ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 201 เพื่อนใหม่ในงานราตรี

บทที่ 201 เพื่อนใหม่ในงานราตรี
โดย
Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเตรียมขับรถไปรับเบลคที่ท่าเรือ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบความปากโป้งของเจ้านั่นนัก แต่ก็เป็นคนที่เคยช่วยเหลือเขา อีกอย่างเขาเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับเงินเหล่านี้ผ่านเบลค
แต่แล้ว เมื่อขับรถไปถึงปากประตูฟาร์มปลา รถคัมรี่ของแฮมเล็ตก็มาปรากฏต่อหน้า กระจกตรงเบาะโดยสารข้างคนขับได้เลื่อนลง เอี๋ยนตงเหล่ยยื่นหน้าออกมา แล้วถามว่า “ฉิน คุณกำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ”
เมื่อเห็นว่ามีคนมาที่ฟาร์มปลาเพิ่มอีกหนึ่งคน ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกเอะใจ เรื่องที่ตนต้องการจัดการกับเงินเหล่านั้นรู้กันทั่วทั้งแคนาดาแล้วเหรอ? ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างระมัดระวังคำพูดว่า “ใช่ครับ มีเพื่อนมาหา ผมจะไปรับเขาที่ท่าเรือ”
เอี๋ยนตงเหล่ยผิดหวังเล็กน้อย และพูดว่า “เดิมทีผมอยากคุยอะไรด้วยเสียหน่อย แต่คุณไปจัดการกับธุระของคุณก่อนเถอะ”
ฉินสือโอวถามหยั่งเชิง “เรื่องอะไรครับ?”
เอี๋ยนตงเหล่ยยิ้ม “แค่อยากฟังความเห็นคุณเกี่ยวกับบางประเด็นทางการเมืองน่ะ เมื่อวานนี้ผมรู้มาจากคุณเออร์บักว่าคุณสนใจในพรรคเสรีนิยม ผมเองก็มีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง เลยอยากคุยกับคุณหน่อย”
หากไม่มีชื่อ ‘เออร์บัก’ ในตอนนั้นฉินสือโอวไม่มีความประสงค์ที่จะคุยกับเขาต่อ ในเมื่อเออร์บักเองที่เป็นคนบอกเอี๋ยนตงเหล่ยว่าตนสนใจพรรคเสรีนิยม ถ้าอย่างนั้นตนก็ต้องสนใจแล้วล่ะ ชายชราเป็นผู้นำทางในชีวิตเขาเชียวล่ะ
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกโล่งอกไปทีที่เอี๋ยนตงเหล่ยไม่ได้มาเพราะเงินเหล่านั้น
ฉินสือโอวให้เอี๋ยนตงเหล่ยเข้าไปรอในบ้านพัก เขาเอาน้ำชามาเสิร์ฟ เอี๋ยนตงเหล่ยทำท่าดมกลิ่น จากนั้นจิบน้ำชาหนึ่งคำ แล้วชื่นชมว่า “แค่เป็นชาดำคิ้วอาชาทองคุณภาพสูงเชียวล่ะ เป็นชาที่ดี ชาดีเลยล่ะ ชาดำชนิดนี้อุ่นกระเพาะและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตเป็นที่สุด หากสามารถดื่มสักแก้วในฤดูหนาวในแคนาดา สามารถอุ่นได้ทั้งวัน”
ชานี้เหมาเหว่ยหลงเป็นคนนำมาให้เขา เป็นถุงขนาดใหญ่ เขาไม่ชอบดื่มชาเสียเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ได้แกะเลย ครั้งนี้เพราะการมาของเอี๋ยนตงเหล่ย เขาคิดว่าชานี้น่าจะไม่เลวจึงนำมาเสิร์ฟ
คิดไม่ถึงเลยว่า ชานี้ไม่เพียงแต่ไม่เลวยังเป็นชาดำคุณภาพสูงอีกด้วย หากเป็นชาดำคิ้วอาชาทองจริงๆ ไม่เพียงแต่มีราคาสูงเท่านั้น เป็นของหายากด้วยล่ะ
แฮมเล็ตก็จิบไปคำหนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นชาดำคุณภาพสูงจริงๆ รสชาติบริสุทธิ์ แต่เสียดายฝีมือการชงชาของฉินที่ธรรมดาเกินไป ไม่อย่างนั้นเราสามารถจัดงานเลี้ยงน้ำชาเชียวล่ะ ฮ่าๆ”
ชาวอังกฤษชอบชาดำเป็นพิเศษ ตลอดทั้งปี หากมีโอกาสพวกเขาก็จะชงชาดำและเตรียมของว่างเพื่อเพลิดเพลินกับการจิบชายามบ่าย
ช่วงเช้าไปรับเบลค ช่วยบ่ายไปรับอลัน ตอนนี้ฟาร์มปลาคึกคักมาก
ฉินสือโอวจัดงานราตรีอย่างง่ายในบ้านพัก ผักและผลไม้สดมีพร้อมในสวน กุ้งและปลาในฟาร์มปลาก็ตัวใหญ่มาก วัตถุดิบอุดมสมบูรณ์ยิ่ง
ในตอนบ่าย เมื่อคนมากันครบแล้ว ฉินสือโอวแนะนำแต่ละคนให้รู้จัก เอี๋ยนตงเหล่ย เบลค อลัน บิลลี่ ภูมิหลังของทั้งสี่คนไม่ธรรมดา ครอบคลุมการเมือง การเงินและอุตสาหกรรม ฉินสือโอวพูดติดตลกว่า เป็นการประชุมครั้งใหญ่ของสี่ผู้ยิ่งใหญ่
ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีฐานะ ตำแหน่ง และสถานะทางสังคม ดังนั้น เมื่อทั้งสี่คนนั่งด้วยกันก็มีหัวข้อการสนทนาที่เป็นไปในทางเดียวกัน หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อแล้ว ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ฉินสือโอวในฐานะเจ้าบ้าน ก็ต้องดูแลแขกผู้มาเยือน แต่มื้อเย็นมื้อนี้เขาลงมือเอง ไม่สามารถไปดูแลด้วยตัวเองได้ จึงให้เออร์บักเป็นคนไปดูแล ส่วนเขานั้นทำอาหารกับวินนี่
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอว วินนี่ หู่จือ เป้าจือ ต้าฉงและต้าป๋าย รวมเป็นสองคนกับสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในส่วนผักอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ตรงประตูสวนผัก ครอบครัวของกระรอกดินกำลังซ่อนตัวอยู่ในที่ร่มเพื่อพักร้อน ตอนนี้เสี่ยวหมิงได้กลายเป็นพวกเดียวกันกับพวกมัน เพราะมันสามารถปีขึ้นไปเก็บแบล็กเบอร์รี ราสเบอร์รี สตรอเบอร์รี รวมถึงเรดดีลิเชียสอะไรทำนองนั้นบนต้นไม้มาให้เหล่ากระรอกดินได้ ดังนั้นเหล่ากระรอกดินชอบมันมาก และชอบป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ ตัวมัน
ฉินสือโอวเด็ดสตรอเบอร์รีมาสองสามลูกแล้ววางไว้ในที่ร่มใต้ต้นไม้ของครอบครัวกระรอกดิน ลูกกระรอกมองตามตาวาว จากนั้นวิ่งไปข้างๆ เท้าของเขาแล้วกัดรองเท้าของเขาเล่น ไม่นานเชือกผูกรองเท้าก็ขาด
เมื่อเห็นดังนี้ วินนี่ก็พลันหัวเราะ แต่แล้วก็มีกระรอกดินตัวหนึ่งวิ่งไปบนรองเท้าของเธอ แล้วเงยหน้ามองเธออย่างซื่อๆ เธอย่อตัวลงด้วยรอยยิ้มและจับกระรอกดินตัวน้อยวางบนฝ่ามือ กระรอกดินยิ้มกว้าง จากนั้นหมุนตัวแล้วกระโดดลงบนพื้นและวิ่งหนีไป
วินนี่รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย พูดกับฉินสือโอวว่า “เจ้าพวกนี้ ดูเหมือนว่าไม่ต้องการเล่นกับฉันตั้งแต่แรก”
“เพราะพวกมันไม่คุ้นเคยกับคุณยังไงล่ะ”ฉินสือโอวตอบ “เมื่อคุ้นเคยกันแล้วพวกมันจะชอบคุณ คุณดูสิ ตอนนี้ฉงต้าชอบอยู่กับคุณมากที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
ดูแล้วฉงต้าจะตามติดวินนี่จริงๆ วินนี่เด็ดมะเขือเทศให้มันลูกหนึ่ง มีเล็บที่เป็นเหมือนมีดเล็กๆ ดีดออกมาจากอุ้มมืออ้วนๆ ของมัน ผ่ามะเขือเทศให้เป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งให้ต้าป๋าย อีกครึ่งหนึ่งใส่เข้าไปในปากของตัวเอง
ฉินสือโอวเดินรอบสวนแตงกวา แตงกวาที่นี่เติบโตเร็วมาก เพียงแค่มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ พวกมันก็สามารถโตเป็นแตงกวาขนาดใหญ่ในวันเดียว
เดินแค่รอบเดียว ฉินสือโอวก็ได้แตงกวามากว่ายี่สิบลูก มะระและฟักแม้วก็โตแล้ว เขาก็ได้ไปเด็ดมาด้วยสองสามลูก
วินนี่เด็ดมะเขือเทศ และแยกมะเขือเทศที่สุกแล้วไว้ต่างหาก จากนั้นก็ไปเด็ดมะเขือ ถั่วฝักยาว พริก อะไรทำนองนั้นต่อ ส่วนฉินสือโอวมีหน้าที่ขุดผักคื่นฉ่ายและตัดกุยช่าย แบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน
เมื่อเก็บผักได้มากพอสมควร ฉินสือโอวไปที่ห้องครัว ล้างมะเขือเทศและแตงกวาครึ่งหนึ่ง แล้วนำไปเสิร์ฟให้กับเอี๋ยนตงเหล่ยและคนอื่นๆ เอี๋ยนตงเหล่ยรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย พูดว่า “คือว่า เสี่ยวฉิน ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหารของผมก็ไม่เลวนะ ให้ผมไปช่วยทำอาหารสักสองจานไหม?”
เบลคก็พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พรรคพวก แบบนี้มันรบกวนนายมากเกินไปแล้ว แม้ฉันอยากชินฝีมือของนายมาก แต่ฉันก็ไม่อยากรบกวนนายอย่างนี้”
ฉินสือโอวยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร และให้พวกเขาลองชิมแตงกวาและมะเขือเทศ เอี๋ยนตงเหล่ยหยิบแตงกวาท่อนหนึ่งขึ้นมากัด น้ำแตงกวากระเด็นออกมาทันที กลิ่นหอมค่อยๆ กระจายไปทั่วปาก
“อื้ม แตงกวาอร่อยจริงๆ”เอี๋ยนตงเหล่ยพูดอย่างประหลาดใจ “สมัยเด็ก ๆ ตอนที่ผมยังอยู่บ้านเกิด ในฤดูร้อนผมชอบไปขโมยแตงกวากับเพื่อนๆ ในความทรงจำของผม แตงกวาที่บ้านเกิดเป็นแตงกวาที่อร่อยที่สุดแล้ว แต่เมื่อได้กินแตงกวาที่คุณเอามา รสชาติของแตงกวาที่อยู่ในความทรงจำของผมก็แย่ลงเลยล่ะ”
เดิมทีเบลคและคนอื่นๆ คิดว่าเอี๋ยนตงเหล่ยเพียงเพื่อกล่าวตามมารยาทเท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาได้ทานแตงกวาและมะเขือเทศแล้ว ต่างยกนิ้วโป้งให้ อลันถามฉินสือโอวว่านี่คือผักชนิดใด หลังบ้านเขามีสวนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง เขาเอาก็อยากปลูกผักชนิดนี้
คุยกับพวกเขาสักพัก ฉินสือโอวก็กลับไปที่ห้องครัว เพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็น
ในช่วงบ่าย เชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ก็เลิกเรียนกันแล้ว พวกเขาอยากช่วย ฉินสือโอวปฏิเสธ แต่เขาคิดไตร่ตรองแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเธอไปหาเห็ดที่เกาะมาหน่อยละกัน ตอนเย็นเราทำซุปเห็ดด้วย”
เมื่อสามารถช่วยอะไรได้ เด็กทั้งสี่คนดูมีความสุขมากขึ้น แล้วตามนีลเซ็นออกไปด้วยความดีอกดีใจ
เมื่อเห็นวินนี่ยังอยู่ที่ห้องครัว ฉินสือโอวถามอย่างสงสัยว่า “คุณทำอาหารเป็นเหรอ?”
ครั้งที่แล้วที่วินนี่มาที่ฟาร์มปลา นอกจากทอดไข่และปิ้งขนมปังแล้ว ก็ไม่พบฝีมือการทำอาหารอื่นๆ ของเธออีก
วินนี่หน้าแดง เธอพูดอย่างขวยเขินว่า “แม้ฉันจะไม่ถนัดเท่าไร แต่ฉันสามารถเรียนรู้ได้ และในตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ก็ดูคุณปู่และคุณย่าทำอาหารบ่อยๆ น่าจะไม่แตกต่างกันมากใช่ไหม?”
ฉินสือโอวหัวเรา วินนี่ยื่นมือไปตบเขา และพูดอย่างโมโหว่า “ห้ามหัวเราะ”
ฉินสือโอวจับข้อแขนของวินนี่ และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน พูดว่า “ช่างเถอะ ที่รัก อาหารมื้อนี้ให้ผมเป็นคนทำเถอะ ถ้าคุณต้องการที่จะเรียนรู้ก็ยังมีโอกาสอีกมากมาย ถ้าวันนี้ทำให้เสียเรื่องจะไม่ดีเท่าไร”
“ฉันก็เป็นลูกมือคุณได้นี่นา” วินนี่กล่าว “งานหั่นผักฉันน่าจะทำได้นะ”
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset