ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 200 มากันอย่างไม่ขาดสาย

บทที่ 200 มากันอย่างไม่ขาดสาย
โดย
Ink Stone_Fantasy

บิลลี่ สเต็มเมอร์อยากเห็นสมุดบันทึกของกัปตันเรือแห่งเรือดังเคิลออสเตียส ฉินสือโอวหยิบสมุดบันทึกที่ชำรุดทรุดโทรมเล่มนี้ออกมาจากกล่องเก็บสุญญากาศ หลังจากที่ได้รู้ถึงความสำคัญของมัน เขาก็ได้ซื้อกล่องเก็บสุญญากาศมาเพื่อเก็บรักษามัน
กล่องเก็บสุญญากาศเป็นกล่องโลหะผสมที่มีเครื่องสูบอากาศขนาดเล็ก ตรงปากเปิดคล้ายหน้าต่างบานเล็กๆ เพียงดึงมันออกก็สามารถเอาของที่อยู่ด้านในออกและเก็บของเข้าไปได้ เมื่อปิดปากเปิด สามารถใช้เครื่องสูบอากาศทำการสูบก๊าซที่อยู่ด้านใน เหมาะแก่การเก็บรักษาสมุดบันทึกที่ชำรุดทรุดโทรมเป็นที่สุด
เป็นบันทึกประจำวันที่มีรูปแบบเก่าแก่และเรียบง่าย มีสัญลักษณ์บนปลอกสมุด เป็นปีศาจหญิงสามหัวที่ถือดาบและคันชั่ง
ทันทีที่บิลลี่เห็นสัญลักษณ์นี้ เขาก็พยักหน้าอย่างตื้นตันใจและพูดว่า “ใช่แล้วล่ะ นี่ก็คือตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลเฟอร์ดินันของผู้ที่รับผิดชอบการขนส่งเงินล็อตนี้ สมุดบันทึกนี้เป็นของแท้”
ฉินสือโอวเปิดสมุดบันทึกออกด้วยความไม่สบายใจเท่าไร สิ่งที่เขียนไว้ข้างในเริ่มเลือนราง ตัวอักษรที่สามารถเห็นได้ชัดในแต่ละหน้ามีไม่มากนัก บวกกับลายมือหวัดอ่านยากของผู้เขียนด้วย
แต่บิลลี่ไม่ได้สนใจ เขาเช็กสมุดบันทึกอย่างละเอียดหนึ่งรอบ แล้วพูดว่า  “เก็บรักษาได้ดี ดูแล้วสมุดบันทึกเล่มนี้เคยผ่านการเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อนและสารเคลือบกันน้ำ”
หลังจากฟังการประเมินนี้ ฉินสือโอวแทบหยุดหัวเราะไม่ได้ นี่หรือที่เรียกว่าเก็บรักษาได้ดี? แล้วถ้าเก็บรักษาไม่ดีล่ะจะมีสภาพไหน? ช้อนขึ้นมาแล้วเจอแต่แป้งเปียกเหรอ?
บิลลี่ไม่ได้หลอกเขาเพียงเพราะว่าเขาไม่ใช่คนในแวดวง จึงอธิบายว่า “แม้ตัวหนังสือจะเริ่มเลือนราง แต่เมื่อนำไปเข้ากระบวนการภาพพิมพ์แกะสลักไมโครบรูคส์ ก็จะสามารถดูเนื้อหาของบันทึกบนคอมพิวเตอร์ได้”
จากนั้น เขาได้อธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า วัสดุของสมุดบันทึกเล่มนี้ไม่ใช่กระดาษ แต่เป็นหนังวัวอ่อน เมื่อมีคนเขียนอะไรลงไป เนื่องจากหนังวัวอ่อนที่ไม่ดูดซับหมึกโดยง่าย ดังนั้น จึงต้องออกแรงในการเขียน และทำให้ทิ้งรอยเอาไว้
และแม้ว่าหนังวัวอ่อนจะถูกแช่น้ำ แต่รอยที่แตกต่างกันที่ถูกแช่ในเวลาเดียวกัน น้ำทะเลส่วนเดียวกันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนกัน ใช้การฟื้นฟูสภาพของคอมพิวเตอร์ในการเทียบเคียง ก็จะสามารถหาร่องรอยที่ถูกกดทับบนนั้นได้
ตอนเย็นฉินสือโอวเชิญบิลลี่ไปรับประทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน และส่งเขากลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน จากนั้นเขาได้โทรศัพท์หาโรเบิร์ต เบลค ผู้จัดการของบริษัทจัดประมูลริชชี่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับเงิน
แม้การกระทำเช่นนี้จะไม่ดีนัก แต่ตอนนี้ฉินสือโอวได้เรียนรู้แล้วกับคำที่ว่า ธุรกิจก็คือธุรกิจ
ครั้งนี้บิลลี่ไม่ได้มาเพื่อช่วยเขาอย่างเดียวเป็นแน่ เขาก็มาเพื่อผลประโยชน์เหมือนกัน และได้แสดงให้เห็นถึงเงื่อนไขของเขาแล้ว นั่นก็คือ เพื่อช่วยฉินสือโอวจัดการเรื่องเงิน และเพื่อสมุดบันทึกของเรือดังเคิลออสเตียส
แต่ฉินสือโอวมีจุดประสงค์อื่นกับโอดิสซีย์ ดังนั้นเขาจึงพยายามไม่นำเรื่องเงินไปข้องเกี่ยวกับบิลลี่
เบลครับสาย ดูเหมือนว่าเขากำลังอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังมาก เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มและเสียงกรีดร้องของผู้คน ทำให้ฉินสือโอวผู้คุ้นเคยกับความเงียบขมวดคิ้วและถามว่า “นายกำลังทำอะไรน่ะ?”
เบลคหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ฉันกำลังสนุกสนานในงานเลี้ยงของเพื่อนน่ะ ยังไงล่ะ ฉิน สนใจหรือเปล่า? อีกสองวันฉันก็จะจัดงานเลี้ยงเหมือนกัน จะมีไวน์และสาวงามมากมาย มาไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบสภาพแวดล้อมลักษณะนี้ ในเมื่อนายกำลังอยู่ในงาน ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูดสั้นๆ ละกัน ฉันมีเงินล็อตหนึ่ง เจ้ามีวิธีจัดการกับมันหรือไม่? ประมาณหนึ่งร้อยตัน”
“เงินหนึ่งล็อต แถม… ฟัค รอก่อน นายว่ายังไงนะ? เงินประมาณหนึ่งร้อยตันเหรอ?”เบลคหยุดหัวเราะในทันที จากนั้นมีเสียงออดอ้อนส่งมา “ที่รัก ฉันคันหน้าอกนิดหน่อย ช่วยฉันเกาหน่อยได้ไหม?”
ฉินสือโอวคิดว่าตนกำลังไปขัดความสุขของอีกฝ่าย จึงรีบพูดว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ละกัน”
เบลครีบถามขึ้นว่า “จะคุยพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าที่นายถามมาคือเงินหนึ่งร้อยตัน คือเงินหนึ่งร้อยตันถูกไหม?”
เมื่อได้รับการยืนยันคำตอบ เบลคก็วางสายไป ฉินสือโอวยิ้มขื่นๆ และส่ายหัว คาดว่าเจ้านี่น่าจะไปนวดหน้าอกและเก็บที่นอนให้สาวสวย ตนชีวิตรันทดที่สุด มีสาวงามอยู่ที่บ้าน แต่ดูได้เพียงอย่างเดียว
เมื่อกลับถึงบ้านพัก วินนี่ยังคงรอเขาอยู่ เมื่อเห็นเขากลับมาก็ยื่นนมอุ่นให้เขาหนึ่งแก้ว จากนั้นโบกมือพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วพาหู่จือและเป้าจือขึ้นห้องไป
ฉินสือโอวถือนมอุ่น และรู้สึกอบอุ่นในใจ เขาอยากพูดอะไรบางอย่างในตอนที่มองไปที่ด้านหลังของวินนี่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกไป
ก่อนนอน ฉินสือโอวได้ออกไปลาดตระเวนที่ฟาร์มปลาก่อน เงินกองทับซ้อนกันอยู่ตามแนวปะการัง ดูเหมือนพักนี้เหล่าฉลามแมวจะสนใจเงินเหล่านี้เป็นพิเศษ แหวกว่ายในนั้นไปมา ราวกับว่าต้องการลงหลักปักฐานที่นี่
ฉินสือโอวได้นิสัยไม่ดีมาจากบอลหิมะและไอซ์สเกต เมื่อเขาเห็นเหล่าฉลามแมวก็อยากจะรังแกพวกเขา ทันใดนั้น ฉลามขาวความยาวกว่าสิบเมตรพุ่งตรงไปยังเหล่าฉลามแมว
มันเดย์สังเกตเห็นฉลามขาวตัวนี้ก่อน ฉินสือโอวรู้สึกว่าเจ้านี่กลัวจนตาตั้ง จากนั้นเหล่าฉลามแมวว่ายหนีกระเจิดกระเจิง
ฉินสือโอวควบคุมให้ฉลามขาวไล่ตามฉลามแมวไปทั่ว กำลังสนุกเลยเชียว จู่ๆ บอลหิมะและไอซ์สเกตก็พุ่งมาหาพร้อมกับจ้องด้วยสายตาที่พร้อมจะตะครุบดั่งพญาเสือ ทั้งสองยาวไม่ถึงสองเมตร แต่กลับไม่รู้สึกกลัวฉลามขาวเลยสักนิด
ไอซ์สเกตยังคงจำเรื่องราวที่ตนเกือบถูกฉลามกินในตอนแรกเกิดได้ ครั้งนี้เมื่อได้พบฉลามขาวก็คิดอยากล้างแค้น ส่วนบอลหิมะในฐานะเพื่อนสนิทของเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน สองจิ๋วโจมตีฉลามขาวจากทางด้านซ้ายและขวา
แต่ฉินสือโอวไม่ต้องการทำร้ายสัตว์เลี้ยงของตน จึงส่งฉลามขาวกลับไปใต้ทะเลลึก เมื่อชนะการรบ ทั้งบอลหิมะและไอซ์สเกตต่างดีใจเป็นพิเศษ
แต่อีกเรื่องที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อมันเดย์และเหล่าฉลามแมวเห็นถึงความเก่งกาจของสองจิ๋วนี้ ต่างเข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์
พวกมันถือว่าฉลาดเลยล่ะ ดูสิบอลหิมะและไอซ์สเกตยังเด็กอยู่เลย แต่สามารถไล่ฉลามขาวไปได้ หากโตขึ้น  จะเก่งกาจแค่ไหน กอดขา รีบกอดขาสิ
ทุกสิ่งอย่างในฟาร์มปลาเกิดขึ้นตามปกติ ฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีปัญญาอะไรจึงเข้านอน
ในตอนเช้า ฉินสือโอวกลับมาจากการวิ่ง เห็นบนหน้าจอโทรศัพท์มีสองสายที่ไม่ได้รับ ล้วนแต่เป็นสายจากเบลค เขาจึงทำการโทรกลับ คิดว่าเบลคเพิ่งจบจากงานปาร์ตี้
แต่เมื่อเบลครับสายกลับพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉิน ฉันถึงท่าเรือเซนต์จอห์นแล้ว เก้าโมงครึ่งถึงเกาะแฟร์เวลของนาย”
ฉินสือโอวเกือบจะเป็นลม เขาพูดว่า “พระเจ้า อย่าบอกนะว่า เมื่อคืนพอนายได้รับโทรศัพท์ฉัน ก็รีบตรงมาเซนต์จอห์นเลย นายบ้าไปแล้วเหรอ?”
เบลคหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “เงินทองสามารถทำให้คนเป็นบ้าได้ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบด้วยความรู้สึกจนปัญญา “แต่ประเด็นคือ ฉันเพียงแต่โทรไปสอบถามเท่านั้น ฉันไม่มีเงินหนึ่งร้อยตันหรอก!”
เบลคไม่สนใจ พูดขึ้นว่า “อย่ามาทำมุกนี้ ฉิน ฉันรู้จักนิสัยของนายดี ตอนนี้นายอาจยังไม่มีเงินหนึ่งร้อยตัน แต่ฉันกล้าพนัน นายมีความมั่นใจ 90% ที่จะได้เงินหนึ่งร้อยตันมา ไม่อย่างนั้นนายไม่โทรมาหาฉันตอนเที่ยงคืนหรอก!”
“ถ้าอย่างนั้นนายค่อยมาตอนกลางวันก็ได้นี่”
“ไม่ๆๆ ฉิน ทำธุรกิจต้องรู้จักคว้าโอกาส อย่าว่าแต่ช้าไปแค่วันเดียว หากฉันช้าไปเพียงนาทีเดียว ก็อาจพลาดและสูญเสียรายการใหญ่นี้ไปได้”
ฉินสือโอวยิ้มขื่นๆ เมื่อวางสายเขาเตรียมจะไปรับเบลค แต่ตอนเก้าโมง อลัน แบรนดอนประธานกรรมการธนาคารมอนทรีออลรัฐนิวฟันด์แลนด์ก็ได้โทรมาหาเขา “ฉิน ฉันกำลังจะขึ้นเครื่อง เจอกันตอนบ่าย”
“อะไรกัน? อลัน นายกำลังจะทำอะไร?”
“อย่ามาทำมุกนี้ เบลคบอกทั้งหมดให้กับฉันแล้ว เงินหนึ่งร้อยตันไม่ใช่เหรอ? ฮ่าๆ นายคิดว่าเขาคนเดียวก็สามารถจัดการของที่มีมูลค่ากว่าร้อยล้านให้นายเหรอ? เชื่อฉัน ฉันเองก็เป็นผู้ช่วยที่ดีในการขายของโจรเหมือนกัน”
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset