ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1487 เต็มเนินแคปพิตอล

แมทธิว จิน ตอบตกลงคำขอของฉินสือโอว นี่อยู่ในความคาดหมายของเขา ในเมื่อรัฐมนตรีคนเก่าขอร้องให้เขาเป็นประธาน แน่นอนว่าจะต้องให้อะไรเขาบ้าง อย่างน้อยก็ต้องให้ความร่วมมือกับแผนการของเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะยินดีที่จะทำได้อย่างไร?
งานวิจัยปรับแก้ยีนของสาหร่ายเขียวใบเล็กกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบแล้ว จำเป็นต้องหาฟาร์มปลาบางแห่งเพื่อทำการทดสอบ ท่านชายฉินเอาฟาร์มปลาของตัวเองมาใช้ทดสอบอย่างใจกว้าง
ไม่ใช่เพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน นี่มันเหมาะสมที่สุดแล้ว เขาสามารถทำการปรับปรุงความสามารถในการเอาชีวิตรอดในมหาสมุทรแอตแลนติกของสาหร่ายเขียวใบเล็กโดยใช้พลังโพไซดอนได้
พูดคุยจบ แมทธิว จิน มีความสงสัยว่า “นายต้องการสาหร่ายสีเขียวใบเล็กฉันเข้าใจได้ แต่ว่าสาหร่ายหิมะน้ำแข็งมีประโยชน์เหรอ? สาหร่ายทะเลชนิดนั้น ฉันจำได้ว่าไม่สามารถมีชีวิตรอดในมหาสมุทรแอตแลนติกได้นะ? กรมมหาสมุทรทำการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง มันเป็นไปไม่ได้เลย”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างลึกลับ เขากล่าว “มีแผนรับมือแล้วครับ ท่านรัฐมนตรี คุณแค่รอฟังข่าวดีจากผมก็พอแล้ว”
การประชุมจัดตั้งพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์จัดขึ้นในวันจันทร์ เริ่มงานเก้าโมงครึ่ง เจ็ดโมงเช้าฉินสือโอวและวินนี่ก็มาถึงเนินแคปพิตอลแล้ว เขาไม่เคยมาสถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็นหัวใจของการเมืองของแคนาดามาก่อน วินนี่พาเขาไปเดินชม
แน่นอนว่าเนินแคปพิตอลไม่มีอะไรน่าดู ที่เขาสนใจคือบ้านพักเนินแคปพิตอล หนึ่งในคำขวัญประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของออตตาวา ก็คือ ไม่เคยเห็นบ้านพักเนินแคปพิตอล อย่าได้บอกว่าเคยมายังออตตาวา
ความประทับใจแรกของทั่วทั้งภูเขาคือธรรมชาติที่ดีมาก แม้จะยังเป็นเดือนมีนาคม บนเขาเองก็เขียวชอุ่ม พื้นหญ้าถูกตัดแต่งเรียบร้อยเป็นระเบียบ ต้นไม้ส่วนใหญ่เองก็มียอดอ่อนและกิ่งขึ้นมาแล้ว
ฉินสือโอวยื่นมือหักกิ่งต้นหลิวมาก้านหนึ่ง พูดอย่างหดหู่ว่า “สภาพอากาศของออตตาวาดีจริงๆ นี่เพิ่งจะเดือนมีนาคมต้นไม้ก็งอกเงยเติบโตถึงขนาดนี้แล้ว”
วินนี่เห็นเขาเด็ดกิ่งต้นหลิวก็อึ้ง เธอกำลังจะพูด เวลานี้ก็มีหนุ่มหล่อผิวขาวคนหนึ่งในชุดทหารยามพุ่งเข้ามา โบกมือที่สวมถุงมือขาวแล้วบอกว่า “สวัสดีครับ คุณผู้ชาย ขอเชิญออกจากพื้นที่นี้ เนินแคปพิตอลไม่ต้อนรับผู้ที่ทำลายล้าง”
ฉินสือโอวถึงตระหนักว่าพฤติกรรมจิตใต้สำนึกของตัวเองไม่ดี เขาจึงรีบขอโทษ แต่ว่าทหารยามส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
วินนี่ดึงเขาออกมา ยิ้มแล้วพูดกับทหารยามว่า “สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย อันดับแรกฉันต้องขอโทษแทนสามีของฉันที่ได้ทำไปทั้งหมดด้วย จากนั้นฉันขออธิบายสักนิด ชนชาติของสามีฉัน มีวัฒนธรรมการเด็ดกิ่งในฤดูใบไม้ผลิ บรรพบุรุษของพวกเขายังหลงเหลือคำกลอนที่ไพเราะไว้บทหนึ่งเพื่อระลึกถึงเทศกาลนี้ ‘ยามดอกไม้เบ่งบานรีบเด็ดเอา อย่ารอจนเหี่ยวเฉาทิ้งกิ่งไป’”
คำกลอนประโยคหลังนี้เธอพูดเป็นภาษาจีน ทหารยามฟังแล้วก็อึ้ง แคนาดาให้ความเคารพอย่างมากต่อวัฒนธรรมดั้งเดิมของผู้ที่ย้ายถิ่นฐาน ฉันสามารถจะไม่ชื่นชอบวัฒนธรรมของพวกคุณได้ แต่ฉันจะปกป้องสิทธิในการรักษาวัฒนธรรมของพวกคุณเอง นี่เป็นหนึ่งในหลักการทำงานของข้าราชการแคนาดา
แบบนี้ทหารยามจึงลังเลขึ้นมา วินนี่ยิ้มหวานให้เขาอีกที เขาก็ใจอ่อนแล้ว โบกมือให้พวกเขาตามสบาย แต่ว่ายังคงเตือนพวกเขาคำหนึ่ง ไม่ให้ทำลายสภาพแวดล้อมอีก
ภายใต้การนำของวินนี่ ฉินสือโอวเริ่มเดินชมจากอาคารรัฐสภา นี่เป็นสัญลักษณ์ของออตตาวารวมถึงประเทศแคนาดาด้วย อาคารรัฐสภาประกอบด้วยอาคารสไตล์กอธิคสามหลัง แบ่งเป็นส่วนกลาง ส่วนตะวันออกและส่วนตะวันตก ปัจจุบันเป็นสถานที่เข้าร่วมประชุมและรัฐบาลของแคนาดา
ฉินสือโอวยืนเงยหน้ามองขึ้นจากใต้อาคาร สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือธงชาติรูปใบต้นเมเปิลที่ปลิวไสวไปตามลมบนหอนาฬิกา สถาปัตยกรรมหลังคาทองแดงสไตล์กอธิคตามแนวแม่น้ำออตตาวาตั้งยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยว ใช้เพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อของชนชาติแคนาดา
คล้ายคลึงกับอาคารรัฐสภาของประเทศอาณานิคมอังกฤษหลายประเทศ ด้านหน้าอาคารรัฐสภามีลานสนามหญ้าผืนหนึ่ง
ได้บทเรียนจากต้นหลิวก่อนนี้มาแล้ว ฉินสือโอวถึงกับไม่กล้านั่งลงบนพื้นหญ้าเลย ยืนอยู่ด้านหน้าให้วินนี่ถ่ายรูปให้รูปสองรูป
อาคารรัฐสภามีหอสันติภาพเป็นใจกลาง ตรงกลางเป็นอาคารหลัก สองข้างเป็นอาคารข้างตะวันออกและตะวันตก วินนี่บอกเขาว่า ฟังก์ชันของอาคารทั้งสามหลังนี้ต่างก็ไม่เหมือนกัน อาคารหลักเป็นอาคารรัฐสภาจริง วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรีทำงานที่นี่ อาคารสองข้างเป็นสำนักงานขององค์การรัฐบาลแคนาดา
เธอไม่ได้แนะนำการทำงานของอาคารข้างตะวันออกและตะวันตก แต่ได้เล่าความลับอย่างหนึ่งให้ฟัง “คุณรู้หรือเปล่า ว่ากันว่าอาคารทั้งสองหลังนี้เป็นสถานที่อยู่ของคลังหลวงแรกสุดของแคนาดา ทองคำที่แคนาดาเก็บรักษา ก็อยู่ในอาคารทั้งสองหลังนี้”
ฉินสือโอวหัวเราะ “จะเป็นไปได้อย่างไร คลังหลวงอยู่ที่นี่ มีกองกำลังป้องกันแค่นี้? ผมกับแบล็คไนฟ์พร้อมกับเหล่าทหารก็สามารถปล้นได้…”
พูดไปครึ่งประโยคเขาก็เงียบลง มีทหารทีมหนึ่งที่เพิ่งผลัดเวรเสร็จกำลังเดินมา หัวหน้าทีมที่แต่งตัวราวกับไก่ตัวผู้กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง ดูไปแล้วไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก
เห็นชัดว่า คนอื่นได้ยินที่เขาคุยกับวินนี่
เดินดูต่อ พวกเขาเดินถึงด้านล่างหอสันติภาพอย่างรวดเร็ว อาคารสูง 90 เมตรนี้ ถูกขนานนามว่าเป็น ‘สถาปัตยกรรมสไตล์กอธิคที่ประณีตที่สุดในโลก’ และเป็นอาคารรัฐสภาที่สูงที่สุด สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้บุคคลที่เสียชีวิตในสงคราม
อาคารทั้งหมดในเนินแคปพิตอลล้วนประณีตมาก อย่างน้อยเนินแคปพิตอลก็เห็นเป็นอย่างนั้น หลังคาสีเขียว ผนังสีเทา ราวกับภาพวาดสีน้ำมัน
ห่างจากหอสันติภาพไม่ไกล ตรงใจกลางลานสนามด้านหน้าอาคารรัฐสภามีแท่นไฟที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งสหพันธ์แคนาดา ‘เซ็นเทนเนียล เฟลม’
ตรงใจกลางมีเปลวไฟลุกโพลงอยู่ เปลวไฟแผ่ไปรอบทิศ น้ำพุโดยรอบไหลลงช้าๆ ตามความลาดชันของแท่นไฟ
น้ำไฟแบ่งชัดเจน แต่ก็ดูผสมผสานกัน ฉินสือโอวรู้สึกนี่เป็นการออกแบบที่ฉลาดหลักแหลม จึงเข้าไปถ่ายรูปสองรูป
รอบข้างแท่นไฟมีตราอาร์มทองแดงของแต่ละรัฐในแคนาดาวางเอาไว้ ตรงตำแหน่งโดยรอบมีวันที่เข้าร่วมสหพันธ์แคนาดาเอาไว้
วินนี่แนะนำให้เขาเหมือนกับเป็นไกด์นำเที่ยวว่า “การออกแบบของแท่นไฟนี้มีความหมายพิเศษ คุณก็รู้ แคนาดาเคยตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฝรั่งเศสและจักรวรรดิอังกฤษมาก่อน ความสามัคคีระหว่างชนชาติเป็นปัญหาใหญ่มาโดยตลอด”
ฉินสือโอวพยักหน้า อย่ามองว่าแคนาดาเป็นดินแดนบริสุทธิ์ของโลก เหมือนจะไม่มีสงครามตลอดไป แต่ความจริงปัญหาเรื่องการแบ่งดินแดนและการผสานรวมของชาติพันธุ์ก็คอยรบกวนรัฐบาลมาตลอด กระทั่งวันนี้ ควิเบกยังคงบอกว่าจะแยกเป็นเอกราชอยู่เรื่อยๆ
“แท่นไฟนี้มีน้ำและไฟผสานรวมกัน เป็นสัญลักษณ์ว่ารัฐบาลแคนาดารักษาความเป็นเอกภาพ เจตจำนงความมั่นคง และความสมานฉันท์ของสหพันธ์” วินนี่กล่าว
ทั้งสองกำลังเยี่ยมชมแท่นไฟ เวลานี้มีเสียงดีใจดังขึ้นมาจากด้านหลัง “สวัสดี คุณคือฉิน? ฉินเจ้าของฟาร์มปลา?”
ฉินสือโอวนึกว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่จำตัวเองได้ เพราะตอนนี้เขาก็เป็นคนดังในหมู่คนแคนาดาเชื้อสายจีน ปรากฏว่าหันหลังไป พบว่านี่เป็นคนรู้จักคนหนึ่ง อย่างน้อยพวกเขาก็เคยดื่มเหล้าด้วยกันมาก่อน เพื่อนทหารของเบิร์ดและนีล เฟอร์กูสันที่เคยไปเที่ยวที่ฟาร์มปลาตอนวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงคราม
ตอนนี้เฟอร์กูสันสวมชุดยูนิฟอร์มอยู่ บนไหล่มีสัญลักษณ์นาฬิกาอันหนึ่ง วินนี่บอกเสียงเบา ว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของหอสันติภาพ เพราะว่าบนสุดของหอสันติภาพมีสถานที่หนึ่ง นาฬิกาสี่หน้าขนาด 88 เมตร และกระดิ่ง 53 ใบประกอบเป็นการบรรเลงที่กำหนดไว้ของการียง
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset