออกมาว่า “ขอโทษด้วยนะครับ ประธานเอี๋ยน ผมพึ่งมาแคนาดาได้ไม่กี่เดือนเองครับ และมาอยู่ที่สถานที่เล็กๆอย่างเมืองแฟร์เวล จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเมืองสักเท่าไรครับ”
เขาขยิบตาให้กับเออร์บัก คุณลุงเป็นเหมือนคนรู้ใจสำหรับเขาอยู่เสมอ เออร์บักจึงหันหลังและเดินเข้าไปที่กรมสรรพากรที่อยู่ข้างๆ รัฐบาลเมืองอย่างเงียบๆ
ทันทีหลังจากนั้น เมื่อเออร์บักออกมาได้ประมาณสองนาที เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรคนหนึ่งก็ได้เดินออกมาและเอ่ยขึ้นว่า “พวกคุณจะมาชำระภาษีใช่ไหม? รีบหน่อยนะคะ เพราะเครื่องพิมพ์ใบเสร็จของเรามีปัญหา อีกสักครู่ต้องส่งไปซ่อมที่นครเซนต์จอห์น”
ฉินสือโอวใช้โอกาสนี้กล่าวคำบอกลาและเดินออกมา เขาเดินเข้าไปในกรมสรรพากร เอาเอกสารอาทิเช่นใบเรียกเก็บภาษีและหมายเลขซีเรียลประกันสังคม ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่
สำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอย่างเขา การชำระภาษีจึงไม่ง่ายเหมือนกับการชำระภาษีของบุคคลธรรมดา เมื่อเซ็นชื่อเสร็จแล้ว จำเป็นที่จะต้องกรอกเอกสารและแบบฟอร์มรายงานสามสี่ชุด อีกทั้งเขาก็ยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
ใช้เวลาในการกรอกเอกสารต่างๆไปกว่าครึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวถึงจะสามารถเอาหนังสือรับรองการชำระภาษีมาได้ สังคมทุนนิยมนั้นก็มีข้อดีเหมือนกัน ซึ่งก็คือสวรรค์สำหรับคนมีเงิน เพราะว่าฉินสือโอวชำระภาษีไปมากกว่าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา ดังนั้นระดับชั้นประกันสังคมของเขาก็เลื่อนขึ้นเช่นกัน สิ่งนี้เปรียบเหมือนกับรัฐบาลในประเทศได้มอบเหรียญที่มีประโยชน์อย่างเหรียญ “ผู้ชำระภาษีรายใหญ่” ให้กับคุณ
ปัจจุบันระดับชั้นประกันสังคมของเขาเพียงพอที่จะคุ้มครองเขาเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อกรณีพิพาททางกฎหมายแพ่งและอาญาในอนาคต สถานีตำรวจท้องที่ต้องได้รับหมายค้นจากศาลเขตปกครองก่อนถึงจะสามารถค้นบ้านเขาได้ นอกจากนี้เขายังได้รับหลักประกันในการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของรัฐบาลอีกด้วย
สังคมทุนนิยมคือสังคมที่ไม่มีความยุติธรรม ในประเทศจีนการรู้จักคนเยอะและตำแหน่งหน้าที่จะเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง แต่สำหรับที่แคนาดากลับเป็นเงินทองที่เป็นตัวตัดสินทุกอย่าง
ขอเพียงแค่คุณมีเงินเพียงพอแก่ความต้องการ ต่อให้คุณเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง คนอเมริกันก็ยินดีที่จะก้มหัวให้กับคุณ นี่คือภาพยนตร์ที่โด่งดังมาก ซึ่งมีชื่อว่า ‘กาลครั้งหนึ่งในอเมริกา(Once upon a time in America)’ ซึ่งแม็กซ์ได้เคยพูดกับตัวเอกที่ชื่อนูดเดิลด้วยประโยคหนึ่งว่า “จี้ถูกจุดสำคัญ”
หลังจากที่รูดบัตรชำระค่าภาษีได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของฉินสือโอวก็ดังขึ้น ซึ่งอลัน แบรนดอน นายธนาคารของธนาคารมอนทรีออลสาขานิวฟันด์แลนด์เป็นคนโทรศัพท์เข้ามา เขาได้พูดด้วยความกระตือรือร้นขึ้นว่า “ฉิน ผู้จัดการที่ดูแลบัญชีธนาคารของนายบอกกับฉันว่าบัตรธนาคารของนายได้สูญเสียเงินไปมากกว่าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายจ่ายค่าภาษีแล้วใช่ไหม?”
สำหรับอลัน แบรนดอน ฉินสือโอวยังคงมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนช่วยให้ฉินสือโอวได้รับใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาว่า “ใช่แล้ว ฉันพึ่งชำระไปเมื่อสักครู่นี้เอง”
แบรนดอนโทรศัพท์เข้ามาโดยที่ไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร แต่ยังคงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงิน เขาได้พูดอ้อมค้อมไปต่างๆนานาตั้งแต่เรื่อง ครอบครัว ฟาร์มปลา บาสเกตบอล การแข่งขันม้า ไปจนถึงเรื่องของไวน์ และสุดท้ายเขาก็ได้วกกลับมาพูดเข้าเรื่องอย่างจริงจังขึ้นว่า “ไตรมาสหน้าถ้านายอยากได้ใบเสร็จแสดงรายการภาษีเงินได้ ฉันแนะนำให้นายลองใช้บริการธนาคารของเราดู เรามีผู้จัดการเฉพาะทางที่ทำงานเกี่ยวกับสรรพากร ทั้งหมดต่างเป็นบุคลากรที่มีความสามารถที่ได้รับเงินเดือนสูงจากกรมสรรพากร”
ฉินสือโอวจึงรับปากแบรนดอน เพราะว่าไตรมาสนี้ตัวเขาเองคงจะไม่ได้รับรายได้อะไรที่มากมาย อีกทั้งยังเป็นการไว้หน้าให้กับแบรนดอนอีกด้วย
สุดท้าย ในความเป็นจริงมักมีการเปลี่ยนแปลงแผนอยู่เสมอ
ขณะที่เขายังคงคิดคำนวณอยู่ว่าในตัวเขายังเหลือเงินอยู่เท่าไรนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้นักดำน้ำที่ชื่อบิลลี่ สเต็มเมอร์ ของบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่นเป็นคนโทรเข้ามา “ฉิน ฉันมาถึงนครเซนต์จอห์นแล้ว นายอยู่ที่เมืองแฟร์เวลใช่ไหม? ถ้าฉันจะไปหาตอนนี้นายสะดวกไหม?”
ฉินสือโอวแอบพูดในใจขึ้นว่า นายมาถึงเซนต์จอห์นแล้ว ฉันจะบอกได้เหรอว่าตัวเองไม่สะดวก? ดังนั้นฉินสือโอวจึงบอกที่อยู่กับเขาไป และบอกว่าตัวเองจะไปรอเขาที่ท่าเรือ
บิลลี่เหมือนกับรู้ว่าฉินสือโอวไม่ค่อยอยากที่จะต้อนรับเขา เขาจึงพูดอย่างตรงประเด็นออกมาว่า “ที่ฉันมาในครั้งนี้ ฉันได้เอาแผนงานที่จะช่วยนายเอาวัตถุเงินหนึ่งร้อยตันขึ้นมาจากทะเลมาด้วย ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร ใช้เวลามากสุดหนึ่งเดือนวัตถุเงินเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเงินสดแล้ว!”
‘อะไรวะเนี่ย’ เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้วฉินสือโอวจึงสบถคำด่าระดับชาติขึ้นมาในใจ เขาพึ่งจะนึกออกว่า ไตรมาสนี้รายรับของเขาคงจะไม่ใช่ค่อนข้างน้อยอีกแล้ว แต่น่าจะเป็นค่อนข้างเยอะมาก! ถึงตอนนั้นหากเขาให้ธนาคารมอนทรีออลเป็นคนช่วยจัดการเรื่องหลีกเลี่ยงภาษีให้ ไม่รู้ว่าจะสามารถเชื่อถือได้หรือไม่
กว่าที่บิลลี่จะมาถึงเกาะแฟร์เวลคงยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก ฉินสือโอวจึงกลับไปที่วิลล่าเพื่อที่จะวางหนังสือรับรองการชำระภาษีก่อน จากนั้นจึงบอกกับวินนี่ว่าจะมีเพื่อนมาที่วิลล่า
เมื่อวินนี่ฟังเขาพูดจบ เธอจึงเอ่ยออกมาว่า “บิลลี่ สเต็มเมอร์เหรอ? ฉันรู้จักคนนี้ เขามีชื่อเสียงมากในไมอามี เขาคือ อืม” เธอเม้มปากยิ้มและพูดต่อ “เขาคือเพลย์บอยที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคนหนึ่ง และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดำน้ำที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่งอีกด้วย”
เมื่อได้ยินว่าเจ้าหมอนี่เป็นเพลย์บอย ฉินสือโอวจึงรีบพูดหักล้างความสัมพันธ์ทันที “ผมไม่รู้จักเขา ที่เขามาในครั้งนี้ก็เพื่ออยากมาเอาสมุดบันทึกจากผม ผมเคยได้สมุดบันทึกนี้มาจากในทะเล เป็นสมุดบันทึกของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสของเนเธอร์แลนด์ และดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับคดีของอเมริกากับเนเธอร์แลนด์”
วินนี่ตะลึงงันและรีบเอ่ยออกมาทันทีว่า “ดูเหมือนจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าคุณสังเกตไหมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่นกับรัฐบาลของเนเธอร์แลนด์นั้นค่อนข้างตึงเครียด ทั้งสองฝ่ายแทบอยากจะให้อีกฝ่ายล้มละลายขึ้นมาทันทีทันใด ฉันคิดว่าที่คุณสเต็มเมอร์รีบมาหาคุณขนาดนี้ คงตั้งใจที่จะสร้างความลำบากให้กับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์”
ฉินสือโอวไม่รู้จริงๆว่าข้างในนั้นมีเรื่องอะไร เขาจึงเอ่ยถามออกมาว่า “หมายความว่ายังไงเหรอ? บริษัทกู้เรืออับปางกับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์จะสามารถมีพิรุธอะไรกันได้เหรอ? หรือว่าพวกเขากู้ของอะไรขึ้นมาได้ แล้วรัฐบาลเนเธอร์แลนด์แย่งเอาไป?”
วินนี่จึงยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “คุณนี่ความรู้สึกไวเหมือนกันนะเนี่ย ใช่แล้ว คือเรื่องนี้แหละ แต่ของที่บริษัทโอดิสซีย์ถูกแย่งไปนั้นไม่ใช่ของที่ธรรมดาเลย แต่มันคือสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่เก็บไว้บน ‘เรืออับปางเมอซี่’ ซึ่งมีมูลค่ารวมมากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ข้างบนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเหรียญทองคำและเหรียญเงิน ซึ่งมีน้ำหนักถึงสี่หมื่นเก้าพันปอนด์!”
“แม่ง ดีมากเลย!” ฉินสือโอวไม่สนใจหญิงสาวอันเป็นที่รักที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาได้อ้าปากสบถคำด่าระดับชาติคำใหม่ออกมา
วินนี่เห็นว่าฉินสือโอวไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง เธอจึงพูดแนะนำให้เขาฟังว่า “เรื่องนี้โด่งดังในอเมริกามาก เป็นเรื่องที่ทุกคนพูดถึงกันมาก เกาะแฟร์เวลเป็นเมืองในอุดมคติที่มีแต่ความสงบสุข อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับข่าวสารประเภทนี้”
“เรือรบเมอซี่ เป็นเรือรบคุ้มกันลำหนึ่งของสเปน ในวันที่ 5 เดือนตุลาคม ปี 1804 เรือรบลำนี้ได้ออกจากมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย ลำเลียงและคุ้มกันเหรียญทองมูลค่า 58.09 ล้านเปโซ เหรียญเงินมูลค่า900,000เปโซ เหรียญทองแดงและแท่งดีบุกอีกราวๆ 2000 โดยจะลำเลียงไปยังท่าเรือการ์เด”
“ก่อนที่จะมาถึงท่าเรือการ์เดหนึ่งวัน เรือรบเมอซี่ได้ถูกโจมตีโดยกองทัพเรืออังกฤษที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุดในยุโรปกับฝรั่งเศส หลังจากที่มีการต่อสู้ทางทะเลไม่กี่นาที เรือรบเมอซี่ก็ได้จมหายลงไป และเนื่องจากไม่มีใครรู้สถานที่ที่เรือจมที่แน่นอน ทรัพย์สมบัติที่อยู่บนเรือจึงได้จมอยู่ที่ก้นทะเลตลอดมา”
“เมื่อห้าปีที่ผ่านมาบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่นได้ก่อตั้งโครงการกู้เรือทางทะเล โดยใช้ชื่อโครงการว่า ‘ไนส์ กูซ’ ซึ่งพวกเขาได้หาเรือรบเมอซี่พบแล้ว และใช้เรือดำน้ำขนาดเล็กกู้เหรียญทองคำและเหรียญเงินประมาณ 500,000 เหรียญขึ้นมาจากเรืออับปาง จากนั้นก็ส่งไปที่รัฐฟลอริดา”
“หลังจากที่รัฐบาลสเปนได้รู้ข่าวนี้ ก็ได้ส่งหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องไป อาทิเช่น กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงกฎหมาย สถานทูตสหรัฐอเมริกา และกรมวิจัยโบราณคดีแห่งชาติ และได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายสตาร์ให้ขึ้นศาลพิจารณาคดีกับบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่น สุดท้ายก็ชนะการฟ้องร้องคดีในศาลยุติธรรมสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา และเมื่อต้นปีเครื่องบินขนส่งสองลำได้ถูกนำมาใช้เพื่อขนทรัพย์สินเหล่านั้นกลับประเทศไป”
“และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งบริษัทโอดิสซีย์ต่างไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก เพราะนี่คือทรัพย์สินมูลค่านับหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกเขากู้พวกมันขึ้นมาอย่างยากลำบาก สุดท้ายแค่เนเธอร์แลนด์ขยับปากไม่กี่คำก็สามารถแย่งเอาไปได้แล้ว ถ้าหากจะบอกว่าพวกเขาไม่อยากจะแก้แค้น นั่นก็คงไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอน”
“ดังนั้น ฉันว่านะ สมุดบันทึกเล่มนี้ของคุณ อาจจะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดข้อพิพาทครั้งใหญ่”
วินนี่ได้พูดอธิบายเรื่องนี้อย่างกระชับได้ใจความ และในขณะเดียวกันก็แสดงความคิดเห็นที่คลุมเครือของเธอออกมาว่า พยายามอย่าไปคลุกคลีกับข้อพิพาทระหว่างองค์กรขนาดใหญ่กับรัฐบาลนักเลง จะไม่เป็นผลดีกับตัวของเขาเอง
ในขณะที่ฟัง ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง เขาเอามือลูบคาง แต่ความคิดของเขากลับคิดไปถึงเรื่องอื่น เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง แต่ดูจากภายนอกแล้วก็ยังสามารถเจาะหาช่องทางของโอกาสเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวได้
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset