ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1506 ยากที่จะจัดการแล้ว

ฉินสือโอวและเบิร์ดกินอาหารง่ายๆ สองมื้อ ซึ่งเป็นอาหารออเดิร์ฟที่พบบ่อยในแคนาดาและเป็นเซตอาหารครอบครัว
แต่ก็เป็นอาหารง่ายๆ ในมือของเชฟมิชลินระดับสามดาว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากจานอาหารส่งเข้ามาแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับตะลึงก็คือมองวัตถุดิบในอาหารไม่ออก มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียวที่จะบอกว่าจานอาหารที่นำมาเสิร์ฟนั้นคืออาหารไหม? ไม่สิ เขารู้สึกว่านี่คือภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติมากกว่า!
ออเดิร์ฟอาหารง่ายๆ สามารถพูดได้ว่าเป็นการนำหลายๆ สิ่งมารวมกัน ซึ่งจะใช้ส่วนผสมจำนวนมาก สแตนลี่ย์ทำเมนูนี้ให้เขา อันที่จริงก็เพื่อให้เขาได้สังเกตเห็นประโยชน์ของวัตถุดิบอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินที่พยายามรังสรรค์ออกมาในมือของเขา
จริงๆ แล้วปลาลิ้นหมาแบบเดียวกัน ฉินสือโอวจะย่างกินเท่านั้น คนอื่นๆ จะห่อด้วยกระดาษฟอยล์แล้วนำไปนึ่งให้สุก จากนั้นก็โรยด้วยผงวานิลลา รสชาติและความรู้สึกที่ได้เห็นจะแตกต่างกันมาก
ความอร่อยของปลาลิ้นหมาจะยังคงรสชาติเดิม เพราะขั้นตอนการห่อกระดาษฟอยล์และการนำไปนึ่งจนสุกจะไม่ทำให้สูญเสียรสชาติ ฉินสือโอวยังสัมผัสได้ถึงรสชาติสดและอร่อยสุดแสนพิเศษที่พุ่งเข้าหาเขา เวลานี้เขาจึงเข้าใจว่าทำไมบรรพบุรุษถึงใช้คำว่า ‘ปลา’ และ ‘แกะ’ มาสร้างคำว่า ‘สด’ ขึ้น
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ สแตนลี่ย์ก็นำขนมหวานสองรสชาติมาเสิร์ฟโดยเฉพาะ ขนมทั้งสองชนิดนี้ก็เป็นขนมที่หาได้ทั่วไป ซึ่งมีขายตามแผงลอยริมถนน รสชาติแรกจะเป็นรสทีรามิสุและอีกชิ้นก็จะเป็นเกรปฟรุตแบ่งเป็นชั้นๆ
ส่วนผสมหลักของเกรปฟรุตแต่ละชั้นคือจะเป็นเกรปฟรุตหนาชั้นแรก ซึ่งจะเคี่ยวจนมีเนื้อครีมระดับปานกลางเมื่อจับคู่กับวานิลลาและมะนาว รสชาติจะเข้มข้นขึ้น นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยน้ำตาลไอซิ่งและใบโหระพา เพื่อความเปรี้ยวหวานและสดชื่น
การทำทีรามิสุจะมีความประณีตมากกว่า เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงระดับไฮเอนด์หลายครั้ง ที่นั่นมีทีรามิสุที่ละเอียดและสวยงามหลากหลายแบบ แต่ก็ยังไม่ดีเท่าของสแตนลี่ย์
เขาเพิ่งรู้ว่าทีรามิสุแต่ละชั้นของที่นี่สามารถแยกกันแล้วมาจัดวางแบบนี้ได้ ซึ่งเห็นเพียงแค่ผิวด้านนอกของสตรอว์เบอร์รีลูกใหญ่ที่เคลือบด้วยน้ำตาลทรายขาวบดละเอียดหนึ่งชั้น มัลเบอร์รีสองสามลูกก็ราดด้วยซอสข้น เลดี้ฟิงเกอร์หนึ่งชิ้นพร้อมกับมูสครีมนมลูกเล็กๆ ที่เข้ากัน ทั้งรูปทรง สีสันที่สวยงามและกลิ่นที่หอมหวาน
หลังจากกินอิ่มและชมไม่ขาดปากแล้ว ฉินสือโอวจึงเช็ดที่มุมปากพร้อมพูดเช็กบิล สแตนลี่ย์จึงยิ้มและพูดว่า “แล้วแต่คุณจะเลยให้ ถ้าไม่ใช่การนัดล่วงหน้า ผมก็จะทำแบบนี้อยู่แล้ว”
ฉินสือโอวควักเงินสองพันดอลลาร์แคนาดามาวางบนโต๊ะอย่างมีความสุข สำหรับร้านอาหารมิชลินสามดาวแล้ว การบริโภคต่อหัวจะประมาณหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดา ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง แต่เขาและเบิร์ดกินอาหาร และของหวานง่ายๆ อย่างละจานและราคาไม่ถึงมาตรฐานการบริโภคในราคาหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งหัวแน่นอน
แต่เขาไม่มีปัญหาอะไร เพราะเพียงแค่สแตนลี่ย์ใช้อาหารทะเลของพวกเขา เงินเหล่านั้นก็จะกลับมาหาเขาอยู่ดี เขารู้ดีว่าบัตเลอร์เจ้าเล่ห์มากแค่ไหน ปลาลิ้นหมาหนักสิบปอนด์หนึ่งตัว เขากล้าขายมันในราคาหนึ่งพันเหรียญมาแล้ว!
สแตนลี่ย์บอกให้พนักงานเสิร์ฟมารับเงินไป จากนั้นมองที่ฉินสือโอวด้วยรอยยิ้มและแสดงรอยยิ้มที่มีเลศนัยนั้นอีกครั้ง
ฉินสือโอวมองไปที่เขาอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีเลศนัยบางอย่าง จึงจับมือกับเขาและจากไป
ในขณะที่เดินเล่นบนถนน เบิร์ดก็เงียบไปสักพักและแสดงสีหน้าลังเลที่จะพูด
ฉินสือโอวเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร จึงพูดอย่างหนักหน่วงว่า “นายก็มองออกเหมือนกันใช่ไหม? รอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นดูไม่ชอบมาพากลเอาซะเลย เขาต้องอยากวางแผนเล่นงานฉันแน่ๆ!”
เบิร์ดพูดด้วยความตกใจว่า “มีอะไรเหรอ?”
ฉินสือโอวตกใจยิ่งกว่า “นายมองไม่ออกเหรอ? แล้วนายต้องการจะพูดอะไร?”
“สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ บอส ผู้ชายคนนั้นทำอาหารเก่งมากจริงๆ ตอนนี้ผมเสียดายมากที่ตอนนั้นทำไมถึงไปร่วมกองทัพต่อสู้ คงจะดีถ้าผมได้ไปเรียนรู้ทักษะการทำอาหาร!” เบิร์ดมองหันหน้าออกไปมองอย่างโหยหา
“บ้าจริง!” ฉินสือโอวถึงกับพูดไม่ออก
ในขณะที่เดินเล่นไปตามทาง ทางด้านซ้ายมือก็มีบ้านสไตล์ยุโรปที่แข็งแรงเรียงกันแต่ละหลังและทางขวามือจะเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
แฮลิแฟกซ์เป็นสถานที่ขึ้นฝั่งของผู้อพยพชาวยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดและชายทะเลใกล้ท่าเรือก็เป็นที่อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาจุดที่นั่งที่เก่าแก่ที่สุดด้วย บ้านหลายหลังที่นี่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองนี้ ห้ามซื้อขายและปรับปรุงใหม่ อนุญาตเฉพาะผู้อยู่อาศัยหรือการตกแต่งแบบเรียบง่ายเท่านั้นที่จะทำธุรกิจได้
สุดปลายของทางเดินเป็นมุมทะเล ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่มีชื่อเสียงมาก ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องประภาคารและคลื่นที่กระทบโขดหินมากที่สุด
ฉินสือโอวยืนอยู่บนโขดหินโสโครกก้อนหนึ่ง ข้างหน้าจะเป็นประภาคารที่ตระหง่าน ข้างๆ ก็ล้อมรอบด้วยโขดหิน น้ำทะเลทั้งสามทิศทางก็กระทบกับโขดหินใต้เท้า ทำให้เกิดเสียงที่ทำให้รู้สึกสั่นสะเทือน
หลังจากเดินเล่นไปรอบๆ ที่นี่แล้ว แคลอรีที่ได้บริโภคไปในช่วงอาหารกลางวันก็เผาผลาญไปใกล้จะหมดแล้ว ฉินสือโอวและเบิร์ดจึงนั่งแท็กซี่ไปที่โรงแรม
แบล็คไนฟ์ก็ได้กลับมาตอนที่กำลังจะทานอาหารเย็นพอดี เขาไม่รู้ว่าซื้อเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กจากที่ไหน จึงเขย่าฉินสือโอวพร้อมพูดว่า “ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี บอส ผมตรวจสอบเกือบหมดแล้ว จุดประสงค์ของคนเหล่านี้ในแฮลิแฟกซ์มีสองอย่างคือชักชวนให้เชฟชื่อดังท่านหนึ่งให้มาใช้อาหารทะเลของพวกเขา อีกอย่างคือพวกเขาจะเข้าร่วมการประมูลของฟาร์มปลาคาร์เตอร์ในวันพรุ่งนี้ด้วย”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้แล้ว ฉินสือโอวก็เตะโซฟาด้วยความไม่พอใจพร้อมกับพึมพำว่า “บ้าเอ๊ย ฉันน่าจะรู้ว่าไอ้พวกนี้มันมาแบบไม่ซื่อ!”
เขาเชื่อเป็นอย่างมากว่าคาร์เตอร์ได้ไปที่น่านน้ำเกาะแฟร์เวลและมีตระกูลมอร์รี่ยุยงให้ทิ้งเปลือกหอยพิษลงไป แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่ยอมรับ ฉินสือโอวไม่คิดว่าคาร์เตอร์จะเป็นผู้ภักดีกับอะไรแบบนี้ ในคดีนี้ เขาคิดมาตลอดว่าจะโยนความผิดเรื่องทิ้งเปลือกหอยพิษให้กับลูกน้องชาวประมง นี่จึงเป็นสาเหตุที่สุดท้ายชาวประมงเหล่านั้นพูดกลับคำใส่ความเขา ช่างน่าผิดหวังมากจริงๆ
อย่างไรก็ตามแม้แต่ลูกน้องชาวประมงของเขาก็ต่างยอมรับว่าหอยพิษเหล่านี้ถูกคนนอกเอาเข้ามาปล่อย คาร์เตอร์ดื้อดึงในจุดนี้ เขาจึงบอกว่าเขาทำเอง ไม่ใช่คนอื่นส่งมา
บางทีอาจจะอธิบายได้ว่าคาร์เตอร์และตระกูลมอร์รี่มีความรักกันอย่างลึกซึ้ง แต่ตอนนี้ฉินสือโอวมีคำอธิบายที่ดีกว่านั้น นั่นคือคาร์เตอร์รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าตัวเขาเองไม่สามารถรักษาฟาร์มปลาแห่งนี้ไว้ได้ก็จะติดคุก เขาอาจจะทำข้อตกลงกับตระกูลมอร์รี่เป็นการส่วนตัว เขาจะไม่เผยบทบาทของตระกูลมอร์รี่ในเรื่องนี้ ตระกูลมอร์รี่ก็จะช่วยเขาซื้อฟาร์มปลาและส่งคืนให้เขาเมื่อได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก
เดิมทีตามข่าวที่ฉินสือโอวได้ยินมา การประมูลฟาร์มปลาคาร์เตอร์ไม่มีฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่ง เพียงแค่เขาเพิ่มเงินเล็กน้อยก็จะสามารถเอาฟาร์มปลาแห่งนี้ไปได้แล้ว ซึ่งตอนนี้คนของตระกูลมอร์รี่ได้ปรากฏตัวขึ้นและการประมูลจะยากขึ้นอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น ศาลฎีกาแห่งรัฐแฮลิแฟกซ์ได้จัดให้มีการประมูลสิ่งของที่ล้มละลายและฉินสือโอวก็รีบไปอย่างเร็วที่สุด
เมื่อเข้าสู่สนาม ในที่สุดเขาและชาร์ลส์ มอร์รี่ก็ได้พบกัน ชาร์ลส์ มอร์รี่ดูแปลกใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของเขา เขาตกตะลึงพร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมาพร้อมกับทักทาย “เฮ้คุณฉิน คุณก็สนใจฟาร์มปลาคาร์เตอร์เหมือนกันเหรอ?”
ฉินสือโอวก็แสร้งทำเป็นว่าเพิ่งพบเขาเช่นกัน จึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “อ่า ชาร์ลส์? นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน คิดไม่ถึงว่าเราจะได้พบกันที่นี่ คุณพูดอะไรนะ? สนใจอะไรในฟาร์มปลาคาร์เตอร์งั้นเหรอ? ผมมาที่นี่เพื่อช่วยซื้อเรือให้เพื่อน ที่นี่มีเรือยอชต์ดีๆ ที่ถูกประมูลแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ชาร์ลส์แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา เขาคงคิดว่าฉินสือโอวไม่รู้ข่าวการประมูลของฟาร์มปลาคาร์เตอร์และยังรู้สึกไม่พอใจที่ตัวเองเปิดเผยข่าวนี้
ฉินสือโอวแอบยิ้มพร้อมกับพาแบล็คไนฟ์และเบิร์ดเดินเข้าไปในศาล พวกเขาเผชิญหน้ากันเพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเสนอราคาถึงจะเป็นการเผชิญหน้ากันแบบจริงๆ จังๆ เขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองไม่สามารถเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าได้
……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset