ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1471 เพรียงเรือเริ่มปฏิบัติการแล้ว

ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง “ล้อแกเล่นน่ะ ต่อให้ฉันยัดไส้เนื้อลงไปในไส้กรอก ก็จะใช้วัตถุดิบบ่มก่อนสักพัก เพราะถ้าแบบนี้รสชาติไม่ซึมเข้าไป เอาไส้ออกมาก็ไม่อร่อย”
เหมาเหว่ยหลงกลอกตามองบน แล้วพูดขึ้น “แกน่ะ ความต้องการมากไปหน่อยไหม วันๆ คิดแต่ว่าจะกินยังไง คุณค่าของชีวิตไปไหนหมดแล้ว?”
ฉินสือโอวยกปลาค็อดแอตแลนติดออกมาหนึ่งถัง พูดขึ้นว่า “ถ้าแกกล้าก็ไม่ต้องกินข้าวบ้านฉัน ปีใหม่แล้วถ้าไม่ให้คิดว่าทำอะไรอร่อย แล้วจะให้คิดอะไรล่ะ?”
มองเขาจัดการกับปลาค็อด เหมาเหว่ยหลงถามด้วยความสงสัยว่า “แกไม่ได้จะยัดไส้ไส้กรอกเหรอ? ทำไมมาเก็บปลาอะไรตอนนี้?”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไส้กรอกเนื้อปลา เคยกินไหม?”
เหมาเหว่ยหลงส่ายหน้า แล้วพูดว่านายมันช่างกินเก่งจริงๆ
ฉินสือโอวก็ไม่เคยกินไส้กรอกปลาหรอก แต่คิดว่ารสชาติน่าจะไม่เลว อย่างไรก็ตามเกี๊ยวไส้ปลาที่เขาเคยกินก็อร่อยกว่าไส้รสชาติอื่นๆ
เอาเครื่องในของปลาค็อดออกมา หลังจากนั้นก็วางที่นึ่งในหม้อ ปลาค็อกแต่ละตัวที่มีความยาวเมตรกว่าสุกอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดหม้อออก กลิ่นหอมสดชื่นก็อบอวลไปทั่ว
เหมาเหว่ยหลงเข้าไปใกล้หม้อสูดดมกลิ่นหอมลึกๆ จงใจทำสีหน้ามึนเมาแล้วพูดว่า “รสชาติปลาของแกที่นี่ไม่เหมือนข้างนอก พวกเราแทบจะไม่กินอาหารทะเลที่แฮมิลตันเลย รสชาติช่างแตกต่างกับของแกที่นี่ลิบลับ”
ฉินสือโอวยิ้มด้วยความภูมิใจ พูดขึ้น “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นอาหารทะเลของฟาร์มปลาฉันจะแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่าได้ยังไง?”
เหมาเหว่ยหลงส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ที่รสชาติของอาหารทะเลแกอร่อย นั่นก็เพราะว่ามันฟรี พอได้กินของฟรีแน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกับของที่เสียเงิน ใช่ไหมล่ะ?”
“แม่แกสิ ทำงาน!”
ฉินสือโอวหยิบปลาขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วใช้มีดเฉือนเนื้อที่แหลมคมตัดหัวปลาทิ้ง แล้วเอาก้างปลาตรงกลางออก เนื้อปลานึ่งจนสุกแล้ว เนื้อนุ่มแต่ก็ยังมีความเหนียว นี่คือข้อดีของปลาทะเลในฟาร์มปลา ยังสามารถเคี้ยวรับสัมผัสของเนื้อปลาได้ ไม่เหมือนปลาที่คุณภาพไม่ดีบางชนิด พอเข้าปากแล้วก็เละเหมือนเต้าหู้
เมื่อมีดเฉือนหั่นลงไป เนื้อปลาครึ่งหนึ่งก็ถูกเฉือนออกมา เอาก้างปลาตรงกลางออก แค่นี้ที่เหลือก็จะเป็นเนื้อปลาชิ้นใหญ่แล้ว
ข้อดีอย่างหนึ่งของปลาค็อดคือ พวกมันไม่มีก้างปลาอันเล็กๆ มีแค่ก้างปลาใหญ่ตรงกลางลำตัว ดังนั้นชาวตะวันตกที่ใช้ส้อมในการรับประทานอาหารจึงชอบปลาทะเลแต่ไม่ชอบปลาน้ำจืด
ใส่เนื้อปลาลงในเครื่องบด ฉินสือโอวให้เบิร์ดมาช่วยใช้ทักษะมีดเร็ว หั่นพวกต้นหอม ขิง กระเทียมทำเป็นซอส เทเกลือและน้ำมันลงไป ผสมกับเนื้อปลาให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่ลงไปในเครื่องยัดไส้ไส้กรอก ใส่เปลือกหุ้ม ไม่นานก็มีไส้กรอกยัดไส้เนื้อปลาแต่ละเส้นออกมา
เมื่อทำไส้กรอกปลาไป 20 กว่ากิโล ฉินสือโอวก็ฆ่าหมูดำอีก 1 ตัว หลังจากทำความสะอาดแล้วก็หั่นเนื้อหมูเป็นเส้นๆ แล้วโรยด้วยเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ดีแล้ว ปรบมือแล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวรอซึมเข้าไปในเนื้อแล้วค่อยยัดไส้”
พ่อฉินยกเอาหัวหมูและพวกเครื่องในหมูไปทำความสะอาด หมูดำพวกนี้ถูกเลี้ยงในฟาร์มปลา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการเลี้ยงในทุ่งหญ้า แต่ของที่พวกมันกินก็เป็นหญ้าและผลไม้ แม้จะโตช้า แต่เนื้อคุณภาพดี หลังจากที่ล้างพวกเลือดที่ติดกับหัวหมูและเครื่องในออก แม้แต่กลิ่นคาวก็ไม่มี เป็นของดีแน่นอน
หลังจากที่ต้มหัวหมูเพื่อเอาขนออกแล้ว ก็เอามาทำหัวหมูตุ๋นได้ ส่วนขาทั้งสี่ขาก็เก็บขึ้นมา ผ่านไปอีกสองวันเดี๋ยวก็ต้องฆ่าหมูอีก ถึงตอนนั้นค่อยเอามาทำขาหมู
เหมาเหว่ยหลงกำลังสูบบุหรี่แล้วก็ปรึกษาเขาเกี่ยวกับของปีใหม่ไปด้วย พอได้ยินว่าเดี๋ยวเขาจะฆ่าหมูอีกสี่ตัวก็ถอนใจแล้วพูดขึ้น “ได้กินข้าวขาหมูแล้ว ตั้งแต่เด็กฉันไม่เคยกินมื้อแบบนี้ ปีนี้จะกินให้อร่อยกับแกสักมื้อ”
ฉินสือโอวยิ้ม “แค่หนึ่งมื้อ? แค่หนึ่งมื้อได้ไง ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไป ฉันจะให้แกกินข้าวขาหมูทุกวันเลย!”
คนที่จะกินข้าวขาหมูมีไม่เยอะในฟาร์มปลา นอกจากพวกเขาแล้วก็เป็นพวกชาวประมงเกิงจุนเจี๋ย สิบกว่าคน พวกเขาเพิ่งออกมาทำงานเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ปีนี้จึงไม่ได้กลับไปฉลองปีใหม่ แต่สำหรับโหวจื่อเซวียนและหวงเฮ่าเจียแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็จะลาหยุดและกลับบ้านเกิด
คนอื่นๆ อย่างแบล็คไนฟ์ ชาร์ค เป็นต้น พวกเขาไม่กินเครื่องในสัตว์
นอกจากไส้กรอกเนื้อปลา ไส้กรอกเนื้อหมู ฉินสือโอวยังทำไส้กรอกเนื้อกวางด้วย ในโรงน้ำแข็งมีกวางอยู่ครึ่งตัวที่ไม่ได้กินสักที ก็พอดีกับที่เอาเนื้อกวางออกมาทำไส้กรอก
นอกจากนี้แล้วยังมีไส้กรอกเต้าหู้ เขาอยากทำไส้กรอกเลือด แต่ท้ายสุดกลับทำออกมาไม่ดี เพราะสิ่งนี้ต้องใช้ทักษะ จึงได้แต่รอปีฆ่าหมูแล้วค่อยทำ
เป็นเวลานานแล้วที่ฉินสือโอวรอปีฆ่าหมูช่วงปีใหม่ เพราะตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาก็ไม่เคยฆ่าหมูดำอีกเลย เนื้อหมูดำพื้นเมืองที่มาจากบ้านเกิดของเขาอร่อยกว่าหมูดำในแคนาดามาก แล้วเขาก็กลับบ้านน้อยมาก จึงได้แต่อาศัยรอให้พวกมันขยายพันธุ์ กินจนเกลี้ยงไม่ได้
ช่วงเวลาปีกว่าๆ หมูดำคู่หนึ่งมีออกมาสองครอก เนื่องด้วยอาหารอุดมสมบูรณ์ แต่ละครอกจึงมีลูกหมู 10 กว่าตัว ในฟาร์มปลามีหมูดำ 40 กว่าตัวแล้ว ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปจึงฆ่าหมูเพื่อเอามากินได้อย่างสบายใจ
ไส้กรอกแต่ละเส้นแขวนไว้อยู่นอกบ้านเพื่อตากให้แห้ง อากาศที่เกาะแฟร์เวลดีมาก จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีฝุ่น สิ่งเดียวที่น่ากังวลก็คืออย่าให้ฉงต้า หลัวปอขโมยไปกินจนหมดได้
ตอนเย็นบัตเลอร์โทรหาฉินสือโอว แล้วบอกว่าร้านอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินที่โตเกียวของขาด จึงให้เขาช่วยเตรียมส่งอาหารทะเลล็อตหนึ่งไปทางเครื่องบิน โดยเฉพาะปลาโอแถบอบแห้ง ให้เขาผลิตออกมาอีก
ในโรงน้ำแข็งมีปลาโอแถบแช่แข็งอยู่ ฉินสือโอวเอามันออกมาในวันรุ่งขึ้นและนำมันไปที่โรงงานแปรรูปเพื่อเริ่มทำ เมื่อมองเห็นปลาโอแถบแช่แข็งเข้าไปในเตาอบแล้วออกมาเป็นปลาตากแห้งที่แข็งราวกับเหล็ก ทันใดนั้นเขาก็เงียบนิ่งไป
เหมาเหว่ยหลงที่ตามมาช่วยถามด้วยความสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกไม่พูดล่ะ?”
ฉินสือโอวเอ่ยออกมาอย่างเศร้าๆ ว่า “อยู่กับคนงี่เง่าอย่างแก สมองฉันเลยใช้การไม่ดีตามไปด้วยเลย ไส้กรอกของพวกเราจะตากไปเพื่อ ที่นี่มีเครื่อง แค่เอาใส่เข้าไปม้วนตลบรอบหนึ่ง อบจนแห้งก็กินได้แล้ว!”
เหมาเหว่ยหลงเองก็นิ่งไป แล้วถอนหายใจยาว “ฉันเพิ่งบอกว่ายังไง แกทั้งวันก็มัวแต่คิดถึงของกิน ไม่คิดเรื่องเป็นการเป็นงาน สมองดักดานหมดแล้ว!”
ฉินสือโอวแอบคิดในใจเรื่องงานเขามีเยอะมาก ไม่เพียงแต่ลงทุนในบอมบาร์เดียร์ เขายังกลายเป็นประธานของพันธมิตรที่มีภูมิหลังเป็นรัฐบาลอีก แค่ไม่อยากกระตุ้นแกถึงไม่ได้บอกไป
หลังจากที่ผลิตปลาโอแถบอบแห้งได้ออกมาหนึ่งตันแล้ว ฉินสือโอวเอาไส้กรอกวางเข้าไป ซึ่งอันนี้ไม่ต้องอบจนแห้งไม่ให้เหลือน้ำเลยเท่ากับปลาโอแถบขนาดนั้น เหวี่ยงในเครื่องหมุนสักครึ่งนาทีแล้วอบในเตาอบไฟฟ้าอีกครึ่งนาที ไส้กรอกก็จะแห้งกำลังดี
บัตเลอร์รีบนั่งเครื่องบินมา ฉินสือโอวบอกว่าอาหารทะเลเตรียมเสร็จแล้ว ขนขึ้นเรือส่งเมื่อไรก็ได้ หลังจากนั้นก็เชิญเขามาทานไส้กรอกที่เพิ่งทำออกมาด้วยกัน
คุณลุงหนวดดำยิ้มอย่างขมขื่น “กินๆๆ ผมอยู่ที่นี่กินได้หลายมื้อเลยนะ ครั้งนี้ส่งไปที่โตเกียวโดยใช้เครื่องบิน รวดเร็วอยู่แล้ว ผมเลยไม่รีบ”
ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องใช้เครื่องบินส่งล่ะ? เพราะของแช่แข็งที่ส่งไปครั้งนี้เป็นพวกปลาโอแถบอบแห้งและพวกปูจักรพรรดิ ไม่ได้รีบสักหน่อย”
บัตเลอร์พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ตอนนี้มีภัยพิบัติที่อ่าวโตเกียว นายไม่รู้เหรอ? ตอนนี้มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับมหาสมุทรอยู่ 2 เรื่อง เรื่องที่หนึ่งคดีนองเลือดเรือบูลด็อกที่รัฐเมนที่นายประสบ เรื่องที่สองพบเพรียงเรือในท่าเรือหลัก 6 แห่งของโตเกียวถือเป็นภัยพิบัติ ปิดท่าเรือไปแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงยินดีเมื่อคนอื่นเป็นทุกข์ “แกไม่ได้เคยบอกเหรอว่าคนญี่ปุ่นทำอะไรก็เข้มงวด โครงสร้างพื้นฐานก็เก่งมากไม่ใช่เหรอ? ตอนที่พวกเขาสร้างท่าเรือทำไมไม่ทำให้มันแน่นหนาหน่อยล่ะ? ครั้งนี้สนุกแน่ ฉันคาดว่าความเสียหายของกลุ่มท่าเรือในอ่าวโตเกียวต้องเกิน 100 พันล้านเหรียญสหรัฐแน่!”
เมื่อฟังคนสองคนพูด ฉินสือโอวตะลึงไป ถามขึ้น “อะไรนะ กลุ่มท่าเรือในอ่าวโตเกียวเกิดเรื่องเหรอ?”
บัตเลอร์มองไปที่เขาแล้วถามขึ้น “นายไม่รู้เหรอ?” ฉินสือโอวพยักหน้าตามสัญชาตญาณ คุณลุงหนวดดำยิ้มขึ้นมา พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “มา พี่น้อง ฉันจะเล่าให้นายฟังอย่างละเอียดเลย”
……………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset