ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1476 สวัสดีปีใหม่

การติดตั้งของบ้านกระเบื้องเหล็กสีเป็นไปอย่างว่องไว วิลและทีมงานของเขาใช้เวลา 1 วันในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และใช้เวลาวันครึ่งก็สามารถติดตั้งบ้านสำเร็จเรียบร้อย
โครงหลักของบ้านหลังนี้ใช้เหล็กรูปตัว H และเหล็กรางน้ำ ใช้ผนังแซนวิชเป็นวัสดุผนังกำแพง แล้วทำการผสมผสานเชิงพื้นที่ตามซีรีส์แบบจำลองมาตรฐาน ส่วนประกอบแต่ละส่วนใช้เกลียวหรือเชื่อมโลหะในการยึด ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งง่ายดายสำหรับทีมก่อสร้างขนาดใหญ่
แต่ที่ใช้เวลา 4 วันกว่ากว่าจะสร้างเสร็จ นั่นก็เพราะว่าฉินสือโอวไม่ได้เลือกกระเบื้องหลังคาแบบลวกๆ ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนบ้านพักคนงาน ดูไม่มีระดับ
เขาขอให้วิลเปลี่ยนผนังสองด้านของบ้านกระเบื้องเหล็กสีเป็นกระจกนิรภัย แล้วทาสีบนผนังด้านหลังที่มีสีขาว ส่วนด้านหน้าแขวนด้วยพริกแดงและข้าวโพดสีเหลืองอร่ามเป็นช่อๆ คู่กับข้าวฟ่างสีแดง เมื่อมองไปแล้วดูมีระดับขึ้นมาก
ท้ายสุดแล้วครอบครัวที่ลงชื่อว่าจะเข้าร่วมปาร์ตี้คืนเลี้ยงส่งปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีทั้งหมด 28 ครอบครัว ทั้งหมดมี 155 คน เกินจากที่คาดไว้ 180% รวมกับคนงานในฟาร์มปลาอีก ก็เกือบ 200 คนแล้ว!
หลังจากที่พ่อฉินแม่ฉินเข้ามาแล้วเห็นคนจำนวนมากมายขนาดนี้มาฉลองคืนส่งท้ายปีด้วยกัน แน่นอนว่าพวกเขามีความสุขมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักใคร แต่ก็เป็นคนจีนทั้งหมด พูดอะไรก็ฟังออก อยู่ต่างประเทศแล้วเจอคนบ้านเดียวกันแบบนี้ก็สุขใจเพียงพอแล้ว
วินนี่เมื่อพูดแล้วก็ต้องทำได้ เชอร์ลี่ย์จึงถูกจัดให้เล่นไวโอลินด้วย
ตรงกลางห้องมีเวทีตั้งอยู่ เชอร์ลี่ย์สวมชุดกระโปรงยาว พวงหรีดดอกไม้สวมอยู่บนศีรษะของเธอ ผมสีบลอนด์ของเธอราวกับแสงอาทิตย์กระจายอย่างนุ่มสลวยอยู่บนชุดสีขาวสะอาดตา เธอสวมถุงมือสีขาว หลังจากที่ยกไวโอลินขึ้นมา มันไม่ใช่แค่ความงดงามธรรมดา แต่ยังแฝงไว้ถึงความสง่า ราวกับนางฟ้าน้อยๆ ตกลงมาสู่โลกมนุษย์
ในบรรดาครอบครัวที่มามีหลายครอบครัวที่พาลูกเด็กเล็กแดงมาด้วย พวกเขาต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์ พวกเด็กผู้ชายต่างคิดไม่ซื่อ ส่วนเด็กผู้หญิงก็รู้สึกอับอายว่าตัวเองสู้เขาไม่ได้ ความแตกต่างมีมากอย่างเห็นได้ชัดเจนยากที่จะไล่ล่า
เชอร์ลี่ย์ก้มโค้งคำนับ ผมนุ่มสลวยลื่นไหลลงมาราวกับน้ำตก เธอไม่ได้หวีผม ผมที่ปกคลุมลงมาปิดใบหน้าส่วนหนึ่งให้ความรู้สึกถึงความงดงามอันลี้ลับ แค่ยืนต่อหน้าผู้คนยังไม่ทันเล่นไวโอลินก็สามารถดึงดูดทุกคนได้ขนาดนี้แล้ว
หลังจากที่ไวส์เห็นก็คิดไม่ซื่อเช่นกัน เขาเอามือทั้งสองลูบคางไปมาแล้วพูดอย่างโง่เขลาว่า “อาจารย์ ผมอยากจะพาเชอร์ลี่ย์ไปเที่ยวรอบโลก ขี่ม้าด้วยกันอย่างสนุกสนาน…”
ฉินสือโอวดีดนิ้ว พูดด้วยความโมโหว่า “เราเจ้าเด็กน้อย รู้ว่าอะไรคือเที่ยวรอบโลกไหม? เรียนให้ดี ฝึกวิชาการต่อสู้ให้เก่งก่อน ฝึกให้ร่างกายแข็งแรงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
กอร์ดอนก็พูดอย่างจริงใจว่า “ไวส์ นายอย่าได้เคลิ้มไปกับรูปลักษณ์ภายนอกของเชอร์ลี่ย์เชียวนะ เธอเป็นแม่มด ส่วนนายก็เป็นผู้นำด้านศิลปะการต่อสู้ หรือว่านายอยากจะจมไปกับแม่มดด้วยกัน? นายอยากจะเสียสละอนาคตที่ดีของตัวเองเพื่อแม่มดคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?”
ไวส์กล่าวอย่างเศร้าๆ ว่า “โชคชะตาเล่นตลกจริงๆ ด้านหนึ่งก็คือความภักดีของพี่น้อง อีกด้านหนึ่งก็เป็นความรู้สึกที่แท้จริง อาจารย์ ผมทรมานเหลือเกิน!”
ฉินสือโอวทรมานกว่า เขารู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นเอาศิลปะการต่อสู้มาหลอกไวส์ เขามีลางสังหรณ์ว่า ชีวิตที่เหลือของเขาคงต้องรับความทรมานจากวีรบุรุษไวส์ผู้นี้ไปตลอด
บนเวทีมีลำโพงตั้งอยู่ เชอร์ลี่ย์เริ่มสีไวโอลิน เสียงเพลงจากไวโอลินที่ไพเราะและคมชัดก็ดังไปทั่วงานผ่านลำโพงขยายเสียง เพียงชั่วพริบตาเดียว ผู้คนเกือบ 200 คนเงียบสงัด ไม่ใช่เพราะเสียงเพลงที่งดงาม หลักๆ แล้วก็ยังคงเป็นเพราะเชอร์ลี่ย์ช่างงดงามเสียเหลือเกิน
เมื่อเชอร์ลี่ย์บรรเลงจบ จอขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่กลางอากาศก็เริ่มฉายภาพคืนวันในฤดูใบไม้ผลิที่อัดไว้เรียบร้อยแล้ว ยังมีความแตกต่างของเวลาอยู่ มื้ออาหารส่งท้ายปีนี้จัดในช่วงค่ำคืน ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วที่ประเทศจีนตอนนี้วันปีใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร เพราะคนทั้งอเมริกาเหนือก็ฉลองกันแบบนี้ บ้างก็ทำตามพวกเขา
มื้อหลักของอาหารเย็นวันนี้เน้นผักและอาหารทะเล ซึ่งแตกต่างจากสองสามวันก่อน กุ้งล็อบสเตอร์ขนาดยาวเท่าแขนถูกยกออกมาทีละตัวๆ ทำให้พวกนักท่องเที่ยวมีความสุขมากๆ
โต๊ะของฉินสือโอวไม่ได้มีการรับประทานอาหาร เพราะช่วงสองสามวันมานี้กินข้าวขาหมูมากเกินไป ไขมันที่อยู่เต็มท้อง กินผลไม้ลงไปนิดหน่อยก็อิ่มแล้ว
เกิงจุนเจี๋ยพานายทหารทั้งเก้านั่งลงที่โต๊ะ พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ยังคงกินอย่างมูมมาม ถึงแม้ว่าปกติแล้วพวกเขาก็มีกินอาหารทะเลเช่นกัน แต่ไม่ได้ทำออกมาพิถีพิถันขนาดนี้
หลังจากที่ฉินสือโอวทานผลไม้ไปหนึ่งจานก็ไม่ได้ทานอย่างอื่นอีกเลย ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็ยังคงกินผลไม้แห้งหนุบหนึบอยู่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกชื่นชม
”โคโกโร่ แกมีท้องใหญ่เหมือนหมาแล้วเนี่ย กินเก่งชะมัด พ่อแม่แกต้องเสียเงินไปไม่น้อยเลยนะในการเลี้ยงแกให้โต”
เหมาเหว่ยหลงกลอกตามองบนบอกให้เขาไสหัวไป ฉินสือโอวบอกว่ากินอิ่มแล้วพวกเรากลับไปเล่นไพ่นกกระจอกกัน
เหมาเหว่ยหลงชอบความคิดนี้ พวกทหารก็ชอบเช่นกัน พวกเขาจึงรีบกินให้อิ่มโดยไว ออกจากงานโดยมีฉินสือโอวนำไป กางโต๊ะอยู่ในห้องนั่งเล่น คนที่เล่นไพ่นกกระจอกเป็นก็เรียงไพ่เป็นแถว ส่วนคนที่เล่นไม่เป็นก็หันไปเล่นโต้วตี้จู่แทน
วินนี่จัดงานปาร์ตี้จนถึงห้าทุ่มกว่า หลังจากที่พวกเธอกลับมา พวกฉินสือโอวยังคงเล่นกันดุเดือด เธอรู้ว่าคนพวกนี้คืนนี้คงไม่ได้หลับไม่ได้นอน จึงได้แต่ส่ายศีรษะแล้วพาเสี่ยวเถียนกวาเข้านอน
โลลิต้าของฉงต้าตามติดวินนี่เป็นขบวนราวกับหนอน วินนี่ไปไหนมันก็ไปที่นั่น ตอนที่ขึ้นไปบนตึก เสี่ยวเถียนกวาอาศัยจังหวะที่หม่าม๊าไปทันสังเกต หันหลังกลับไปผลักโลลิต้าของฉงต้า อยากให้มันไสหัวไป
วินนี่รีบอุ้มมันขึ้นมา ทะเลาะกันตรงบันไดก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ไม่เพียงแค่เล่นไพ่ป็อก เล่นไพ่นกกระจอก พอเลยเที่ยงคืน พวกเขาก็เริ่มห่อเกี๊ยว
ทหารทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำเกี๊ยว ซึ่งก็เป็นอานิสงส์จากตอนที่พวกเขาฝึกอยู่ในกรมทหาร เกิงจุนเจี๋ยทอดถอนใจ “เมื่อก่อนตอนปีใหม่ แต่ละชั้นจะมีจัดการแข่งขันห่อเกี๊ยว ชั้นเรียนที่ผมนำมักจะได้ที่หนึ่งจากกองทัพเรือเป่ยไห่เสมอๆ”
พวกทหารหัวเราะขึ้นมา แล้วก็พูดอย่างเหยียดหยามว่า “นายอะ ไม่ต้องโม้แล้ว ทุกคนก็มาจากกองทัพเรือ สหายในกองทัพเรือก็มี แต่พวกเรากลับไม่เคยได้ยินชั้นเรียนที่เก่งกาจของนายเลย”
ทหารฆ่าได้หยามไม่ได้ สีหน้าของเกิงจุนเจี๋ยเปลี่ยนทันใด พูดขึ้น “มา แบ่งกลุ่มแข่งกัน มาดูว่าใครห่อได้เยอะและสวยด้วย ให้บอสเป็นกรรมการ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
พวกทหารหงุดหงิด จึงต่างร้องเสียงดังว่าจะแข่ง เกิงจุนเจี๋ยแบ่งกลุ่มแล้วขยิบตาให้ฉินสือโอว พูดขึ้น “เรื่องง่ายขนาดนี้ เกี๊ยวต้มของเช้าพรุ่งนี้ ครึ่งชั่วโมงก็ทำให้คุณเสร็จเรียบร้อยแน่”
ฉินสือโอวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม สมแล้วที่เกิงจุนเจี๋ยเป็นหัวหน้าชั้นมานาน จัดกิจกรรมแบบนี้เขาเรียกว่างานถนัดเลย
ยามรุ่งเช้าตอนตีสี่ครึ่ง ข้างนอกยังมืดสนิท ฉินสือโอวพาคนออกไปแขวนประทัดแต่ละพวงบนต้นเมเปิลใหญ่สองต้น คนหนึ่งจุดไฟประทัดหนึ่งพวง ค่ำคืนอันเงียบสงบจึงเสียงดังอึกทึกขึ้นมาดังเปาะแปะด้วยเสียงประทัด
ฉินสือโอวโบกมือแล้วพูดว่า “ไปกัน เตรียมกินเกี๊ยว มาดูกันว่าใครจะโชคดีที่สุดในปีนี้!”
ที่บ้านเกิดของพวกเขา เมื่อเป็นวันแรกของปีใหม่เกี๊ยวต้มที่ห่อเป็นรูปร่างทองตำลึง ด้านในจะมีเหรียญอยู่ ใครกินแล้วเจอเหรียญเยอะ ปีนี้ก็จะโชคดียิ่งๆ ขึ้นไป
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอถือเอาชามข้าวมาจะกินเกี๊ยวต้ม ฉินสือโอวใช้น้ำซุปที่ต้มกับเนื้อสัตว์ให้พวกมันกินคู่กับข้าว ไม่ได้ให้เกี๊ยวพวกมัน
เหมาเหว่ยหลงถามว่าทำไมไม่ให้เกี๊ยวต้มกับพวกมัน เพราะอย่างไรเกี๊ยวที่ต้มวันนี้ก็เยอะมากพอ
ฉินสือโอวทอดถอนใจ “แม่ง ปีที่แล้วฉันก็คิดแบบนี้ แต่ผลปรากฎว่าตอนที่พวกมันกิน กินอย่างมีความสุข แต่ตอนที่จะถ่ายออกมาปวดหัวน่าดู ยังไงก็แล้วแต่ ปีนี้ฉันจะไม่หาเหรียญจากในอุจจาระของพวกมันแล้ว”
เหมาเหว่ยหลง “…”
ขณะที่กำลังกินอย่างมีความสุข หู่จือและเป้าจือกระดิกหูไปมา ทันใดนั้นก็วิ่งออกไปด้านนอก หันหน้าออกไปแล้วหอนขึ้นมา
……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset