ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1461 การฆาตกรรมอันน่าสะพรึง

เมื่อเห็นปืนกระบอกนั้น คนทั้งห้าก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา ชายผิวขาวคนที่พกปืนรีบพูดออกมาทันทีว่า “อย่าเข้าใจผิด! เพื่อนยาก ผมอธิบายได้! ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี! พวกเราไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร พวกเราพกปืนก็เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น!”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ปกป้องตัวเองงั้นเหรอ? ฟัค ที่มหาสมุทรแอตแลนติกนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่อันตรายเหมือนอ่าวเอเดน เรือที่ล่องอยู่ที่นี่ต้องพกปืนไว้ป้องกันตัวเองด้วยงั้นเหรอ?”
ชายผิวขาวคนนั้นกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เขาพูดอ้อนวอนออกมาว่า “เพื่อนยาก จริงๆ นะ พวกเราไม่มีเจตนาคิดร้ายเลย พวกเราพกมันไว้เพื่อปกป้องตัวเอง! พวกเราไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นคนแบบไหน…”
แอร์แบ็คค้นตัวเขาอีกครั้ง จากนั้นก็เจอปืนพกอีกหนึ่งกระบอก ปืนลูกซองลำสั้นอีกหนึ่งกระบอกและมีดคมอีกสองเล่ม เขาโยนของพวกนั้นลงที่พื้นดาดฟ้า หู่จือพุ่งตัวเข้ามาใช้จมูกดมมีดเล่มหนึ่ง จากนั้นขนของมันก็ตั้งชัน มันส่งเสียงร้องขู่ออกมาอย่างดุร้าย
ฉินสือโอวชี้ไปยังคนทั้งห้า เกิงจุนเจี๋ยพาลูกน้องของตัวเองสี่คนเข้าไปตรวจสอบคนพวกนั้นทีละคน
พวกของเกิงจุนเจี๋ยหันปากกระบอกปืนไปยังหน้าผากของคนพวกนั้น มีคนสองคนในนั้นที่ไม่สามารถรับแรงกดดันนี้ได้ พวกเขาทรุดตัวลงบนดาดฟ้า แล้วให้มือปิดหน้าปิดตาร้องไห้ออกมา
ฉินสือโอวถามออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พูดมา พวกนาย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อย่ามาพูดเรื่องระมัดระวังไร้สาระบ้าบออะไรนั่นอีกเลย บอกความจริงกับฉันมา!”
ชายผิวขาวคนนั้นมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ เขาพูดว่า “พวกคุณอย่างยิงเลยนะ ผมจะพูด จะพูดทั้งหมดเลย ความจริงคือ เรือของพวกเรือถูกทรยศ!”
ฉินสือโอวตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาถามกลับว่า “ทรยศ? ทรยศอะไร?”
ชายผิวขาวตอบว่า “พวกเราเป็นเรือประมงสำหรับตกหมึก พวกเราล่องออกมาจากพอร์ตแลนด์ ผมคือกัปตันเรือ แต่ว่าผมมีคนงานไม่พอ เลยไปจ้างผู้ช่วยกัปตันที่มีคนงานเพียงพอ ปรากฏว่า การตกหมึกของเราครั้งนี้ไม่ค่อยราบรื่น การเก็บเกี่ยวไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง”
“นายก็รู้นี่เพื่อน ผู้ช่วยกัปตันรับเงินส่วนแบ่งตามผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ แต่ว่าพวกเราเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่มากนัก เขาจึงได้เงินไปไม่เท่าไร ดังนั้นเขาและลูกน้องของเขาจึงก่อกบฏ เพื่อขอให้ผมเพิ่มเงินปันผลให้อีกหน่อย”
“แต่ผมไม่เห็นด้วย พี่น้อง ผมไม่มีทางเห็นด้วยหรอกจริงไหม? ปรากฏว่าไอ้พวกสารเลวพวกนั้น แอบขโมยโทรศัพท์ดาวเทียมและอุปกรณ์ที่สามารถขายได้ไป จากนั้นพวกมันก็นั่งเรือชูชีพหนีไป และทิ้งให้พวกเราตกที่นั่งลำบากอยู่ที่นี่!”
“ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องระมัดระวังตัว เพราะว่าพวกเราไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นคนแบบไหน! ยกโทษให้พวกเราด้วยนะ เพื่อนยาก ถ้าหากว่าผมรุกรานพื้นที่ของคุณ ผมยอมขอโทษ แต่พวกคุณอย่ายิงปืนนะ!”
ชายที่อยู่ข้างชายผิวขาวก็พูดอ้อมวอนขึ้นมาเหมือนกันว่า “ใช่แล้ว กัปตันของพวกเราพูดความจริงนะ โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย เรื่องสำคัญอีกอย่างคือพวกเราไม่กินของของพวกคุณแล้ว พวกเรากลับไปยังเรือของเราเลย โอเคไหม? ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราขอร้องล่ะ!”
คำอธิบายนี้มีเหตุผล ท่าทางของฉินสือโอวดูดีขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามคนพวกนี้ไม่ได้มีอาวุธในมือ เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกให้พวกเขาเก็บปืนกลับไป
แต่ว่าหู่จือและเป้าจือยังคงเห่าออกมาอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งหู่จือยังเห่าใส่มีดที่อยู่บนพื้นไม่หยุดอีกต่างหาก
ชายผิวขาวถอนหายใจยาวออกมา แล้วพูดว่า “ขอบคุณ ขอบคุณพวกคุณที่เชื่อใจ! ถ้างั้น พวกเราไม่กินอาหารของพวกคุณแล้ว พวกเราไปได้แล้วใช่ไหม?”
ในขณะที่พูดเขาก็เอื้อมไปหยิบปืนมาอย่างหยั่งเชิง หู่จือพุ่งเข้ามาข้างหน้าชายคนนี้ด้วยท่าทีดุร้าย สายตาของมันแสดงถึงความดุร้ายออกมาพร้อมกับแยกเขี้ยวอันแหลมคมของตัวเอง มันจ้องมองเขาอย่างดุดัน
ชายผิวขาวที่เป็นกัปตันกลัวจนรีบถอยหลังกลับไป ชายที่เคยเอ่ยปากพูดก่อนหน้านี้พูดขึ้นว่า “อาวุธพวกนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมดแล้ว เพื่อน พวกคุณเอาไปก็ไม่มีประโยชน์ ให้พวกเราเถอะได้ไหม? ถ้าหากว่าพวกคุณไม่เชื่อใจพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็จะถอยลงเรือเล็กไปก่อน แล้วพวกคุณค่อยโยนมันลงมา โอเคไหม?”
ฉินสือโอวให้ซีมอนสเตอร์เตรียมอาหารจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “พวกเราไม่ใช่คนไม่ดี เพื่อนยาก พวกนายไม่ต้องกลัว ฉันจะให้อาหารแก่พวกนายจำนวนหนึ่ง และจะช่วยเรียกทีมกู้ภัย…”
“อ้อ ไม่ต้องแล้ว…” ชายผิวขาวกัปตันเรือพูดออกมาโดยอัตโนมัติ
คำพูดนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมา แต่เกิงจุนเจี๋ยสังเกตได้ จึงยกปากกระบอกขึ้นมาอีกครั้ง
บรรยากาศกลับมากดดันอีกครั้ง ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองนั้นอาจจะสงสัยมากเกินไป ถึงส่ายหัวให้กับเกิงจุนเจี๋ย เขาจึงลดปากกระบอกปืนลงเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังคงรักษาท่าทางการป้องกันตัวไว้
ซีมอนสเตอร์และแซ็กนำเบอร์เกอร์มาจำนวนหนึ่งกอง ฉินสือโอวให้ชายที่เป็นกัปตันเรือ พลางพูดว่า “เพื่อน เมื่อกี้…”
ชายกัปตันเรือยื่นมือออกไปรับถุงนั้นมา หลังจากที่ทั้งสองเข้าใกล้กัน เขาก็ไม่หยิบถุงเบอร์เกอร์ไป แต่เขากลับรีบคว้าข้อมือของฉินสือโอวไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงตัวของฉินสือโอวเข้าสู่อ้อมแขนของตัวเอง ในขณะที่เขากำลังจะดึงตัวของฉินสือโอวเขาอ้อมแขน คอของเขาก็ถูกมือของฉินสือโอวจับไว้
โปรแกรมการออกกำลังกายตอนเช้าของฉินสือโอวนั้นมีการฝึกต่อสู้กับแบล็คไนฟ์อยู่ด้วย แบล็คไนฟ์เป็นทหารฝีมือดีจากหน่วยเดลตาฟอร์ซ แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินสือโอว จากเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าท่านชายฉินในตอนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน
กัปตันเรือคนนั้นคำนวณผิดพลาดไป เขาใช้ประโยชน์จากการลากข้อมือของฉินสือโอวได้เพียงเท่านี้ ทันทีที่ฉินสือโอวมีปฏิกิริยาตอบสนอง ข้อมือของฉินสือโอวก็เข้าไปอยู่ที่คอของชายคนนั้นหมายจะบีบคอของเขา จากนั้นฉินสือโอวก็ใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของชายคนนั้นให้งอตัวมาข้างหน้า แล้วใช้เข่าของตัวเองกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขา!
ท่าทางของเขาดูชำนาญเป็นอย่างมาก…
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ รีบพุ่งตัวเข้ามา ชายอีกสี่คนที่เหลือล้มลงกับพื้นและทุกทุบตีอย่างรุนแรง ถ้าตอนนี้พวกเขายังคิดว่าคนเหล่านี้ถือปืนขึ้นเรือมาเพื่อป้องกันตัวเองอยู่ล่ะก็ แบบนั้นสมองก็คงจะผิดปกติแล้วล่ะ
หู่จือและเป้าจือก้าวเข้ามาร่วงวงด้วย มันกัดน่องของชายที่เป็นกัปตันจนเขาล้มลงจากนั้นก็ลากขาออกมา ชายคนนั้นกรีดร้องครวญครางออกมาเสียงดังในขณะที่ถูกลาก
พวกของเกิงจุนเจี๋ยทั้งห้าคนมัดชายทั้งห้าคนนั้นไว้ที่เรือด้วยเข็มขัด ตอนนี้คนทั้งห้าคนนั้นถูกทุบตีอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ชายผิวขาวที่เป็นกัปตันเรือมีสภาพแย่ที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉินสือโอวห้ามเอาไว้ ขาของเขาคงถูกกัดขาดไปแล้ว
“มันเกิดอะไรเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ฉินสือโอวถามออกมาด้วยความโมโห
ลูกเรือคนหนึ่งที่ปากสั่นเทาไปด้วยความกลัวอยากจะพูดบางอย่างมา แบล็คไนฟ์ตบหน้าชายคนนั้นอย่างแรงพลางพูดขึ้นว่า “บอส ให้ผมจัดการเถอะ ผมจะสอบปากคำเอง!”
แบล็คไนฟ์พาลูกเรือคนนั้นเข้าไปยังห้องควบคุมเรือ ไม่นานพวกเขาก็ออกมาจากห้อง ฉินสือโอวแทบจะไม่ค่อยเห็นสีหน้าเคร่งขรึมแบบนี้ของแบล็คไนฟ์เท่าไรนัก ครั้งสุดท้ายที่เขามีท่าทีแบบนี้คือตอนที่อยู่ที่โซมาเลีย ที่พวกเขาถูกโจรสลัดโจมตีที่โซมาเลีย
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวถามออกมาเป็นคนแรก
แบล็คไนฟ์ชี้ไปยังคนพวกนั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดแล้วพูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า “พระเจ้า พวกเขาเป็นเพชฌฆาต! เรื่องไร้สาระที่พวกเขาพูดออกมา เขานั่นแหละที่เป็นผู้ช่วยกัปตัน กัปตันและลูกเรือหลายคน ถูกพวกเขาฆ่าหมดแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายสี่คนที่เหลือถูกมัดอยู่ก็แสดงท่าทีหมดหวังออกมา มีชายคนหนึ่งกรีดร้องออกมา “ไม่ ไม่ ฉันโดนบังคับมา! ฉันฆ่าคนไปแค่สองคนเท่านั้น…”
คำพูดนั้นทำให้เกิงจุนเจี๋ยและทหารคนอื่นๆ ตัวสั่นขึ้นมา ซีมอนสเตอร์พูดออกมาว่า “พระเจ้า ฆ่าไปแค่สองคนงั้นเหรอ? พวกนายฆ่าคนไปทั้งหมดกี่คนกันแน่?!”
แบล็คไนฟ์พูดขึ้นว่า “เรือของพวกเขามีคนอยู่ทั้งหมดสามสิบแปดคน ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดคนเท่านั้น คนที่ถูกฆ่าทั้งหมดรวมแล้วสามสิบเอ็ดคน!”
“โอ้ว ชิท! ชิท!” บีบีซวงร้องออกมา “ให้ตายเถอะ นี่เป็นการถ่ายหนังหรือเปล่า?! ฆ่าคนไปสามสิบเอ็ดคน? ฉันเป็นทหารมาสิบเอ็ดปี เป็นทหารรับจ้างอีกหกปี ยังไม่เคยฆ่าคนเยอะขนาดนี้เลย!”
มีคนพูดขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “ไม่ใช่นะ คนทั้งสามสิบเอ็ดคนนั้นพวกเราไม่ได้ฆ่า มีบางคนฆ่ากันเองด้วย! ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมก็ไม่คิด…เอ่อ พระแม่มารี ช่วยลูกด้วย! โปรดอภัยในบาปของลูกด้วย พระแม่มารี! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฮือๆ ฮือๆ…”
ฉินสือโอวรีบกลับไปที่ห้องควบคุม แล้วตะโกนบอกชาร์คว่า “ติดต่อไปยังตำรวจชายฝั่งที่ใกล้ที่สุด รีบแจ้งพวกเขาว่าที่นี่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น!”
…………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
Status: Ongoing
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset